ผู้ที่มิใช่มุสลิมและผู้ที่ไม่เชื่อว่าการมีอยู่ของพระเจ้าจะเห็นด้วยเพียงแค่ ถ้าทำให้เชื่อโดยผ่านทางเหตุผล ตรรกะ และวิทยาศาสตร์ การกินเนื้อหมูนั้นเป็นสาเหตุให้เกิดโรคไม่น้อยกว่า 70 ชนิดที่แตกต่างกัน ...
รู้หรือไม่ ... ทำไมอิสลามจึงห้ามกินหมู?
ตอบคำถามโดย ดร.ซากิร ไนค์
นะญาฮฺ แปลและเรียบเรียง
คำถาม : ทำไมอิสลามจึงห้ามการกินหมู ?
คำตอบ : ความจริงแล้วเป็นที่ทราบกันดีว่าการบริโภคเนื้อหมูได้ถูกห้ามในอิสลาม สิ่งที่จะกล่าวต่อจากนี้ จะอธิบายทัศนะต่าง ๆ ของข้อห้ามนี้
1. เนื้อหมูถูกห้ามในอัลกุรอาน
กุรอานนั้นได้ห้ามการบริโภคเนื้อหมู ไม่น้อยกว่า 4 แห่งที่แตกต่างกัน มันถูกห้ามในซูเราะฮฺ 2:173 5:3 6:145 และ 16:115
"ได้ถูกห้ามแก่พวกเจ้าแล้ว(สำหรับอาหาร) คือ เนื้อสัตว์ที่ตายเอง เลือด เนื้อสุกร และสัตว์ที่กล่าวนามอื่นจากอัลเลาะฮฺ (ขณะเชือด)"(อัลกุรอาน 5:3)
โองการกุรอานที่กล่าวมานี้เป็นการเพียงพอแล้วที่จะทำให้มุสลิมคนหนึ่งเชื่อมั่นว่าทำไมเนื้อหมูจึงถูกห้าม
2. การบริโภคเนื้อหมูเป็นสาเหตุของโรคหลายชนิด
ผู้ที่มิใช่มุสลิมและผู้ที่ไม่เชื่อว่าการมีอยู่ของพระเจ้าจะเห็นด้วยเพียงแค่ ถ้าทำให้เชื่อโดยผ่านทางเหตุผล ตรรกะ และวิทยาศาสตร์ การกินเนื้อหมูนั้นเป็นสาเหตุให้เกิดโรคไม่น้อยกว่า 70 ชนิดที่แตกต่างกัน ซึ่งบุคคลหนึ่งจะสามารถมีหนอนพยาธิ (จากการกินเนื้อหมู )ที่แตกต่างกันได้หลาย ชนิด เช่น พยาธิตัวกลม พยาธิเข็มหมุด พยาธิปากขอ เป็นต้น หนึ่งในพยาธิที่อันตรายมากที่สุด ซึ่งศัพท์เฉพาะทาง เรียกว่า Taenia Solium หรือ พยาธิตัวตืด มันจะแฝงตัวอยู่ในลำไส้เป็นเวลานาน เซลล์ไข่ของมันจะเข้าตามกระแสเลือด และสามารถไปถึงทุกส่วนของร่างกาย ถ้ามันเข้าไปในสมองก็เป็นสาเหตุให้เกิดความจำเสื่อม ถ้ามันเข้าสู่หัวใจก็จะทำให้เกิดโรคหัวใจ ถ้ามันเข้าสู่ตาก็จะทำให้ตาบอด ถ้ามันเข้าสู่ตับก็จะทำให้ตับถูกทำลาย มันสามารถทำลายอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย หนอนพยาธิตัวอื่นที่เป็นอันตราย ก็คือ Trichura Tichurasis ซึ่ง โดยทั่วไปมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเนื้อหมูที่ว่าถ้ามีการปรุงสุกเป็นอย่างดี ไข่ของมันก็จะตาย แต่ในงานวิจัยที่น่าเชื่อถือในอเมริกา พบว่า จากยี่สิบสี่คนที่ต้องทนทุกข์จากโรคพยาธิ Trichura Tichurasis มี จำนวนยี่สิบสองคนที่ปรุงสุกเนื้อหมูเป็นอย่างดี นี่สามารถบ่งชี้ได้ว่าไข่พยาธิชนิดนี้ที่มีอยู่ในเนื้อหมูจะยังไม่ตายภายใต้ อุณหภูมิที่ใช้ในการปรุงอาหารปกติ
3. เนื้อหมูก่อให้เกิดสร้างไขมัน
