การเริ่มเดือนรอมฎอน


2,131 ผู้ชม

บรรดาศรัทธาชน ต่างผินสายตาของพวกเขา สู่ฟากฟ้า เพื่อค้นหาดวงจันทร์เเรก ของเดือนรอมฎอน พวกเขารวมตัวกันเป็นกลุ่มๆ เเต่ละท้องที่ เพื่อรอคอยการยืนยัน ถึงการเห็นดวงจันทร์ ของเดือนรอมฎอน ...


การเริ่มเดือนรอมฎอน

บรรดาศรัทธาชน ต่างผินสายตาของพวกเขา สู่ฟากฟ้า เพื่อค้นหาดวงจันทร์เเรก ของเดือนรอมฎอน พวกเขารวมตัวกันเป็นกลุ่มๆ เเต่ละท้องที่ เพื่อรอคอยการยืนยัน ถึงการเห็นดวงจันทร์ ของเดือนรอมฎอน ด้วยหัวใจที่ปลื้มปิติ เพราะท่านรอซูล ซ.ล. ได้กล่าวไว้ความว่า "ท่านทั้งหลาย จงถือศีลอด เมื่อเห็นดวงจันทร์ เเละจงละศีลอด เมื่อเห็นดวงจันทร์ ถ้าหากมีสิ่งใดบดบัง (ดวงจันทร์) แก่ท่านทั้งหลาย ก็จงนับเดือนชะอ์บาน ให้ครบ 30 วัน"

นี้เป็นความรู้สึกที่ดียิ่ง หรือภาพพจน์ที่ดีงาม ซึ่งเเสดงออกถึงเจตนารมณ์ ที่เเน่วเเน่ในการถือศีลอด ในเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นอิบาะฮ์ที่พระองค์อัลเลาะฮ์ ทรงบัญญัติมา พระองค์ได้ทรงตรัสไว้ ในหะดีษกุดซีย์ความว่า "การงานของลูกหลานอาดัม เป็นของเขา นอกจากการถือศีลอด มันเป็นของข้า และข้าจะตอบเเทนมัน"

การถือศีลอดได้ถูกระบุไว้ ในอัลกุรอานว่า เป็นฟัรฎูเพียงหนึ่งครั้ง ในขณะที่บัญญัติอื่นๆ เช่น การละหมาด การประกอบพิธีฮัจญ์ การบริจาคซากาต การญิฮาด (ต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะฮ์) เเละการงานที่ประเสริฐต่างๆ ได้ถูกกล่าวไว้ในกุรอานหลายครั้ง เเละในหลายอายะฮ์ เหมือนกับว่า พระองค์อัลเลาะฮ์ ได้ให้ความสำคัญ ต่อการถือศีลอด มากกว่าบัญญัติอื่นๆ พระองค์อัลเลาะฮ์ได้ทรงกำหนด ให้การถือศีลอด เป็นหน้าที่จำเป็น ดังอายะฮ์ที่ความว่า "โอ้ ศรัทธาชนทั้งหลาย การถือศีลอด ได้ถูดกำหนดเเก่สูเจ้า ทั้งหลายเเล้ว"

พระองค์อัลเลาะฮ์ ได้ทรงใช้ถ้อยคำเรียกบรรดามุมินทั้งหลาย ก่อนที่จะกล่าวถึงบัญญัติศาสนา ด้วยถ้อยคำที่สละสลวยว่า "โอ้ ศรัทธาชนทั้งหลาย" เป็นการเสริมความสัมพันธ์ที่ดีงาม ดังคำพูดของอิบนิมัสอูด กล่าวว่า "เมื่อท่านได้เห็นพระองค์อัลเลาะฮ์ ทรงตรัสว่า โอ้ ศรัทธาชนทั้งหลาย ท่านก็จงตั้งใจฟังเถิด เพราะพระองค์ จะทรงตรัสใช้ให้ปฏิบัติความดี หรือให้ละเว้นการทำชั่ว"

