แสวงบุญเดือนรอมฎอน เยี่ยมชม 10 มัสยิดที่สวยงาม


1,415 ผู้ชม

ท่องโลกในเดือนรอมฎอน ชมรูปภาพมัสยิดต่างๆ ที่ติดอันดับมัสยิดที่สวยที่สุดในโลก และสัมผัสประเพณีท้องถิ่นของเทศกาลสำคัญในเดือนศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม ...


แสวงบุญเดือนรอมฎอน เยี่ยมชม 10 มัสยิดที่สวยงาม

ขอเชิญคุณๆ นักเดินทางทั้งชาวไทยพุทธ ไทยคริสต์ ไทยอิสลามและทุกศาสนาความเชื่อที่รักการเดินทาง ไปแสวงหาความหมายของชีวิตในช่วงเทศกาลรอมฎอน เข้าร่วมงานประเพณีท้องถิ่นของเดือนรอมฎอนในประเทศต่างๆ และไปยลโฉมมัสยิดที่ขึ้นว่าเป็นมัสยิดที่สวยที่สุดในโลก

เดือนรอมฎอน (Ramadan) หมายถึงอะไร

เดือนนี้มีที่มาว่าเป็นเดือนที่พระเจ้าของศาสนาอิสลามได้ประทานคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นหลักธรรมในการดำเนินชีวิตให้แก่ผู้มีศรัทธา คัมภีร์ที่ว่านั้นก็ คือ คัมภีร์อัลกุรอ่าน โดยมหาคัมภีร์เล่มนี้ได้รวบรวมเรื่องราวศาสตร์ในแขนงต่างๆ ที่โยงใยถึงความสัมพันธ์ของมนุษยชาติกับพระเป็นเจ้าและทุกสรรพสิ่งในจักรวาลเข้าไว้ด้วยกัน และได้มีพะศาสดาเป็นตัวอย่างแห่งการปฏิบัติตนเพื่อประโยชน์สุขของมนุษย์โลกให้ชาวอิสลามได้ปฏิบัติตาม

ซึ่งแน่นอนว่าการปฏิบัติตนในช่วงเดือนรอมฎอนนั้นก็จะต้องมีความสอดคล้องกับหลักธรรมในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ โดยในปีนี้วันแรกเริ่มของการถือศีลอด คือ วันที่ 1 รอมฏอน โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 29 มิถุนายน 2557 ซึ่งถือเป็นเดือนที่ 9 ตามปฏิทินอิสลาม แต่การถือศีลอดนั้นได้มียกเว้นเฉพาะสำหรับหญิงมีครรภ์ เด็ก คนเจ็บ คนแก่ และคนเดินทาง โดยในส่วนของคนเดินทางนั้นจะต้องถือศีลอดในช่วงเวลาอื่นเป็นการชดเชย

การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน

หลักการถือศีลอด คือ การงดรับประทานอาหารทุกชนิดในช่วงเวลากลางวันตั้งแต่รุ่งสางไปจนถึงตะวันลับขอบฟ้า และจะต้องคอยระมัดระวังมิให้มีสิ่งใดเข้าไปในเขตทวารต่างๆ ของร่างกาย อันได้แก่ ทวารหนัก ทวารเบา จมูก ปาก หู และตา และผู้ที่ถือศีลอดนั้นจะต้องปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ระงับความคิดฟุ้งซ่านที่ไม่ดีต่างๆ และในเขตทางภาคใต้ของประเทศไทยที่มีชุมชนอิสลามขนาดใหญ่อยู่นั้น ก็จะมีพิธีละหมาดร่วมกันในยามกลางคืนอีกด้วย การถือศีลอดนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวอิสลามได้ใคร่ครวญถึงการกระทำอันสมควรที่พระเป็นเจ้าได้สอนสั่ง และให้เกิดความเห็นอกเห็นใจแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อันจะน้อมนำมาซึ่งสันติสุข ความช่วยเหลือเกื้อกูลและภราดรภาพในโลกมนุษย์

