อากาศในเมืองไทยกำลังเปลี่ยนฤดูจากฤดูร้อน (จัด) เข้าสู่ฤดูฝนที่พอจะนำพาเอาความชื้นมาดับความร้อนลงไปบ้าง แต่ก็ใช่ว่าเมืองไทยจะหายร้อนไปปลิดทิ้ง ต้องเข้าใจว่าสภาพภูมิอากาศทั่วไปของประเทศเราอยู่กันแบบ ร้อนชื้น หน้าฝนมาแต่ก็ยังร้อนอบอ้าวกันเช่นเคย ...
มะตูม ยอดยาบำรุงกำลัง ที่เหมาะกับทุกฤดู
อากาศในเมืองไทยกำลังเปลี่ยนฤดูจากฤดูร้อน (จัด) เข้าสู่ฤดูฝนที่พอจะนำพาเอาความชื้นมาดับความร้อนลงไปบ้าง แต่ก็ใช่ว่าเมืองไทยจะหายร้อนไปปลิดทิ้ง ต้องเข้าใจว่าสภาพภูมิอากาศทั่วไปของประเทศเราอยู่กันแบบ "ร้อนชื้น" หน้าฝนมาแต่ก็ยังร้อนอบอ้าวกันเช่นเคย
น้ำมะตูมอาจถือว่าเป็นเครื่องดื่มประจำชาติไทยก็ได้ เพราะสามารถรับมือกับอากาศร้อนชื้นเกือบทั้งปี หากวันไหนร้อนจัดผสมน้ำมะตูมใส่น้ำแข็ง ดื่มแล้วสดชื่น แก้ร้อนในกระหายน้ำได้ดี มะตูมจึงเป็นสมุนไพรที่ช่วยแก้ร้อนในร่างกาย และกินกันได้ทั้งปีไม่ว่าจะเปลี่ยนไปฤดูไหน
มะตูม (Aeglemarmelos (L.) Correa ex Roxb ) เป็นเครื่องดื่มหรือเป็นชาสมุนไพรที่ฮิตติดใจในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติอยู่แล้ว แต่หลายคนยังไม่ค่อยคุ้นเคยว่า มะตูมสุกนั้นในทางสรรพคุณจากตำรายาไทยก็ดี จากประสบการณ์ผู้ใช้จำนวนไม่น้อยก็ดี ต่างยืนยันว่าเป็นยาสมุนไพรหรืออาหารสมุนไพรช่วยบำรุงกำลังดีนักแลหรือจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะด้วย
"ใช้มะตูมแก่พอเริ่มสุก แกะเมล็ดในออก เอาแต่เนื้อมาผสมน้ำผึ้ง แล้วใส่หม้อหรือกระทะตั้งไฟอ่อนๆ พอร้อน ยกลงใส่โหลเก็บไว้ ตักกินครั้งละ 1-2 ช้อนแกง วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก่อนที่ผมจะกินยานี้ ผมไม่ค่อยมีแรง อ่อนเพลียมาก ทำงานแล้วเหนื่อยง่าย กินยานี้แล้ว ทำงาน เดิน วิ่ง ก็รู้สึกว่าเหนื่อยช้า ทำงานไม่ค่อยเหนื่อย" คำบอกเล่าของสมาชิกท่านหนึ่งที่รับราชการตำรวจเล่าให้ฟัง
ถ้ากล่าวตามสรรพคุณของมะตูม พอจะแยกแยะตามตำรายาไทย
ลูกมะตูมอ่อนยังเล็ก ใช้แก้ไข้ตรีโทษ แก้ลม
ลูกมะตูมอ่อน บำรุงธาตุ เจริญอาหาร ขับผายลม แก้เสมหะและลมทั้งปวง
ลูกมะตูมแก่ แก้เสมหะ บำรุงธาตุไฟ ย่อยอาหารให้ละเอียด ให้ปิดธาตุ แก้เสลดและลม
ลูกมะตูมสุก แก้ลมเสียดแทงในท้อง แก้มูกเลือดบำรุงธาตุไฟ ช่วยย่อยอาหาร แก้กระหายน้ำ ขับลมผาย แก้เสมหะ บำรุงกำลัง แก้ลมทั้งปวง
ฃากมะตูม แก้พิษฝี แก้พิษไข้ รักษาน้ำดี แก้หืดหอบไอ แก้ไข แก้ลมอัดแน่นอยู่ในทรวงอก แก้มุตกิด
มะตูมทั้ง 5 (ทุกส่วน) แก้ปวดศีรษะ ตาลาย
ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเพิ่มขึ้นในระดับสัตว์ทดลองพบว่า มะตูมมีส่วนช่วยลดน้ำตาลในเลือด และพบว่าเนื้อมะตูมเป็นอาหารที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนต์หรือสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ ได้
มีการศึกษาเปรียบเทียบมะตูมกับวิตามินเอ ซึ่งถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระนั้นพบว่า มะตูมมีคุณสมบัติไม่ด้อยไปกว่าวิตามินเอ จึงมีการพัฒนาสูตรมะตูมเป็นไอศกรีมเพื่อเป็นอาหารกินเล่นซึ่งจะช่วยให้เราได้สารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติไปพร้อมกับความอร่อยของไอศกรีมมะตูมด้วยนั่นเอง นอกจากนี้ ชาชงมะตูมยังช่วยลดความดันโลหิตสูงได้บ้าง ซึ่งเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรทางเลือกดีกว่าดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวานอื่นๆ
