เป็นที่ทราบกันดีว่า อัลลอฮ์ ได้ทรงกำหนดการถือศีลอด แก่ประชาชาติสุดท้าย เหมือนกับที่พระองค์ได้ทรงกำหนดแก่ประชาชาติก่อนๆ ซึ่งแต่ละประชาชาติจะมีบทบัญญัติของตน ...
ของขวัญอันล้ำค่าในเดือนรอมาฎอนอันประเสริฐ
إتحاف النفوس بنفحات القدوس
ดร.อับดุลกุ๊ดดู๊ซ อิบนุ อุซามะฮฺ อัซซามัรรออียฺ
บทนำ
ขอสรรเสริญอัลลอฮ์ ขอพร และความสันติสุขจงมีแด่ท่านนะบี มุฮัมมัด และบรรดาสาวกของท่าน ไปจวบจนวันสิ้นโลก
เป็นที่ทราบกันดีว่า อัลลอฮ์ ได้ทรงกำหนดการถือศีลอด แก่ประชาชาติสุดท้าย เหมือนกับที่พระองค์ได้ทรงกำหนดแก่ประชาชาติก่อนๆ ซึ่งแต่ละประชาชาติจะมีบทบัญญัติของตน และไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า จุดประสงค์ของการทำความสะอาดในการถือศีลอด เป็นวิถีทางของการทำให้เกิดความสะอาดที่ชัดเจน ที่จะนำไปสู่การซักฟอกตนให้สะอาด จากการผูกพันอยู่กับโลกนี้ ด้วยการจมปลักอยู่กับรสชาดต่างๆ และให้สละออกจากทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่ออัลลอฮ์ ด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ นอกจากนั้นยังมีการฝึกฝนตนเอง จิตใจ เพื่อการมานะอดทนอยู่ในหนทางแห่งทางนำ และนั่น คือ หนทางที่ชัดเจน แจ่มแจ้ง ในการทำให้เกิดความใกล้ชิดกับอัลลอฮ์
ผลบุญของการถือศีลอดเกิดขึ้นจากการประทานของอัลลอฮ์ ไม่มีการเข้ามาเกี่ยวข้องของมนุษย์คนใด ในการรับ การปฏิเสธ การให้ผลตอบแทน การเพิ่มผลตอบแทน การตีกลับไปยังผู้กระทำ หรือการลงโทษผู้เป็นบ่าว ล้วนเป็นไปตามการตั้งเจตนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่ได้อยู่ในหนทางที่บัญญัติ อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า
"โอ้ บรรดาผู้ที่ศรัทธาแล้วทั้งหลาย การถือศีลอดได้ถูกกำหนดแก่พวกเจ้า เหมือนกับที่ได้ถูกกำหนดแก่บรรดาผู้ที่มาก่อนหน้าพวกเจ้า เพื่อว่า พวกเจ้าจะยำเกรง"
(อัลบาเกาะเราะฮฺ 183)
มีรายงานมาจากอบูฮุรอยเราะฮ์ แจ้งว่า ท่านเราะซูลุลลอฮ์ กล่าวไว้ว่า .
))كل عمل ابن آدم يضاعف الحسنة عشرأمثالهاإلى سبعمائة ضعف ، قال الله عزوجل:إلاالصوم فإنه لي وأناأجزي به ، يدع شهوته وطعامه من أجلي، للصائم فرحتان فرحة عندفطره وفرحة عندلقاء ربه ولخلوف فيه أطيب عندالله من ريح المسك . ((
"การงานของลูกหลานอาดัม (มนุษย์) จะได้รับการเพิ่มความดีตั่งแต่สิบเท่าไปถึงเจ็ดร้อยเท่า
อัลลอฮ์ ตรัสว่า : นอกจากการถือศีลอดเท่านั้น แท้จริง มันเป็นของข้า ข้าจะเป็นผู้ตอบแทนให้ เขาได้ละทิ้งความอยาก ความใคร่ของเขา และอาหารของเขาเพื่อข้า แท้จริง สำหรับผู้ถือศีลอดนั้น มีความปลื้มปิติยินดีสองครั้งด้วยกัน ความปลื้มแรกคือขณะที่เขาละศีลอด และอีกความปลื้มปิติหนึ่ง คือ ขณะที่เขาได้พบพระผู้เป็นเจ้าของเขา
และกลิ่นปากของเขาจากการถือศีลอดนั้น หอม ณ อัลลอฮ์ ยิ่งกว่ากลิ่นของชะมดเชียงเสียอีก"
(รายงานโดย มุสลิมในซ่อฮี๊ฮฺของท่าน 2/807 เลขที่ 1151)
และนี่เป็นการแจกแจงความยิ่งใหญ่ในความประเสริฐของเดือนรอมาฎอน และผลบุญอันมากมายของ เดือนรอมาฎอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถือศีลอดในเดือนรอมาฎอน แท้จริง อัลลอฮ์ ทรงบอกว่า พระองค์จะเป็นผู้ตอบแทนด้วยพระองค์เอง ในการตอบแทนแก่บ่าวให้อย่างมากมาย และยิ่งใหญ่
ท่าน มุซ็อฟฟัร อัลก็อรมีซีนีย์ กล่าวให้ความหมายของการถือศีลอด และชนิดต่างๆไว้ว่า
" الصوم ثلاثة: صوم الروح ؛ بقصرالأمل ، وصوم العقل ؛ بخلاف الهوى ، وصوم النفس ؛ بالإمساك عن الطعام والمحارم " .
