นานาสาระ : หมู ... กินได้หรือไม่ ?


1,521 ผู้ชม

คำถามที่หลายครั้งถูกถามเกี่ยวกับมุสลิมกับการไม่ทานหมู ความเชื่อของคนต่างศาสนิกที่เข้าใจว่ามุสลิมกลัวหมู มุสลิมเกลียดหมู มุสลิมไม่กินหมู ...


นานาสาระ : หมู ... กินได้หรือไม่ ?

ด้วยนามแห่งพระเจ้าผู้ทรงเมตตาผู้ทรงปราณีเสมอ

"พระองค์ทรงห้ามพวกเจ้านั้นเพียงแต่สัตว์ที่ตายเอง และเลือด และเนื้อสุกรและสัตว์ที่ถูกกล่าวนามอื่นนอกจากอัลลอฮฺ(เมื่อถูกเชือด) แต่ผู้ใดได้รับความคับขันโดย และมิใช่เจตนาขัดขืน และมิใช่เป็นผู้ละเมิดขอบเขตแล้วไซร้ ก็ไม่มีบาปใด ๆ แก่เขา แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ"

จากอัลกุรอาน บทที่ 2 อัล-บะเกาะเราะฮฺ : โองการ 173

เมื่อบุคคลใดเรียกตัวเองว่ามุสลิม ก็ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติ คำสั่งห้าม/ใช้ ตามคัมภีร์อัล-กุรอาน ซึ่งเป็นวะยูห์จากพระเจ้า และคำสั่งสอนของท่านนบีมูฮำมัด ศ็อลลอลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ผู้เป็นศาสนทูต คนสุดท้ายของอิสลาม

คำถามที่หลายครั้งถูกถามเกี่ยวกับมุสลิมกับการไม่ทานหมู ความเชื่อของคนต่างศาสนิกที่เข้าใจว่ามุสลิมกลัวหมู มุสลิมเกลียดหมู มุสลิมไม่กินหมู สิ่งเหล่านี้ต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ กับคำตอบที่ถูกต้อง ว่าทำไมมุสลิมถึงไม่ทานหมู

คำตอบที่ว่าทำไมมุสลิมถึงไม่ทานหมูมีอยู่หลายคำตอบ ซึ่งหากแบ่งหัวข้อการตอบให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นนั้นแบ่งได้ 2 แบบ

คำตอบตามหลักศาสนา การที่ว่าทำไมถึงไม่ทานหมู เพราะการที่ชาวมุสลิมไม่ทานหมู เนื่องจากเป็นคำสั่งใช้/ห้าม จากพระเจ้า โดยมีผู้นำคำสั่งมาถ่ายทอดนั้นคือ ท่านนบีมูฮำมัด ศ๊อลลอลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ผู้เป็นศาสนทูต คนสุดท้ายแห่งอิสลาม

คำตอบตามหลักวิทยาศาสตร์ ในยุคปัจจุบันมีการใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูเนื้อสัตว์ พบว่าเนื้อสัตว์ทุกชนิดมีพยาธิตัวเล็ก ๆ ที่ตามนุษย์มองไม่เห็นอยู่มากน้อยต่างกันไป แต่ในเนื้อหมูมีพยาธิบางชนิดซึ่งมีเกราะที่เกิดจากไขมันในเนื้อหมูห่อหุ้มมันอยู่ ซึ่งความร้อนต่ำไม่สามารถทำลายมันได้ พยาธิเหล่านี้จะเข้าไปฝังอยู่ในร่างกายมนุษย์หลังจากที่กินเนื้อหมูเข้าไป และรอฟักตัวออกมาทำอันตรายร่างกายมนุษย์ เช่น ประสาทตาและประสาทสมอง เป็นต้น

