คุณผู้หญิงหลายๆ ท่าน คงมีความกังวลจากอาการประจำเดือนมาเป็นสีดำแล้วยัง...
การที่มี ประจำเดือนสีดำ ก็เป็นเพราะเลือดที่ออกมานั้นถูกกรด หรือสภาวะด่างในช่องคลอดทำปฏิกิริยา สีของประจำเดือนที่แดงก็เลยคล้ำขึ้น หรือกลายเป็นประจำเดือนสีดำในที่สุด
นอกจากนี้ ประจำเดือนสีดำ หรือประจำเดือนสีคล้ำนั้น อาจเกิดขึ้นได้จากการที่เลือดประจำเดือนไหลออกมา แล้วไปติดค้างอยู่บริเวณช่องคลอดเป็นเวลานาน โดยเลือดจะค่อย ๆ ซึมออกมาช้า ๆ จนทำให้เลือดประจำเดือนสีแดง เปลี่ยนเป็นสีที่คล้ำขึ้น หรือกลายเป็นประจำเดือนสีดำได้
ประจำเดือนสีดำ ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ประจำเดือนเริ่มมาใหม่ ๆ หรือช่วงที่ประจำเดือนใกล้จะหมด ซึ่งประจำเดือนสีดำ หรือสีคล้ำนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไร และไม่ได้หมายความว่าจะมีปัญหาสุขภาพเพราะประจำเดือนสีดำนะครับ คุณผู้หญิงสบายใจได้
สำหรับคุณผู้หญิงบางคน การที่มีประจำเดือนสีดำ หรือสีคล้ำนั้น ก็มักจะมีอาการ ปวดประจำเดือน ร่วมด้วย ประจำเดือนอาจมากะปริดกะปรอย เลือดประจำเดือนมีความข้นหนืด เพื่อรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย จึงทำให้เลือดคั่งค้างในร่างกาย และไหลเวียนได้ไม่ดี ประจำเดือนจึงเป็นสีคล้ำ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ และขับเลือดออกจากได้น้อย ทำให้รู้สึกปวดท้องเพราะไม่สามารถขับประจำเดือนออกมาได้ตามปกตินั่นเองครับ
อาการของประจำเดือน
ประจำเดือน หรือมักนิยมเรียกกันว่า เมนส์ หรือ ระดู และ รอบเดือน เป็นเลือดที่เกิดจากการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก มีฮอร์โมนสองชนิดคือ Estrogen และ Progesterone ควบคุมการสร้างและหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งระดับฮอร์โมนทั้งสองจะมีความสัมพันธ์กับการตกไข่จากรังไข่
ประจำเดือนในแต่ละรอบเดือนนั้น จะมีช่วงเวลาประมาณ 26-30 วัน ขึ้นอยู่กับคุณผู้หญิงแต่ละท่าน ซึ่งประจำเดือน จะเกิดขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง โดยอาการของคุณผู้หญิงก่อนจะมีประจำเดือน มักจะมีอาการดังนี้
1. เจ็บบริเวณหน้าอก2. ตัวบวม3. เหนื่อยง่าย4. ขี้หงุดหงิด5. อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย
ประจำเดือนผิดปกติ เป็นอย่างไร
ประจำเดือนไม่ได้เป็นแค่สิ่งที่บ่งบอกถึงการทำงานของระบบสืบพันธุ์ว่าเป็นปกติเท่านั้น แต่ประจำเดือนยังสามารถบอกถึงสุขภาพได้อีกด้วย โดยอาการประจำเดือนผิดปกติของคุณผู้หญิงนั้น สังเกตได้ดังนี้
1. มีลิ่มเลือดออกมามากเกินไป หรือมีขนาดใหญ่กว่าปกติ
หากมีอาการแบบนี้ควรไปคุณหมอ เพราะลิ่มเลือดนั้นอาจเป็นเนื้องอก หรือแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนได้
2. มีกลิ่นผิดปกติ คัน เจ็บแสบในช่องคลอด
ถ้าร่วมกับมีอาการตกขาว อาจเป็นไปได้ว่าเป็นตกขาวจากเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา พยาธิในช่องคลอด หรือติดเชื้อในมดลูก รวมถึงมีอาการอุ้งเชิงกรานอักเสบได้
3. ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอไม่ปกติ
ให้สังเกตว่า มีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง ตามืดมัวลงเรื่อย ๆ มีหนวดและขนขึ้นผิดธรรมชาติ น้ำนมออกผิดปกติหรือไม่ ถ้ามีอาการเหล่านี้ควรพบคุณหมอ เพื่อตรวจหาเนื้องอกของรังไข่ หรือตรวจหาความผิดปกติของต่อมหมวกไตหรือต่อมใต้สมองต่อไป
4. ประจำเดือนมาน้อยและมีอาการอ่อนเพลีย
ประกอบกับมีอาการเฉื่อยเนือย เต้านมเล็กลง ขนรักแร้และขนที่อวัยวะเพศร่วง อาจจะเคยตกเลือดอย่างรุนแรง หรือเป็นลมขณะคลอดบุตร ควรพบแพทย์ เพื่อตรวจหาโรคซีแฮน หรือโรคที่ต่อมใต้สมองขาดเลือด ทำให้ทำงานน้อยลงและทำให้รังไข่ทำงานน้อยลง
5. ประจำเดือนมามากจนมีอาการซีด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเลือดที่ออกมามีกลิ่นเหม็น และมีอาการปวดบริเวณท้องน้อย ต้องระวังเรื่องปีกมดลูกอักเสบ หรือยิ่งในวันท้าย ๆ ยิ่งปวดมากขึ้น คุณผู้หญิงควรจะไปตรวจโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ หรือถุงช็อกโกแลตซีสต์ได้
6. ปวดประจำเดือน
การปวดเกร็งเกิดขึ้นเมื่อร่างกายปล่อยฮอร์โมนต่าง ๆ ออกมา หนึ่งในฮอร์โมนนั้นชื่อว่า โพรสตาแกลนดิน ซึ่งทำให้มดลูกเกร็งตัว ปกติแล้วอาการนี้จะเป็นอยู่สองสามวันแล้วหายไป แต่ถ้าเป็นนานกว่านั้นหรือปวดรุนแรงมากกว่าปกติเป็นสองเท่า อาจเป็นอาการของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิฉัยอาการต่อไป