พระองค์อัลเลาะฮ์ได้ทรงชี้เเจงว่า ประชาชาติก่อนๆ ก็ได้ถือศีลอดเช่นเดียวกัน ดังที่พระองค์อัลเลาะฮ์ ได้ทรงตรัสความว่า "โอ้ บรรดาศรัทธาชนทั้งหลาย การถือศีลอดได้ถูกกำหนด เเก่สูเจ้าทั้งหลาย ดังที่ได้ถูกกำหนด แก่ประชาชาติก่อนพวกสูเจ้า เพื่อว่าพวกสูเจ้าทั้งหลาย จะยำเกรง" ซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ /183)

บรรดานักปราชญ์ ต่างพยายามค้นคว้าว่า การถือศีลอดที่ถูกกำหนดนั้น มีจำนวนวันเเละเวลา เท่ากับการถือศีลอดของประชาชาติ นบีมูฮำหมัด หรือไม่? พระองค์อัลเลาะฮ์ ได้ทรงกำหนดการถือศีลอด ให้แก่ชาวยิวเเละครีสเตียน แล้วพวกเขาได้เปลี่ยนเเปลงวิธีการเสีย หรือว่าพระองค์ได้ทรงกำหนดการถือศีลอด เเก่ประชาชาติก่อนทั้งหมด หรือว่ารูปเเบบของการถือศีลอด เป็นเพียงการงดเว้นการกิน เเเละการดื่ม ขณะที่ถือศีลอด เท่านั้น

ศ. อาลี อัลดุลวาฮีด วาฟี ได้เขียนบทวิจัยภายใต้หัวข้อเรื่อง "การถือศีลอดของประชาชาติก่อนๆ" พิมพ์เผยเเพร่ในนิตรยสาร "ริซาละฮ์กอฮิรียะฮ์" อันดับที่ 1096 วันที่ 12 รอมฎอน ฮ.ศ. 1384 ตรงกับวันที่ 14 มกราคม 2508

พระองค์อัลเลาะฮ์ ได้ทรงชี้แจงถึงเป้าหมายของการถือศีลอด ไว้ว่า ไม่เป็นเพียงเเต่การงดเว้นอาหาร เครื่องดื่ม เเละการเสพความสุข ในตอนกลางวัน ของเดือนรอมฎอนเท่านั้น เเต่เพื่อที่จะฝึกจิตใจของเขา ให้มีความยำเกรงต่ออัลเลาะฮ์ เขาก็ไม่ได้ถือศีลอดอย่างเเท้จริง ท่านนบีมูฮำหมัด ซ.ล. กล่าวความว่า "มีผู้ถือศีลอดจำนวนมาก ที่ไม่ได้รับผลจากการถือศีลอด นอกจากความหิวโหย เเละความกระหาย"

ท่านรอซูล ซ.ล. กล่าวต่อไปอีก ความว่า "ผู้ใดที่ไม่ละทิ้งคำพูด ที่ไร้สาระ และการกระทำตามคำพูดนั้น ก็ไม่มีความต้องการใดๆ สำหรับอัลเลาะฮ์ ในการที่เขาได้ละทิ้งอาหาร และเครื่องดื่มของเขา"

การถือศีลอดที่เเท้จริง จะสามารถระงับอารมณ์ไฝ่ต่ำ จะทำให้มูลเหตุ ที่ทำให้การทำความชั่วหมดไป เพราะการถือศีลอดเป็นโล่ พระองค์อัลเลาะฮ์ก็ได้ทรงกำหนด ให้การถือศีลอด ในวันเฉพาะ ที่กำหนดเเน่นอน เเละเพื่อไม่สร้างความลำบาก เเก่บรรดามุมินผู้ศรัทธา พระองค์อัลเลาะฮ์ได้ทรงผ่อนปรนการถือศีลอด ให้แก่บุคคลต่อไปนี้

"บรรดาวันที่เเน่นอน ดังนั้น ผู้ใดในพวกสูเจ้า เจ็บป่วย หรืออยู่ในการเดินทาง ดังนั้น จงเลื่อนการถือศีลอด ไปในวันอื่น เเละบรรดาผู้ที่ถือศีลอด ทำให้เกิดความลำบาก ก็จงจ่ายอาหารให้เเก่ผู้ขัดสน ดังนั้น ผู้ใดที่อาสาเสริมในความดี ก็เป็นการดีสำหรับเขา เเละการถือศีลอด จะเป็นการดีสำหรับสูเจ้าทั้งหลาย ถ้าหากสูเจ้าทั้งหลายรู้" ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์ /184

