พาเด็ก ๆ ไปหาหมอฟันทีไร หมอก็บอกว่าหนูน้อยของเรามีฟันผุ ทั้งที่ก็ให้ลูกแปรงฟันทั้งเช้าและก่อนเข้านอนไม่ได้ขาด เอ...แต่ทำไมลูกยังฟันผุอยู่อีกล่ะ ?
พาเด็ก ๆ ไปหาหมอฟันทีไร หมอก็บอกว่าหนูน้อยของเรามีฟันผุ ทั้งที่ก็ให้ลูกแปรงฟันทั้งเช้าและก่อนเข้านอนไม่ได้ขาด เอ...แต่ทำไมลูกยังฟันผุอยู่อีกล่ะ ?
ถ้ามั่นใจพอสมควรว่าเราสอนลูกให้แปรงฟันอย่างสะอาดหมดจด ทั้งยังคอยกำชับให้เขาแปรงฟันตอนเช้าและก่อนเข้านอนอยู่เสมอ แต่กลับพบว่าเด็ก ๆ ยังมีฟันผุอยู่ประปราย เจอแบบนี้คุณพ่อ คุณแม่หลายท่านคงสงสัยว่าทำไมลูกยังมีฟันผุอยู่ ทั้ง ๆ ที่ก็แปรงฟันอย่างมีวินัย เอาเป็นว่าเราลองมาดูสาเหตุที่ทำให้ฟันผุก่อนดีกว่า
1. ลูกดื่มน้ำหวานในทุกมื้ออาหาร หรือทานขนมเยอะเกินไป
น้ำตาลในน้ำหวานและขนมคือตัวการสำคัญที่ทำให้ฟันผุเลยค่ะ เพราะถ้าปล่อยให้ลูกทานของหวาน ๆ มากเกินไป ก็ยิ่งเปิดโอกาสให้คราบอาหารทั้งน้ำตาลและแป้งลอยนวลอยู่บนผิวฟัน ซอกฟัน และช่องปากมากขึ้น ซึ่งน้ำตาลพวกนี้จะถูกแบคทีเรียเปลี่ยนสภาพให้เป็นกรด แล้วไปทำลายเคลือบฟันให้กร่อนและบางลงจนเกิดฟันผุได้
2. ลูกชอบนอนกลางวันหลังกินขนม หรือทานอาหารเสร็จแล้วไม่แปรงฟัน หรือบ้วนปาก
บ่อยครั้งที่ลูก ๆ ทานอาหารกลางวันหรือทานขนมแล้วรู้สึกงัวเงียในตอนบ่าย จนผล็อยหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้แปรงฟันหรือบ้วนปาก รู้ไหมคะว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่ทำให้น้ำตาลยังติดอยู่ตามซอกฟัน และทำให้ฟันผุได้ในที่สุด
3. ฟันกำลังขึ้น
วัยเด็กเป็นวัยที่ฟันน้ำนมและฟันแท้กำลังขึ้น ซึ่งฟันที่เพิ่งขึ้นกำลังอยู่ในช่วงเสริมสร้างความแข็งแรง ดังนั้นฟันที่เพิ่งขึ้นใหม่ ๆ จะมีความต้านทานต่อกรดน้อยกว่าปกติ หากเด็ก ๆ ทานขนมหรือน้ำหวานมากเกินไป ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสฟันผุง่ายขึ้นกว่าเดิมค่ะ
4. แปรงฟันไม่สะอาด หรือแปรงฟันเข้าไม่ถึง
ถึงแม้คุณพ่อ คุณแม่จะมั่นใจว่าแปรงฟันให้ลูกสะอาดดีแล้ว แต่จริง ๆ แล้วก็ยังมีส่วนที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึงอยู่ เช่น ซอกฟัน ร่องเหงือก ซึ่งจะทำให้เศษอาหารและแบคทีเรียค้างคาอยู่ในช่องปากเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดฟันผุขึ้นมาได้ ยิ่งถ้าเด็กคนไหนมีปัญหาฟันซ้อน ฟันเก ไม่เป็นระเบียบ คราบพลัคก็จะยิ่งสะสมอยู่ตามซอกฟันที่ซ้อนกันอยู่ได้ง่าย แถมยังเป็นส่วนที่ทำความสะอาดด้วยการแปรงฟันได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก
จะเห็นได้ว่าการแปรงฟันเพียงอย่างเดียวไม่สามารถกำจัดคราบแบคทีเรียและเศษอาหารในบริเวณที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึงได้เลยนะคะ ดังนั้นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยป้องกันฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ ควรสอนให้เด็ก ๆ กลั้วปากด้วยน้ำยาบ้วนปากหลังรับประทานอาหารด้วยทุกครั้ง เพราะน้ำยาบ้วนปากจะช่วยขจัดคราบแบคทีเรียและคราบพลัคต่าง ๆ ที่ติดอยู่ตามซอกฟันได้ดีกว่าการแปรงฟัน ซึ่งขนแปรงอาจจะเข้าไม่ถึง
อย่างไรก็ตาม เพื่อสุขภาพฟันที่แข็งแรง คุณพ่อ คุณแม่ ควรพาลูกน้อยไปพบทันตแพทย์ทุก ๆ 6 เดือน หรืออย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อเช็กปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน รวมทั้งพยายามให้หนู ๆ กินผัก-ผลไม้ให้มาก และลดการรับประทานน้ำหวาน และขนมจำพวกแป้งลงด้วยนะคะ
ที่มา health.kapook.com