วันนี้ผมมีการทดสอบอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณผู้อ่านได้ลองนำไปใช้กันดู น่าจะมีประโยชน์มากทีเดียว เพราะจะทำให้เราพอประเมินได้ว่าความสัมพันธ์ที่มีอยู่นั้น มันแข็งแรงหรือเปราะบางแค่ไหน ...
แบบทดสอบง่ายๆ ว่ารักพัง ... หรือยั่งยืน
วันนี้ผมมีการทดสอบอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณผู้อ่านได้ลองนำไปใช้กันดู น่าจะมีประโยชน์มากทีเดียว เพราะจะทำให้เราพอประเมินได้ว่าความสัมพันธ์ที่มีอยู่นั้น มันแข็งแรงหรือเปราะบางแค่ไหน จะได้รีบแก้ปัญหาได้ทันและตรงจุด วิธีที่ว่าก็คือ.. เล่าเรื่องความสัมพันธ์ของคุณ
เริ่มต้นง่ายๆ คุณแค่หาเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไว้ใจได้และมีความเป็นกลางซักคนหนึ่ง มาเป็นคนกลาง แล้วให้คนกลางคนนี้ สัมภาษณ์คู่ของคุณทีละคน แบบตัวต่อตัว
20 นาทีแรก ให้คนกลางสัมภาษณ์คุณว่า ความสัมพันธ์เป็นอย่างไร คู่รักของคุณเป็นอย่างไร เจอปัญหาอะไรบ้าง แล้วรับมือกับปัญหาอย่างไร รวมถึง มีอะไรอยากชื่นชมหรือตำหนิคู่รักบ้างหรือเปล่า จากนั้น อีก 20 นาทีถัดมา ก็ให้คนกลางเปลี่ยนมาสัมภาษณ์คู่รักของคุณบ้าง ด้วยชุดคำถามเดียวกัน
พอเสร็จแล้ว ให้คนกลางมาแจกแจงว่า ต่างคนต่างพูดถึงความสัมพันธ์และพูดถึงอีกฝ่ายว่าอย่างไรบ้าง ถ้าหากสิ่งที่คุณหรือคู่รักของคุณเล่า มีแต่ปัญหาและอุปสรรคเสียเป็นส่วนใหญ่ หรือมีการวิพากษ์วิจารณ์แต่ข้อเสียของอีกฝ่าย เช่น คุณไม่ค่อยใส่ใจ ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของเขา ไม่ให้คำปรึกษาอะไรเลย นั่นแสดงว่า มีสัญญาณร้ายที่รักของคุณอาจมีปัญหาแล้ว
แต่ถ้าหากเรื่องที่เล่า มีแต่แง่บวก มีแต่เรื่องดีๆ ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูด หรือให้สังเกตง่ายๆ ว่า แต่ละคนได้พูดชื่นชมนิสัยและการกระทำอะไรของอีกฝ่ายให้คนกลางฟังบ้างหรือไม่ เพราะนั่นจะสะท้อนให้เห็นว่าแต่ละคนทำหน้าที่ตัวเองได้ดีหรือขาดตกบกพร่องตรงไหนบ้าง
ดร.จอห์น ก็อตต์แมน แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ของคู่สมรสและครอบครัว บอกว่า แค่ 3 นาที ก็สามารถบอกได้แล้วว่าคู่รักคู่ไหนมีแนวโน้มจะเลิกรากัน และคู่ไหนมีโอกาสจะประคับประคองกันไปได้
โดยให้ดูที่เวลาพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ถ้าหากทั้งคู่ต่างโทษกันไปมาว่าเป็นความผิดของอีกฝ่าย ก็แสดงว่าต่างคนต่างมองแต่ในมุมตัวเอง แต่ถ้าใครคนใดคนหนึ่งพูดประมาณว่า "ตนเองก็มีส่วนผิดในปัญหานี้เหมือนกัน มาช่วยกันปรับดีกว่า" ก็แสดงว่า ยังเป็นห่วงความรู้สึกของกันและกัน มองความสัมพันธ์แบบผลประโยชน์ร่วมกัน มิใช่ประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง
ลองไปทดสอบกันดูนะครับ อาจทำให้เห็นภาพที่ชัดขึ้นว่า ความสัมพันธ์ของคุณมีความแข็งแรงแค่ไหน เพราะมันไม่ใช่ประเด็นที่ว่า ต่างคนต่างมองอีกฝ่ายว่าเป็นอย่างไร แต่คุณสองคนนั่นแหละ มีทัศนคติต่อความสัมพันธ์ครั้งนี้ในด้านบวกหรือด้านลบ