ของดีจริง! 3 อาหารลดความดันโลหิตสูง ป้องกันเส้นเลือดสมองแตก


2,730 ผู้ชม

ความดันโลหิตสูง เป็นอาการหนึ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นของอีกหลายๆ โรค และมักมีสาเหตุสำคัญๆ มาจากพฤติกรรมการทานอาหาร และการใช้ชีวิตของเรา ...


ของดีจริง! 3 อาหารลดความดันโลหิตสูง ป้องกันเส้นเลือดสมองแตก

ความดันโลหิตสูง เป็นอาการหนึ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นของอีกหลายๆ โรค และมักมีสาเหตุสำคัญๆ มาจากพฤติกรรมการทานอาหาร และการใช้ชีวิตของเรา หากใครที่ชอบทานอาหารเค็ม และอาหารที่มีไขมันสูง ก็มีสิทธิ์เป็นโรคความดันโลหิตสูงได้แล้วล่ะค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นหากมีความเครียดสะสม และไม่ปรับพฤติกรรมในการทานอาหาร ก็จะยิ่งมีอาการหนักจนอาจก่อให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะสำคัญๆ อย่าง หลอดเลือด หัวใจ และสมองได้

ดังนั้น ก่อนที่จะสายเกินไปจนรักษาได้ยาก เรามาเริ่มทานอาหารที่ช่วยลดความดันโลหิตสูงกันดีกว่า

โรคความดันโลหิตสูง หรืออาจเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า ภาวะความดันโลหิตสูง เป็นอีกหนึ่งโรคที่สามารถพบได้บ่อยในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งอาจพบได้มากถึงประมาณ 25% - 30% ของประชากรโลกที่เป็นผู้ใหญ่ทั้งหมด โดยพบในผู้ชายได้บ่อยกว่าผู้หญิง อีกทั้งในบางประเทศยังสามารถพบโรคความดันโลหิตสูงได้ถึง 50% ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่พบโรคนี้เด็ก เพราะผู้ที่มีอายุน้อยก็อาจมีโอกาสเกิดได้เช่นกัน

โรคความดันโลหิตสูง เกิดขึันได้อย่างไร ?

ในทางการตรวจรักษาได้มีการตรวจพบ โรคความดันโลหิตสูง ชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเชื่อว่าอาจเกิดมาจากหลายปัจจัยร่วมกัน โดยมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้ คือ อิทธิพลของเอ็นไซม์ ที่เป็นสารเคมีที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต่างๆ มีชื่อเรียกว่า เรนิน (Renin) และฮอร์โมนแองจิโอเท็นซิน (Angiotensin) จากไต โดยสารทั้งสองตัวนี้จะทำงานร่วมกันกับต่อมหมวกไตแบะต่อมใต้สมองในการควบคุมน้ำ เกลือแร่โซเดียม และการบีบตัวของหลอดเลือดในร่างกายทั้งหมด นั้นก็เป็นการควบคุมความดันโลหิตที่มีชื่อเรียกว่า กระบวนการ Renin-Angiotensin system

นอกจากความผิดปกติจากกระบวนการทำงานดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีกลไกที่เอื้อให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้อีก ดังนี้

  • พันธุกรรม เนื่องมาจากมีการตรวจพบโรคความดันโลหิตสูงมากขึ้นในประวัติครอบครัวที่เป็นโรคนี้
  • เชื้อชาติ โดยมีการตรวจพบผู้ที่เป็นโรคนี้ในคนที่มีเชื้อชาติเป็นอเมริกันผิวดำ
  • การกินอาหารเค็ม ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคความดันสูงได้ เนื่องมาจากว่าเกลือ โซเดียม หรือเกลือทะเลจะเป็นตัวอุ้มน้ำในเลือด โดยจะเข้าไปเพิ่มปริมาตรของเลือดที่ไหลเวียน จึงอาจส่งผลให้เกิดภาวะความดันสูงขึ้นได้
  • ความผิดปกติของกระบวนการทำงานในร่างกายที่ส่งผลต่อสมดุลและการทำงานของเกลือแร่ ตลอดจนแคลเซียมในร่างกาย

โรคความดันโลหิตสูงมีอาการอย่างไร ?

เท่าที่มีการพบ จะเห็นได้ว่า โรคความดันโลหิตสูง นั้นมักเป็นโรคที่ไม่มีอาการใดๆ บ่งบอก เมื่อเกิดโรคนี้แล้วมักเป็นเรื้อรัง รุนแรงหากว่าไม่สามารถควบคุมอาการที่เกิดขึ้นได้ แพทย์บางท่านจึงได้ขนาดนามว่า โรคความดันโลหิตสูง นั้นเป็น เพรฆาตเงียบ (Silent Killer) ซึ่งโดยส่วนใหญ่ อาการที่เกิดจากการเป็นโรคความดันโลหิตสูงมักเป็นอาการที่เกิดข้างเคียงจากการเป็นโรคในกลุ่มต่างๆ ดังนี้ …