มุสลิมในยุคก่อนไม่ทราบถึงเหตุผลเหล่านี้ แต่เขาน้อมรับและปฏิบัติตามข้อบัญญัติที่มาจากพระเจ้า และหมูเป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจ (กินขี้และนอนคลุกอยู่กับขี้ของมัน) ซึ่งพระเจ้าระบุไว้ว่าเป็นสัตว์สกปรก (นะญิส) ฉะนั้นไม่ใช่ว่ามุสลิมไม่ทานหมูเพราะเหตุผลที่ว่าหมูมีพยาธิ ถึงว่าแม้ว่าในอนาคตจะสามารถทำให้เนื้อหมูปลอดจากพยาธิชนิดนี้ได้ หรือจะเลี้ยงหมูอย่างดีไม่ต้องให้กินขี้และนอนคลุกอยู่กับขี้ แต่มุสลิมก็จะยังคงไม่กินหมูอยู่ดีเนื่องจากเป็นสิ่งที่พระเจ้าบัญญัติห้ามไว้

"มนุษย์เอ๋ยจงบริโภคสิ่งที่อนุมัติและที่ดีจากที่มีอยู่ในแผ่นดิน และอย่าปฏิบัติตามรอยเท้าของมาร แท้จริง มันเป็นศัตรูที่เปิดเผยสำหรับสูเจ้า" จากอัลกุรอาน บทที่ 2 อัล-บะเกาะเราะฮฺ : โองการที่ 168

บางครั้งอาจมีการตั้งคำถามว่า ในเมื่อไม่ให้กินหมูแล้ว พระเจ้าจะสร้างหมูมาทำไม ? จากโองการข้างต้นสรุปให้เข้าใจได้ดังนี้ พระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิตมาหลากหลายชนิด แต่ไม่ใช่ว่าสัตว์ทุกชนิดจะถูกสร้างมาเพื่อให้เป็นอาหารสำหรับมนุษย์ สัตว์บางชนิดเกิดมาเพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศน์ สัตว์บางชนิดถูกสร้างมาเพื่อกินสัตว์กินพืช ไม่เช่นนั้นแล้วสัตว์กินพืชก็จะกินใบไม้หมดป่า ซึ่งป่าไม้และพืชนั้นก็ทำหน้าที่ซับน้ำ ผลิตออกซิเจน รักษาชั้นบรรยากาศของโลก และยังเป็นอาหารให้มนุษย์ด้วย ดังนั้นสิ่งใดสำหรับชาวมุสลิมที่พระเจ้าอนุญาตให้ทาน สิ่งใดที่พระเจ้าไม่อนุญาตให้ทาน ซึ่งในเรื่องของอาหารนั้น สิ่งใดที่พระเจ้าไม่ได้บัญญัติห้าม สิ่งนั้นถือว่าอนุญาตให้ทานได้โดยปริยาย

"แท้จริง พระองค์เพียงแต่ทรงห้ามสูเจ้า (มิให้บริโภค) สัตว์ที่ตายเอง และเลือดและเนื้อของสุกร และที่ถูกเปล่งนามอื่นนอกจากอัลลอฮฺ (เมื่อเชือด) แต่ผู้ใดก็ดีที่อยู่ในภาวะคับขันไม่เจตนาดื้อดึง และมิใช่ละเมิด ฉะนั้นแท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ"

จากอัลกุรอาน บทที่ 16 อันนะหฺลฺ : โองการ 115

ท่านทราบหรือไม่ว่าอิสลามทานหมูได้ ?

จากโองการข้างต้นนั้นนำเสนอเนื้อหาที่แสดงเกี่ยวกับการทานหมู ซึ่งศาสนาอิสลามได้ระบุไว้ ในกุรอานมีตอนหนึ่งกล่าวว่า "แต่ผู้ใดอยู่ในภาวะคับขัน " เช่น อยู่ในภาวะอดอยากขาดแคลน จนไม่มีอะไรกินประทังชีวิต ก็อนุญาตให้รับประทาน หรือถ้าหากมีใครเอาอาวุธ หรือถูกบังคับเพื่อให้ทานหมู และเขาไม่อาจต่อสู้ได้ ในกรณีนี้ก็สามารถทำได้ ถ้าหากว่ามุสลิมไม่เคารพตัวเองโดยตั้งใจที่จะกินหมู นั่นก็แสดงว่า เขาไม่เชื่อมั่นในหลักการ เป็นคนที่ไม่มีสำนึกในศาสนา และไม่มีความละอายต่อบาป