นอกจากสรรพคุณที่คุ้นเคยเรื่องน้ำมะตูมกินแล้วแก้ร้อน แก้ไข้ และเป็นยาบำรุงกำลังดังที่กล่าวแล้วมะตูมยังถือเป็นสมุนไพรรับมือกับไทยแลนด์ "สังคมสูงวัย" ด้วย เนื่องจากมะตูมมีสรรพคุณโดดเด่นอีกประการหนึ่งคือ เป็นยาบำรุงธาตุ
คำว่า "ธาตุ" นี้มีความหมายได้ 2 มิติ ได้แก่ ธาตุที่หมายถึง ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศธาตุที่อยู่ในร่างกายของเรา
ใครที่มีอาการไม่ค่อยสบายตัวไม่รู้สาเหตุ หรือผู้ที่หลังฟื้นไข้ หรือหลังอาการเจ็บป่วยต่างๆ วิธีการดั้งเดิมตามภูมิปัญญาเขาแนะนำให้ นำเอามะตูมทั้ง 5 คือ ราก ใบ ต้น (กิ่ง) ดอก ลูก อย่างละเท่าๆ กัน มาต้มน้ำกิน จะช่วยให้ธาตุในร่างกายเป็นปกติเร็วขึ้น ถ้าหายาไม่ครบทั้ง 5 ก็แนะนำให้ชงน้ำมะตูมดื่มก็น่าจะดีเช่นกัน
คำว่าธาตุอีกความหมายหนึ่งที่มะตูมช่วยได้ คือ ธาตุที่หมายถึงระบบการย่อยอาหาร ทั้งกระเพาะและลำไส้ มะตูมถือเป็นยาแก้ธาตุไม่ปกติแบบนี้ได้ ทั้งสารพัดโรคทีเกี่ยวกับท้องเช่น แก้จุกเสียดท้อง ขับลมในท้องและลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ท้องเสียก็ได้ แก้ท้องผูกก็ดี
ถ้าจะให้ได้สรรพคุณตามภูมิปัญญาดั้งเดิม แนะนำให้กินลูกมะตูมสุก กินสดก็ได้ หรือนำไปต้มกิน ถ้าต้ม ให้ใช้วิธีขูดผิวลูกออกก่อน แล้วทุบลูกมะตูมให้แตกพอร้าว ใส่น้ำท่วมลูกมะตูม ใช้สัก 2-3 ลูก ต้มเดือดนาน 5-10 นาที ใส่น้ำตาลพอหวาน กินวันละ 4 ครั้งก่อนอาหาร 3 มื้อ และก่อนนอน
กินน้ำแล้วเนื้อมะตูมก็กินได้ ช่วยปรับธาตุแล้วยังเป็นยาบำรุงกำลังด้วย หากไม่สะดวกหรือหามะตูมสดกินยาก ก็ให้ใช้มะตูมแห้งต้มน้ำดื่มแทนได้ แต่โบราณว่าสรรพคุณไม่ดีเท่าลูกสด
มะตูมเป็นไม้มงคลใบมะตูมนำมาใช้ในพิธีมงคลต่างๆ ผลมะตูมก็เป็นที่ต้องการของตลาดมากมาย แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ว่าทุกวันนี้เราพึ่งพิงมะตูมที่มาจากป่าธรรมชาติหรือมาจากที่ปลูกไว้ตามหัวไร่ปลายนาทั้งนั้น ที่ปลูกเองไว้ส่งขายยังมีไม่มาก หากฤดูฝนนี้ใครพอมีที่ให้ไม้ใหญ่เช่นมะตูมได้ขึ้นก็จะช่วยผลิตอาหารและยาสมุนไพรดีออกมาสู่ตลาดได้
มีการจำแนกพันธุ์มะตูมที่พบในไทย โดยเรียกชื่อตามภาษาท้องถิ่น มี 3 พันธุ์ คือ
มะตูมธรรมดา เป็นพันธุ์มะตูมที่พบมากที่สุด มีลักษณะเด่น คือ ผลมีขนาดใหญ่ เปลือกผลแข็งมาก ผลสุกเนื้อสีเหลืองหรือสีเหลืองอมส้ม และส่งกลิ่นหอม มะตูมไข่ มีลักษณะเด่น คือ ผลมีขนาดเล็ก ผลมีรูปทรงไข่ และที่วงการยาสมุนไพรมักนำมาทำยากันมาก คือ มะตูมนิ่ม มีลักษณะเด่นคือ ผลสุกจะมีเปลือกอ่อนนิ่ม ชอบพันธุ์ไหนก็ปลูกกัน
ไม่ต้องรอแต่กินลูก ใบอ่อนและยอดอ่อน ทำกินอย่างผักสลัด กินกับลาบ ข้าวยำ กินกับน้ำพริก รสอร่อยและช่วยขับลม ช่วยย่อยอาหารไปในตัวด้วย กลิ่นของใบช่วยให้อาหารมีรสชาติอร่อยขึ้น มะตูมกินได้ทั้งปี อากาศเปลี่ยนอย่างไร หากร่างกายแข็งแรง โรคภัยก็ห่างตัวเสมอ