เนื้อ หมูก่อให้เกิดการสร้างกล้ามเนื้อน้อยมาก และมีไขมันมากเกินความจำเป็น ไขมันนี้จะสะสมอยู่ในเส้นเลือดและเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ จึงไม่แปลกใจเลยว่ามีคนอเมริกัน 50 เปอร์เซ็นต้องทนทุกข์กับโรคความดันโลหิตสูง
4. หมูเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่สกปรกที่สุดในโลก
หมู เป็นสัตว์ที่สกปรกที่สุดในโลก มันใช้ชีวิตและเติบโตบนโคลน มูล และสิ่งสกปรกโสโครก เท่าที่ข้าพเจ้ารู้มันเป็นสัตว์ที่กินซากสกปรกที่ดีที่สุดที่พระเจ้าทรง สร้าง ในหมู่บ้านที่ไม่มีห้องน้ำสมัยใหม่และชาวบ้านนั้นจะขับถ่ายสิ่งปฏิกูลในที่โล่ง บ่อยครั้งมากที่สิ่งขับถ่ายนั้นถูกทำให้สะอาดโดยหมู บางคนอาจโต้แย้งว่าแล้วอย่างในเมืองที่พัฒนาแล้วอย่างออสเตรเลีย หมูถูกเลี้ยงอย่างสะอาดและถูกสุขลักษณะ แม้ว่าจะเลี้ยงหมูในคอกที่ถูกสุขลักษณะเพียงใด แม้คุณจะพยายามอย่างหนักที่จะเลี้ยงพวกมันให้สะอาด แต่โดยธรรมชาติแล้วมันก็ยังเป็นสัตว์ที่สกปรกอยู่ดี พวกมันจะกินและสนุกกับมูลของมันเหมือนกับที่สนุกกับสิ่งขับถ่ายใกล้เคียงของ พวกมัน
5. หมูเป็นสัตว์ที่มีความอายน้อยที่สุด
หมูเป็นสัตว์ที่มีความอายน้อยที่สุดในหน้าแผ่นดินบนโลกนี้ มันเป็นสัตว์ที่เชิญชวนตัวอื่นให้ร่วมเพศกับคู่ของมัน ในอเมริกาผู้คนส่วนมากรับประทานเนื้อหมู บ่อยครั้งมากหลังจากการเต้นรำและงานรื่นเริง พวกเขาจะแลกเปลี่ยนคู่ภรรยากัน หลายคนพูดว่า "นายนอนกับภรรยาของฉันและฉันจะนอนกับภรรยาของนาย"
(เนื่องจากผู้รับประทานเนื้อสัตว์ชนิดใดจะได้รับอิทธิพลจากพฤติกรรมของมัน) ถ้าคุณกินเนื้อหมูแล้วก็จะมีพฤติกรรมเหมือนหมู เราคนอินเดียมองอเมริกาว่าทันสมัยและกร้านโลกมาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาทำนั้น เราก็ทำตามหลังเขาไม่กี่ปี อย่างในบทความของแม็กกาซีน Island ที่บอกว่าพฤติกรรมการแลกเปลี่ยนคู่ภรรยานี้ จะกลายเป็นสิ่งปกติในสังคมผู้ร่ำรวยในบอมเบย์ (เนื่องจากพวกเขากินอยู่เหมือนคนตะวันตก)
สำหรับชาวมุสลิมแล้วนั้น จะกินจะทานอะไรต้องพึงระลึกเสมอว่า เมื่อเราทานเข้าไปมันจะกลายเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกาย เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย มันก็มีผลต่อหัวใจ เพราะเมื่อบริโภคสิ่งที่ไม่ อนุมัติ จิตใจก็จะด้านชา ครั้งแรกทำได้ ครั้งต่อไปก็จะทำได้ หัวใจก็ค่อยๆ ชาชินต่อคำสั่งห้ามของพระเจ้า และละเลยข้อห้ามทางศาสนาไปในที่สุด ร่างกายเมื่อมาจากสิ่งฮะรอม (ต้องห้าม) ก็จะกลายเป็นเชื้อของไฟนรก