".. หมู เพราะมันเป็นสัตว์แยกกีบและมีกีบผ่า แต่ไม่เคี้ยวเอื้อง จึงเป็นสัตว์มลทินแก่เจ้า อย่ารับประทานเนื้อของสัตว์เหล่านี้เลย และเจ้าอย่าแตะต้องซากของมัน มันเป็นมลทินแก่เจ้า"
ในคัมภีร์ไบเบิ้ลเก่า บทเลวิกิโต 11.7-8

ศาสนายูดาย หรือ ยิวก็เช่นกัน ที่ไม่ทานหมู มีหลายศาสนาเลย ก็ไม่ทานหมู
ทางยูดาย หรือ ยิว อาหารที่ อนุมัติเรียกว่า "โคเชอร์" (กินได้) ไม่อนุมัติให้กินนั้นเรียกว่า "เทรฟาห์" (สิ่งต้องห้าม) ชาวยิวที่เคร่งครัดทั้งหลายก็ยังคงปฏิบัติเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด

อิสลาม จะทานอาหารที่ศาสนาอนุมัติเท่านั้น

ความจริง อิสลามไม่ได้ห้ามทานหมูอย่างเดียว แต่มีอีกหลายอย่างที่ ห้ามทาน แต่คนที่ไม่เคร่งครัด, ละเลย หรือขาดความรู้ด้านศาสนา เขาก็จะจำแค่อย่างเดียวว่าไม่ทาน หมู หรือถ้ากินอยู่ ห้ามทัก!! (มีมากสำหรับคนที่ไม่รู้จักละอายต่อบาป) ทั้งที่การบริโภคสิ่งต้องห้ามอื่น ๆ มีบาปมากกว่า โดยเฉพาะสุรา ที่เห็นมุสลิมวัยรุ่นหลาย ๆ คนทานกันเป็นเรื่องธรรมดา(บางคน)

สิ่งที่ศาสนาอิสลามห้ามทาน คือ

1.) เนื้อหมู และผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่ทำมาจากตัวหมู เช่น เจลาตินหากทำมาจากหมู มุสลิมก็ถือว่าเป็นที่ฮะรอม (ต้องห้าม) แต่ยิวจะถือว่าเป็นโคเชอร์(กินได้)

2.) เลือด ไม่ว่าจะนำไปต้มหรือไปทำพาสเจอร์ไรส์หรือไปทำเป็นผลิตภัณฑ์อะไรก็แล้วแต่ ถือเป็นที่ต้องห้ามตามหลักการอิสลาม

3.) เนื้อของสัตว์ที่ตายเองโดยธรรมชาติหรือตายโดยไม่รู้สาเหตุ

4.) เนื้อของสัตว์ที่ตกจากที่สูงตาย ถูกทุบ และถูกรัดคอ

5.) เนื้อของสัตว์ที่เชือดโดยไม่กล่าวนามของพระเจ้า เหตุผลก็เพราะสัตว์มีชีวิตและชีวิตของสัตว์ก็เป็นของพระเจ้า ถ้าจะกินเนื้อของมันก็ต้องขออนุญาตจากพระเจ้าเพื่อเอาชีวิตของมันเสียก่อน

6.) ของเซ่นไหว้ทุกชนิด

7.) สัตว์ที่ใช้กรงเล็บและเขี้ยวจับหรือฉีกเหยื่อกินเป็นอาหาร เช่น นกอินทรี งู เสือ หมี และอื่น ๆ

8.) สิ่งมึนเมาทุกประเภท โดยเฉพาะสุรา

อัพเดทล่าสุด