"การถือศีลอด มีอยู่สามอย่างด้วยกัน : คือ การถือศีลอดของวิญญาณ ด้วยการขีดกรอบให้ความหวัง การถือศีลอดของปัญญา ด้วยการไม่ทำตามความอยากความใคร่ และการถือศีลอดของตัวตน ด้วยการงดการกินอาหาร และสิ่งต้องห้ามต่างๆ"
และเดือนที่ประเสริฐที่สุด ณ อัลลอฮ์ นั้น คือ เดือนรอมาฎอน เนื่องจากสถานะอันยิ่งใหญ่ของมัน ท่านเราะซูล จึงส่งเสริมประชาชาติอิสลาม ให้ได้รับประโยชน์จากเวลาและฤดูกาลนี้ เพราะในเดือนนี้มีโอกาสเพิ่มทุนสำรองจากความดีต่างๆ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการจะรวมเอาเกียรติยศแห่งโลกนี้ และโลกหน้า เข้าไว้ด้วยกัน และในเดือนนี้โอกาสของชัยฏอน แรงดึงดูดของอิบลีส ที่ใช้ให้ทำความชั่ว ทำให้ช่วงอายุและเวลาของเขาต้องเสียไป กับสิ่งที่ไม่ให้คุณค่าใด เวลาที่มีอยู่จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำให้เกิดประโยชน์และเป็นของขวัญอันล้ำค่าเนื่องในโอกาสเดือนรอมาฏอนอันประเสริฐ ซึ่งในเดือนนี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนทั้งโลกดุนยาและอาคิเราะฮ์
เป็นช่วงสำคัญที่มุสลิมทุกคนต้องพยายามแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ ตั้งแต่เริ่มต้นของเดือน เพื่อลบล้างความชั่วที่ได้สะสมอยู่ และหัวใจที่อ่อนแอ
ดังนั้น หัวใจที่มืดมนจะได้รับแสงสว่าง จิตวิญญาณจะได้รับอาหารด้วยน้ำที่บริสุทธิ์ เรือนร่างจะได้รับอาภรณ์แห่งความยำเกรง สถานภาพความเป็นอยู่ถูกโฉลมด้วยกลิ่นไอของการเตาบัต(สำนึกผิด) ดังนั้นจึงต้องทำตนให้ปลอดภัยจากการกระทำผิดต่างๆออกห่างจากกิเลสทั้งมวล ละทิ้งคำพูดที่เหลวไหลก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นของเดือนรอมาฏอน และจงดำเนินรอยตามแบบฉบับของท่านนะบีมุฮัมมัด ซึ่งเป็นผู้ที่เติมเต็มความสมบรูณ์ สูงส่ง ยิ่งใหญ่ ในทุกๆด้านให้ประชาชาติของท่าน โดยเฉพาะช่วงเวลาอันประเสริฐซึ่งถือเป็นเทศกาลแห่งความดีงามในการดำเนินชีวิตของมุสลิม แน่นอนมุสลิมนั้นจะได้รู้จากภาพนอกจากคำตรัสของอัลลอฮ์
"เพื่อว่าพวกเจ้าจะยำเกรง"
(อัลบาเกาะเราะฮฺ 183)
ที่อธิบายผ่านมาก่อนหน้านี้ ซึ่งอัลลอฮ์ ทรงจบท้ายอายะฮ์นี้เพื่อให้บรรดามุมินได้ระลึก การถือศีลอดเป็นฟัรดู(บังคับ)เหนือพวกเขา แท้จริงเป้าหมายอันยิ่งใหญ่คือ การที่บ่าวได้ทำตนใกล้ชิดต่ออัลลอฮ์ โดยอดทนต่อสิ่งต่างๆในช่วงเดือนรอมาฏอน เป็นภาระสำหรับบ่าว ต้องศึกษาใฝ่หาความรู้ ค้นหาจุดหมาย จึงจำเป็นต้องฟื้นฟูจิตใจเผื่อให้บรรลุสู่เป้าหมาย และต้องใช้ความอุตสาหะมั่นเพียร ในการให้ได้มาซึ่งของขวัญอันล้ำค่าเนื่องในโอกาสเดือนรอมาฏอนอันประเสริฐนี้
อบุลฮุซัยนฺ อัลวัรร็อก เราะฮฺมะตุลลอฮิ อะลัยฮฺ กล่าวไว้ว่า.
" أجلّ شيء يفتح الله تعالى به على عبده التقوى ؛ فإن منه يتشعب الخيرات ، وأسباب القربة والتقرب ، وأصل التقوى والإخلاص ، وحقيقته التخلي عن كل شيء إلاممن إليه تقواك...لايصل العبد إلى شيء من التقوى ، وعليه بقية من الزهد والورع-أي حتى يكتمل زهده وورعه-. والتقوى مقرونة بالراحة-أي من حيث الثمرة- ، قال الله تعالى:"..ومن يتق الله يجعل له مخرجا ".
"สิ่งที่สูงส่งที่สุด ที่อัลลอฮ์ ได้ทรงเปิดให้แก่บ่าวของพระองค์ คือ ความยำเกรง ซึ่งจากมันนี้เอง ความดีต่างๆ สาเหตุต่างๆ และความใกล้ชิด และการได้เข้าใกล้ ได้แตกแขนงออกมา ที่มาของความยำเกรง และความบริสุทธิ์ใจ และความเป็นจริงนั้น คือ การสลัดออกจากทุกสิ่งทุกอย่างที่บ่าวนั้น จะไปไม่ถึงความยำเกรงแต่อย่างใด และเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องมีความมักน้อย และความเคร่งครัดของเขา จะสมบูรณ์"
อัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า
"และผู้ใดที่มีความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ พระองค์ก็จะทรงให้มีทางออกแก่เขา"
(อัฏฏอลาก 2)