สำหรับผู้ที่เจ็บป่วย ไม่เป็นภาระหนัก หรือการเดินทางมีความสะดวกสบาย หรือความชราไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางการถือศีลอดให้เเก่เขา ก็สมควรที่เขาจะถือศีลอด เพราะว่านั่น เป็นการดีสำหรับเขา พระองค์อัลเลาะฮ์ทรงกล่าวไว้ในหะดีษกุดซีย์ว่า "การถือศีลอดเป็นความลับเฉพาะ ระหว่างบ่าวกับพระเจ้าของเขา"

หมายความว่า พระองค์อัลเลาะฮ์ทรงรู้ ถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความไม่สามารถ ในการถือศีลอดของเขา

เดือนรอมฎอน เป็นเดือนที่มีความปรเสริฐยิ่ง เพราะว่าพระองค์อัลเลาะฮ์ ได้ทรงเริ่มประทานคัมภีร์อัลกุรอาน ลงมาในเดือนนี้ เพื่อให้เป็นทางนำ เเละเป็นหลักฐานอันชัดเเจ้ง เพื่อให้ท่านนบีมูฮำหมัด ซ.ล. นำมาประกาศเผยเเพร่ พระองค์อัลเลาะฮ์ ได้ทรงกำหนดการถือศีลอด สำหรับผู้ที่อยู่ในภูมิลำเนา ไม่ใช่ผู้เดินทาง เมื่อเขาเห็นดวงจันทร์ค่ำเเรก ของเดือนรอมฎอน ดังที่พระองค์ทรงตรัสความว่า"ดังนั้น ผู้ใดในพวกสูเจ้า รู้ว่า เข้าเดือน (รอมฎอน) เขาจงถือศีลอด"

อิมามอิบนิกะซีร ได้กล่าวไว้ในหนังสืออธิบายอัลกุรอานของท่าน ว่า "นี่เป็นการกำหนดบังคับอย่างเด็ดขาด ต่อผู้ที่เห็นดวงจันทร์เสี้ยว จะต้องถือศีลอด ในเมื่อเขามิได้เดินทาง เเละมีสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วย"

เชคมูฮำหมัด อะหมัด อัลอิดวี ได้กล่าวไว้ในหนังสือของท่านชื่อ "การเชิญชวนไปสู่อัลเลาะฮ์ของบรรดาศาสนา" หน้าที่ 499 ว่า

"อายะฮ์นี้ พระองค์อัลเลาะฮ์ได้ทรงชี้เเจง ให้เราทราบ ว่า ผู้ที่รู้ว่าเข้าเดือนรอมฎอนเเล้ว เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตอบอุ่น เเละเขตร้อน พวกเขาถูกบังคับให้ถือศีลอดในเดือนนี้ ส่วนผู้ที่อาศัยอยู่ในเเถบขั้วโลก พวกเขามีกลางวันครึ่งปี เเละกลางคืนครึ่งปี พวกเขาจะไม่พบกับดวงจันทร์ ต้นเดือนรอมฎอนเลย ในกรณีนี้ บรรดานักปราชญ์มีความเห็น ว่า ให้พวกเขาคำนวณ เพื่อกำหนดเดือนรอมฎอน เเล้วถือศีลอด"

พระองค์อัลเลาะฮ์ ได้ทรงประทานศาสนาอิสลามมา เเละได้บัญญัติอิบาดะฮ์ต่างๆ เพื่อให้บรรดามุสลิมปฏิบัติ มิใช่เพื่อสร้างความลำบาก พระองค์ทรงตรัสว่า

"พระองค์ทรงต้องการให้สูเจ้าทั้งหลาย ได้รับความสะดวกสบาย เเละทรงไม่ต้องการให้พวกสูเจ้า ได้รับความยากลำบาก" (ซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ /185)

ท่านรอซูล ซ.ล. กล่าวความว่า "แท้จริงฉันถูกส่งมา พร้อมด้วยศาสนา เเห่งการนอบน้อม ที่สะดวกง่ายดาย"