  • โรคร้ายแรง ได้แก่ โรคหัวใจ , โรคหลอดเลือดในสมอง
  • โรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ โรคเบาหวาน , โรคอ้วน
  • โรคที่เป็นสาเหตุ ได้แก่ โรคเนื้องอกต่อมใต้สมอง (มีอาการปวดศีรษะและดวงตามองเห็นภาพได้ไม่ชัด)

อาหารลดความดันสูง

1. ผัก และผลไม้ที่มีโพสแทสเซียมสูง เพราะโพแทสเซียมจะช่วยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติได้ ผัก และผลไม้ที่มีโพแทสเซียม ได้แก่ ลูกพรุน ลูกเกด เมล็ดทานตะวัน อินทผาลัม ผักโขม เห็ด กล้วย ส้ม แต่ใครที่เป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงนะคะ

2. ธัญพืชต่างๆ โดยเฉพาะถั่ว โดยอาจเลือกธัญพืชที่อบแห้งแบบไม่อบเกลือ (โซเดียมจะได้ไม่หนัก) นอกจากจะช่วยลดความดันโลหิตสูงแล้ว ยังมีไขมันดีที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกายอีกด้วย แต่ต้องทานในระดับพอดีๆ เพราะธัญพืชก็ให้พลังงานอยู่เหมือนกันนะ ถ้ากะปริมาณไม่ถูกก็ทานประมาณ 1 กำต่อวันค่ะ

3. อาหารคลีน หมายถึงอาหารที่ปรุงด้วยวิธีที่ใช้ไขมันต่ำ แป้งไม่ขัดสี เช่นข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท และผ่านการปรุงรสน้อยๆ หากทานอาหารคลีนเป็นประจำ จะช่วยลดปริมาณโซเดียมในร่างกาย และช่วยลดความดันโลหิตได้ในระยะยาว

นอกจากอาหารที่ควรทานแล้ว ยังมีอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับของความดันโลหิตสูงไปกว่าเดิมด้วยนะคะ

1. แอลกอฮอล์

2. กาแฟ ชา และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

3. อาหารที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อสัตว์ทอด แกงกะทิ ผัดพริกแกง

โรคความดันสูงจะรุนแรงและมีผลข้างเคียงหรือไม่ ?

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า โรคความดันสูง นั้นเป็นโรคเรื้อรัง โรคเรื้อรังในที่นี่หมายถึงโรคที่รักษาให้หายยาก แต่ยังอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้เสมอหากว่ามีการควบคุมอาการมาตั้งแต่ต้น ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงกินยาอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ขาดยา

ในทางตรงกันข้าม หากผู้ป่วยดูแล รักษา และควบคุมอาการของโรคที่เกิดขึ้นได้ไม่ดี ผลที่จะเกิดตามมานั้นมักจะรุนแรง จนเป็นเหตุให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา อาทิ โรคหลอดเลือดหัวใจ , โรคหลอดเลือดสมอง , โรคไตเรื้อรัง ที่อาจทำให้พิการและเสียชีวิตได้ นอกจากนั้นก็อาจจะมีเป็นโรคหลอดเลือดของจอตาและของประสาทตาที่ส่งผลให้ตาบอดได้ 

เพื่อให้เข้าใจความเป็นไปของโรคความดันสูงได้มากขึ้น สามารถแบ่งออกเป็นระยะตามความรุนแรงของโรค จากน้อยไปหามากได้ดังนี้

  • ความดันโลหิตในผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคความดันสูง คือ 120-139/80-89 มม.ปรอท มีแนวทางการรักษาโดยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต แต่แพทย์จะยังคงไม่ให้ยาลดความดันโลหิต
  • โรคความดันสูงระยะที่ 1 ที่ความดันโลหิตจะอยู่ในช่วง 140-159/90-99 มม.ปรอท
  • โรคความดันสูงระยะที่ 2 ที่ความดันโลหิตอยู่ในระดับตั้งแต่ 160/100 มม.ปรอทขึ้นไป
  • โรคความดันสูงที่จะต้องเดินทางไปพบแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง คือ ความดันโลหิตสูงตั้งแต่ 180/110 มม.ปรอทขึ้นไป เพราะอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ทำให้เกิดโรคหัวใจ สมอง ไต ล้มเหลว
  • โรคความดันสูงที่จะต้องพบแพทย์ฉุกเฉิน ที่ความดันโลหิตจะอยู่ในระดับตั้งแต่ 220/140 มม.ปรอทขึ้นไป เพราะการเกิดความดันโลหิตสูงในระดับนี้มักจะเป็นอันตรายถึงชีวิตซึ่งมาจากการล้มเหลวของอวัยวะต่างๆ  ภายในร่างกาย เช่น หัวใจ สมอง และไต

หากอยากลดโรคความดันโลหิตให้เห็นผลเร็วขึ้นอีกนิด ปรับพฤติกรรมในการทานอาหารแล้ว ต้องปรับพฤติกรรมในการใช้ชีวิตด้วย ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และทำจิตใจเบิกบาน ผ่อนใส ไม่เครียด เท่านี้ร่างกายก็แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนแล้วล่ะค่ะ

อัพเดทล่าสุด