มัสยิดศักดิ์สิทธิ์ที่งามวิจิตรที่สุดในโลก 10 แห่ง

มัสยิดอากุงแห่งบันดาร์อาเจะห์ (Masjid Agung Baiturrahman-The Great Mosque) เมืองบันดาร์อาเจะห์ (Banda Aceh) ประเทศอินโดนีเซีย (Indonesia)

ฺBanda Aceh, Indonesia

มัสยิดโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 12 แต่ถูกไฟไหม้ใหญ่ในช่วงสงครามเมืองในอดีต และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1879-1881 สถาปัตยกรรมการออกแบบและตกแต่งของมัสยิดแห่งนี้ได้อิทธิพลมาจากศิลปะโมกุลของชาวเปอร์เซียและชาวตุรกีที่มีลักษณะโอ่อ่า มัสยิดแห่งนี้ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองอาเจะห์ และเป็นหนึ่งในมัสยิดที่สวยที่สุดของแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

มัสยิดซีอาน (Great Mosque of Xi’an) เมืองซีอาน (Xi’an) ประเทศจีน (China)

Xian, China

มัสยิดในเขตเอเชียอาคเนย์บนประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีอายุกว่า 1300 ปี ที่คาดว่าถูกสร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 742 ในช่วงของราชวงศ์ถัง เพราะถังไจ่ฮ่องเต้นั้นทรงมีจิตเมตตากุศล เปิดรับทุกศาสนา โดยศาสนาอิสลามนั้นได้รับการเผยแพร่เข้ามาจากพ่อค้าชาวเปอร์เซียที่เข้ามาตั้งรกรานบนแผ่นดินจีน มัสยิดแห่งนี้มีงานสถาปัตยกรรมและประติมากรรมศิลปะจีนผสมอาหรับ โดยลักษณะตัวอาคารจะคล้ายๆ กับวัดจีนทั่วไป แต่ลวดลายการตกแต่งตามผนังภายในจะเป็นงานศิลปะของตะวันออกกลาง ถือเป็นมัสยิดที่ทั้งเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์และยังมีความงามของศิลปะจากสองทวีปที่ผสมผสานกันได้อย่างสวยงามโดดเด่นมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง

มัสยิดสุลต่านโอมาร์อาลี (Sultan Omar Ali Saifuddin Mosque) เมืองบันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan) ประเทศบรูไน (Brunei)

Banda Seri Begawan, Brunei

มัสยิดหินอ่อนอันโอ่อ่าของกษัตริย์บรูไนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในมัสยิดที่สวยที่สุดในเขตเอเชียแปซิฟิก วัสดุก่อสร้างหลักของมัสยิดได้ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศแหล่งวัตถุดิบชั้นเลิศโดยตรง เช่น หินอ่อนจากอิตาลี หินแกรนิตจากเซี่ยงไฮ้ และโคมไฟระย้าจากอังกฤษ บริเวณยอดโดมนั้นก็ประดับด้วยแผ่นทองคำแท้ถึง 3.3 ล้านแผ่น มัสยิดแห่งนี้นอกจากจะเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ของประเทศแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของบรูไนอีกด้วย

มัสยิดไบตุล มุคคาร์ราม (Baitul Mukarram Mosque) เมืองธากา (Dhaka City) ประเทศบังกลาเทศ (Bangladesh)

Dhaka, Bangladesh

มัสยิดประจำชาติของชาวบังกลาเทศที่เริ่มสร้างในช่วงต้นของปีทศวรรษ 1960 และเสร็จสิ้นการก่อสร้างในปี ค.ศ. 1968 โดยได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง อับดุลฮุสเซน (T Abdul Hussain Thariani) โดยรูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นได้ทำการจำลองแบบมาจากมัสยิดล้อมอัลละฮอมแห่งเมืองมักกะห์ และการตกแต่งนั้นได้รับอิทธิพลทั้งจากศิลปะอินเดียและเปอร์เซีย มัสยิดแห่งนี้ได้รับการขยายพื้นที่ในภายหลังเพื่อรองรับจำนวนคนที่เข้ามาสวดมนต์เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มัสยิดแห่งนี้เป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 10 ของโลก