พระองค์อัลเลาะฮ์ ได้ทรงบังคับให้ผู้ถือศีลอดรำลึกถึงพระองค์ ขอบคุณพระองค์ สดุดีในความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และขอพร (ดุอาอ์) ต่อพระองค์ ทั้งในยามเช้า ยามเย็นเเละก่อนการเเก้ศีลอด พระองค์อัลเลาะฮ์ได้ทรงตรัสไว้ ในอายะฮ์ต่างๆ เกี่ยวกับการถือศีลอด ความว่า

"เเละเมื่อบ่าวของข้า ได้ถามเจ้าถึงข้า เเท้จริงข้าอยู่ใกล้ ข้าจะตอบต่อคำขอของผู้ที่ขอ เมื่อเขาขอต่อข้า ดังนั้น เขาจงวิงวอนขอต่อข้าเถิด เเละเขาจงศรัทธาต่อข้า เพื่อว่าพวกเขา จะได้รับการนำทาง" ซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์/ 186

การวิงวอนขอดุอาอ์ จากพระองค์อัลเลาะฮ์ ไม่ต้องมีนายหน้า หรือสื่อกลาง ที่จะวิงวอนขอต่อพระองค์ เเละไม่มีการตั้งเงื่อนไขใดๆ ในการขอดุอาอ์ หากเเต่ขึ้นอยู่กับความหวัง และพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์อัลเลาะฮ์ได้ทรงกล่าว ถึงมารยาทในการขอดุอาอ์ไว้ ความว่า

"สูเจ้าทั้งหลาย จงวิงวอนขอต่อพระผู้เป็นเจ้าของสูเจ้า โดยมีความนอบน้อม และแบบค่อยๆ เเท้จริง พระองค์ไม่ทรงรักผู้ที่ละเมิด เเละสูเจ้าทั้งหลาย จงอย่าก่อความเสียหายในแผ่นดิน หลังจากที่ได้ปรับปรุงมัน เเละสูเจ้าวิงวอนขอต่อพระองค์ โดยมีความหวาดกลัว และมีความหวัง (ในการตอบรับดุอาอ์) แท้จริง ความเมตตาของพระองค์อัลเลาะฮ์ อยู่ใกล้กับบรรดาผู้กระทำความดั" ซูเราะฮ์ อัลอะอ์ร้อฟ / 55-56

ท่านอบู มูซา อัลอัชอะซีย์ ได้รายงานไว้ในหนังสืออซอเฮียะห์บุคอรี เเละซอเฮียะห์มุสลิม จากท่านรอซูล ซ.ล. ได้กล่าวกับผู้ที่ตะโกนขอดุอาอ์ ความว่า "ประชาชนทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงขอดุอาอ์ ภายในใจของพวกท่าน เเท้จริงท่านทั้งหลาย มิได้วิงวอนขอต่อผู้ที่หูหนวก หรือผู้ที่ไม่อยู่ เเต่ทว่าท่านทั้งหลาย ได้วิงวอนขอต่อผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงอยู่ใกล้"

ท่านอิบนิกะซีร ได้กล่าวซึ่งถ้อยคำที่ดี ไว้ว่า "บรรดามุสลิม ได้วิงวอนขอต่อพระองค์อัลเลาะฮ์อย่างมาก ไม่มีผู้ใดได้ยินเสียง ของการขอดุอาอ์ของพวกเขา นอกจากเป็นเพียงเสียงกระซิบ ระหว่างเขากับพระเจ้าของเขา โดยเหตุนี้ พระองค์อัลเลาะฮ์ จึงตรัสว่า สูเจ้าทั้งหลาย ได้วิงวอนขอต่อพระเจ้าของสูเจ้าทั้งหลาย ด้วยความนอบน้อม เเละเเบบค่อยๆ และพระองค์ได้ทรงกล่าว ถึงการรำลึกถึงพระองค์ของบ่าวที่ดีท่านหนึ่งว่า ครั้นเมื่อเขาได้วิงวอนต่อพระเจ้าของเขา อันเป็นการวิงวอนที่ค่อยๆ บรรดามุมินจะวิงวอนขอต่ออัลเลาะฮ์ โดยที่เขามีความเชื่อมั่น ในการตอบแทนของพระองค์ เเละเขาจะไม่มีความท้อแท้ใจ ในการตอบสนองการขอดุอาอ์ เเละความเมตตาของพระองค์"

