ชาวญี่ปุ่นได้ชื่อว่ามีสุขภาพที่แข็งแรงมาก และมีอายุคาดเฉลี่ยยืนยาวเป็นอันดับสองของโลก (สหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่ 43) ขณะที่มีอัตราของผู้ที่เป็นโรคอ้วนเพียงร้อยละ 3.5 ซึ่งเท่ากับ 1 ใน 10 ของอเมริกา (ร้อยละ 35) เคล็ดลับสุขภาพดีของชาวญี่ปุ่น คือ อาหารไฮ-คาร์บ (Hi-Carbohydrate) เน้นหนักไปที่ข้าว ...
เชื่อไหมว่า คนที่มีสุขภาพดีที่สุดในโลก กินคาร์โบฯ เป็นอาหารหลัก
ชาวญี่ปุ่นได้ชื่อว่ามีสุขภาพที่แข็งแรงมาก และมีอายุคาดเฉลี่ยยืนยาวเป็นอันดับสองของโลก (สหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่ 43) ขณะที่มีอัตราของผู้ที่เป็นโรคอ้วนเพียงร้อยละ 3.5 ซึ่งเท่ากับ 1 ใน 10 ของอเมริกา (ร้อยละ 35) เคล็ดลับสุขภาพดีของชาวญี่ปุ่น คือ อาหารไฮ-คาร์บ (Hi-Carbohydrate) เน้นหนักไปที่ข้าว
จากการศึกษาครั้งใหม่ของกลุ่มนักวิจัยแห่ง National Center for Global Health and Medicine ในกรุงโตเกียวพบว่าผู้ที่ยึดแนวทางการเลือกรับประทานอาหารตามแบบฉบับของญี่ปุ่นมีแนวโน้มว่าจะเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ยึดแนวทางดังกล่าวถึงร้อยละ 15 แนวทางการโภชนาการของญี่ปุ่นสะท้อนถึงการเลือกรับประทานอาหารแบบดั้งเดิมของประเทศซึ่งได้แก่ ข้าว ปลา และผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองแต่ต้องไขมันต่ำ ส่วนสหรัฐจะงดข้าวและเน้นอาหารไขมันสูงมากกว่า อย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพไม่มีคำว่าถูกหรือผิดแต่จะขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมและความแตกต่างของแต่ละบุคคลต่างหาก
เหตุใดชาวญี่ปุ่นจึงนิยมรับประทานข้าว (แต่ไม่อ้วน)
ผู้ที่ปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวจะมีโอกาสเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคน้อยลง กลุ่มนักวิจัยได้ควบคุมปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ เพศ ค่าดัชนีมวลกาย การสูบบุหรี่ การออกกำลังกาย และประวัติการเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคไขมันในเลือดสูง ส่วนผู้ที่มีประวัติการเป็นโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ หรือโรคตับเรื้อรังก็ได้รับการยกเว้นเช่นกัน
James DiNicolantonio นักวิจัยด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดแห่ง St. Luke’s Mid America Heart Institute ยังกระตุ้นผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักให้รับประทานอาหารที่มีแคลอรี่สูงกับไขมันสูงเพื่อให้รู้สึกอิ่มท้องมากขึ้น แม้เขาจะสังเกตว่าการเลือกรับประทานอาหารไฮคาร์บตามแบบฉบับของญี่ปุ่นจะได้ผล แต่อันที่จริงเป็นเพราะคุณภาพอาหาร ปริมาณไขมันที่ต่ำ และระดับการออกกำลังกายต่างหาก DiNicolantonio ยังสังเกตอีกว่าชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานอาหารทะเลซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และที่สำคัญพวกเขาไม่รับประทานอาหารแปรรูปด้วย นอกจากนี้ชาวญี่ปุ่นจะเดินเฉลี่ยวันละมากกว่า 7,000 ก้าวขณะที่ชาวอเมริกันเดินวันละประมาณ 5,000 ก้าวเท่านั้น อย่างไรก็ตามกระแสการเดินให้ครบวันละ 10,000 ก้าวเพื่อสุขภาพนั้นก็มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่น
แนวทางการโภชนาการของญี่ปุ่นสามารถปฏิบัติตามได้ง่ายมาก
แม้ว่าชาวอเมริกันจะชื่นชอบรูปแบบพีระมิดก่อนที่จะถูกนำเสนอด้วยรูปแบบจาน แต่แนวทางของญี่ปุ่นนั้นเป็นรูปแบบของลูกข่าง Kayo Kuratani นักวิจัยแห่ง National Center for Global Health and Medicine สังเกตว่ารูปแบบดังกล่าวสามารถเข้าใจและปฏิบัติตามได้ง่าย
ตัวการ์ตูนที่วิ่งอยู่ข้างบนจะสื่อถึงการออกกำลังกาย ด้ามจับข้างบนคือแก้วน้ำหรือน้ำชา และไม่มีหน่วยบริโภคสำหรับขนมขบเคี้ยว ลูกกวาด และเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ (น้ำหวาน) ส่วนที่ใหญ่สุดของลูกข่างคืออาหารที่ทำจากธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าว ขนมปัง บะหมี่ และแป้งข้าวเจ้า ซึ่งปริมาณที่แนะนำให้บริโภคในแต่ละวันคือ 5-7 หน่วยบริโภค ตามด้วยผักวันละ 5-6 หน่วยบริโภค และโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ และถั่วเหลืองวันละ 3-5 หน่วยบริโภค ส่วนสุดท้ายจะแบ่งออกเป็นสองส่วนได้แก่ ผลไม้และนมหรือผลิตภัณฑ์นมวันละ 2 หน่วยบริโภค
สิ่งที่ชาวอเมริกันสามารถเรียนรู้ได้จากญี่ปุ่น
ดร. Lydia Bazzano นักวิจัยด้านโภชนาการและโรคเบาหวานแห่งมหาวิทยาลัยทูเลนชี้ว่าแนวทางลูกข่างของญี่ปุ่นอาจเป็นภาพลวงตาสำหรับชาวอเมริกัน เนื่องจากชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่รับประทานข้าวขาวเป็นอาหารจานหลักและข้าวขาวก็เชื่อมโยงกับโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรครุนแรงต่างๆด้วย แนวทางการโภชนาการปี 2010 แนะนำว่าอาหารร้อยละ 50-65 ของคนเราควรเป็นคาร์โบไฮเดรตและผู้คนก็ควรหันมาเริ่มรับประทานธัญพืชเต็มเมล็ดอย่างข้าวกล้องได้แล้ว ดังนั้นคราวหน้าถ้ามีใครสงสัยเรื่องที่คุณกินข้าวในมื้อกลางวันก็จงบอกพวกเขาไปว่าคุณกำลังยึดถือแนวทางการโภชนาการลูกข่างแบบญี่ปุ่นอยู่