มัสยิดตาจอุล (*Taj'ul Mosque)* เมืองโภปาล (Bhopal) ประเทศอินเดีย (India)

Bhopal, India

มัสยิดหินอ่อนที่มีงานสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอกที่สวยงาม มีจิตรกรรมและประติมากรรมเพดานที่หรูหรา มีงานสถาปัตยกรรมผสมของศิลปะโมกุลอันสวยงาม มีความโดดเด่นด้วยโดมหินอ่อนสูง 18 ชั้น จำนวน 3 โดม ตัวอาคารสีชมพูตามความนิยมของชาวอินเดีย ซุ้มและโถงทางเดินที่โอ่โถง มัสยิดแห่งนี้นอกจากจะใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว ยังเป็นโรงเรียนอิสลามประจำเมืองอีกด้วย

มัสยิดสีฟ้าแห่งมาซาร์ อี ชารีฟ (Blue Mosque/ Shrine of Ali) เมืองมาซาร์-อี-ชาริฟ (Mazar E Sharif) ประเทศอัฟกานิสถาน (Afganistan)

Mazar E Sharif, Afganistan

มัสยิดสีฟ้าครามอันสวยงามวิจิตร กระเบื้องทุกแผ่นที่ใช้ในการตกแต่งมัสยิดนี้ได้รับการทำลวดลายดอกไม้จากการตัดกระเบื้องสีชิ้นเล็กๆ แล้วมาประกอบกันเป็นลายดอกไม้บนกระเบื้องแผ่นใหญ่ มัสยิดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสุสานของอาลี ผู้ซึ่งเป็นลูกเขยของพระศาสดาโมฮัมหมัด ผู้นำแห่งศาสนาอิสลาม ตามความเชื่อของชาวเมืองแห่งนี้เล่ากันว่าร่างของท่าอาลีที่ถูกซ่อนมาบนหลังของอูฐเพื่อหลบหนีข้าศึกนั้นได้ถูกฝังลงในแผ่นดินแห่งนี้แต่ไม่สามารถหาพิกัดได้ และท่านอาลีได้มาเข้าฝันชาวเมืองถึงสถานที่ฝังร่างของท่าน หลังจากนั้นจึงได้มีการขุดค้นพบสุสานของท่านและได้สร้างมัสยิดครอบสุสานขึ้นเพื่อระลึกถึงและเป็นเกียรติให้แก่ผู้นำอิสลามแห่งอัฟกานิสถานท่านนี้ ในบริเวณมัสยิดยังมีต้นไม้ที่ประดับด้วยนกพิราบสีขาวตามความเชื่อของชาวพื้นเมืองว่ามัสยิดแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ถึงสันติภาพและความสงบสุขอีกด้วย

มัสยิดเชค ซาเยด (Sheikh Zayed Mosque) เมืองอาบูดาบี (Abu Dhabi) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates)

Abu Dhabi, United Arab Emirates

มัสยิดของสุลต่านที่หรูหราอลังการอีกแห่งหนึ่ง แม้ว่ามัสยิดแห่งนี้จะมีอายุเพียงแค่ 7 ปีเท่านั้นแต่ก็ได้ไต่อันดับขึ้นเป็นแลนด์มาร์คสำคัญอันดับ 2 ของโลกในปีนี้จากนักท่องเที่ยวรอบโลก ตัวอาคารของมัสยิดนั้นสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาวทั้งหมดและส่วนของสีทองประดับนั้นก็ชุบด้วยทองคำแท้ พื้นที่ของมัสยิดทั้งหมดครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 30 เอเคอร์ (ราว 75.87 ไร่) และใช้เวลาการก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 – ค.ศ. 2007 จึงจะแล้วเสร็จ นอกจากจะเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญของประเทศแล้ว ยังมีส่วนของห้องสมุดขนาดใหญ่ที่รวบรวมความรู้ของศาสตร์ด้านต่างๆ ไว้มากมาย ในหลากหลายภาษา และเอกสารสำคัญๆ ในอดีตที่มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปีอีกด้วย