พระองค์อัลเลาะฮ์ได้ทรงกำหนด ระยะเวลาในการถือศีลอด ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่งไว้ หลังจากที่พระองค์กำหนดเดือนรอมฎอน เป็นเดือนเเห่งการถือศีลอด พระองค์ทรงตรัสความว่า "สูเจ้าทั้งหลายจงกิน จงดื่ม จนกระทั่งด้ายขาว (ความสว่าง) ประจักษ์เเจ้งจากด้ายดำ (ความมืด) ของรุ่งอรุณ เเก่พวกสูเจ้า แล้วสูเจ้าทั้งหลาย จงทำให้การถือศีลอด ครบสมบูรณ์ จนถึงยามค่ำคืน"

ในหนังสือซอเอียะห์บุคอรี เเละมุสลิม จากท่านอนัสและท่านเชค บินซาบิต รฏิร กล่าวว่า เราได้รับประทานอาหารสะฮูรร่วมกับท่านรอซูล ซ.ล. แล้วเราก็ลุกขึ้นไปละหมาด อนัสได้กล่าวกับเชคว่า ระยะเวลาห่างกันเท่าไร ระหว่างอะซานเเละอาหารซะฮุร? ท่านกล่าวว่า "ระยะเวลาอ่านอัลกุรอาน ประมาณ 50 อายะฮ์" ท่านรอซูลเรียกร้องให้ล่าช้า ในการรับประทานอาหารสะฮูร เเละให้รีบเเก้ศีลอด เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เมื่อเเก้ศีลอดเรียบร้อยเเล้ว ก็อนุญาตให้มุสลิม ปฏิบัติสิ่งต่างๆ ได้ ตามความปราถนา เช่น การหลับนอนฉันสามีภรรยา ดังอายะฮ์ที่ความว่า "การร่วมหลับนอน กับภรรยาของสูเจ้าทั้งหลาย ในค่ำคืนของเดือนรอมฎอน เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกสูเจ้า นางเหล่านั้น คืออาภรณ์ของพวกสูเจ้า เเละสูเจ้าทั้งหลาย ก็เป็นอาภรณ์สำหรับนางเหล่านั้น พระองค์อัลเลาะฮ์ทรงรู้ว่า สูเจ้าทั้งหลาย ได้หลอกลวงตัวของสูเจ้าเอง เเล้วพระองค์ก็ทรงอภัย และทรงยกโทษให้เเก่พวกสูเจ้า ขณะที่สูเจ้าทั้งหลาย ร่วมหลับนอนกับนาง เเละจงเเสวงหาสิ่งที่พระองค์อัลเลาะฮ์ ได้ทรงกำหนดให้เเก่พวกสูเจ้า" ซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ / 187

นี่คือ การพิเคราะห์อายะฮ์ต่างๆ เกี่ยวกับการถือศีลอด โดยสรุปซึ่งเป้าหมายในการบำบัดโรค ภายในจิตใจ และเป็นทางนำภายในหัวใจ ของผู้พินิจพิจารณา เเละผู้ที่เฝ้ารอคอย การมาของเดือนรอมฎอน เพื่อเขาจะได้ปฏิบัติอิบาดะฮ์ ต่อพระองค์อัลเลาะฮ์ ได้รับความเมตตา เเละความโปรดปราน จากพระองค์ในเดือนนี้ เป็นการเพียงพอเเล้ว สำหรับท่าน ที่จะต้อนรับเดือนดังเช่นการต้อนรับเดือนนี้ ของมะลาอิกะฮ์ว่า "โอ้ ผู้ที่ปราถนาจะทำความชั่ว จงหยุดยั้งเถิด โอ้ ผู้ที่ปราถนาจะทำความดี จงรีบเร่งเถิด"

โดย เชค มุเอาวัฎ อวัฎ อิบรอฮีม

อัพเดทล่าสุด