มัสยิดนาบาวีหรือมัสยิดแห่งมาดีนะห์ (Al-Masjid al-Nabawi/ Prophet’s Mosque) เมืองมาดีนะห์ (Medina) ใกล้กับสนามบินเมืองเจดดะห์ (Jeddah) ประเทศซาอุดีอาระเบีย (Saudi Arabia)

Medina, Saudi Arabia

ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ 622 ปีก่อนคริสตกาล มัสยิดแห่งนี้ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจชาวอิสลามที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 ของโลก รู้จักกันในนามว่า “มัสยิดของท่านศาสดา” เพราะสร้างขึ้นโดยพระศาสดาของศาสนาอิสลาม “มูฮัมหมัด” โดยแต่เดิมนั้นมัสยิดแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เชื่อมต่อกับบ้านของท่าน ว่ากันว่าการตกแต่งภายในของมัสยิดแห่งนี้เต็มไปด้วยปริศนาโค้ดลับของศาสนาอิสลามอยู่ตามลวดลายกำแพงและผนังเสาต่างๆ และรหัสลับเหล่านี้ก็สานต่อเรื่องราวของศาสนาอิสลามและคำสอนได้อย่างฉลาดและแยบยล มัสยิดแห่งนี้เป็นทั้งสถานที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญทางศาสนา ที่ทำการศาล ที่ทำการสมาคมท้องถิ่นและโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามอีกด้วย

มัสยิดล้อมอัลละฮอม (Al-Masjid Al-Haram) เมืองมักกะห์ (Mecca) ใกล้กับสนามบินเมืองเจดดะห์ (Jeddah) ประเทศซาอุดีอาระเบีย (Saudi Arabia)

Mecca, Saudi Arabia

ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ 636 ปีก่อนคริสตกาล เป็นมัสยิดที่มีความสำคัญที่สุดของโลกและถือเป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่สามารถจุคนได้ถึง 4 ล้านคน มัสยิดแห่งนี้ยังรู้จักกันในนาม “แกรนด์มัสยิด” (Grand Mosque) อีกด้วย ในแต่ละปีจะมีชาวอิสลามจากทั่วทุกมุมโลกแห่แหนไปแสวงบุญและสักการะมัสยิดศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ในช่วงเวลาของการประกอบพิธีฮัจญ์หรือฮัจย์ (Haj) เพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิต

มัสยิดฮัซซัน 2 (The Hassan II Mosque or Grande Mosquée Hassan II) เมืองคาซาบลังกา (Casablanca) ประเทศโมร็อกโก (Morocco)

Casablanca, Morocco

มัสยิดที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของโลกและใหญ่ที่สุดในประเทศโมร็อกโกและในเขตอาฟริกา สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1993 โดยภายในอาคารสามารถจุคนได้ถึง 25000 คน และในบริเวณลานอเนกประสงค์ภายนอกนั้นสามารถจุคนได้มากกว่า 80000 คน กองทุนในการสร้างมัสยิดแห่งนี้มาจากผู้มีจิตศรัทธามากมายจากทั้งประชาชนในประเทศและชาวอิสลามจากทั่วทุกมุมโลก การตกแต่งมีความโอ่อ่าและสวยงามตามลักษณะผสมของศิลปะอิสลาม ศิลปะมัวร์ และงานฝีมือพื้นบ้านของโมร็อกโก ในบริเวณด้านนอกของมัสยิดนั้น ก็มีน้ำพุประดับถึง 40 แห่งอีกด้วย

อัพเดทล่าสุด