ศาสนาอนุญาตให้กระทำได้ทุกประการในช่วงเวลาหลังละศิลอดจนกระทั้งถึงแสงอรุณขึ้น ไม่ว่า จะเป็นเรื่องการกิน การดื่ม หรือมีเพศสัมพันธ์ ...
มีเพศสัมพันธ์ หรือฝันเปีียก ในเดือนรอมฎอน
ศาสนาอนุญาตให้กระทำได้ทุกประการในช่วงเวลาหลังละศิลอดจนกระทั้งถึงแสงอรุณขึ้น ไม่ว่า จะเป็นเรื่องการกิน การดื่ม หรือมีเพศสัมพันธ์
รายงาน จากท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ เขากล่าวว่า
أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ إِنَّ بِلَالًا يُؤَذِّنُ بِلَيْلٍ فَكُلُوا وَاشْرَبُوا حَتَّى يُنَادِيَ ابْنُ أُمِّ مَكْتُومٍ ثُمَّ قَالَ وَكَانَ رَجُلًا أَعْمَى لَا يُنَادِي حَتَّى يُقَالَ لَهُ أَصْبَحْتَ أَصْبَحْتَ
"แท้จริงท่าน ร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า "แท้จริงบิล้าลได้ทำการอะซาน(ครั้งแรก)ในช่วงกลางคืนอยู่(ก่อนเข้าเวลาละหมาดศุบฮฺ) ดังนั้นพวกท่านทั้งหลายจงกินและจงดื่มเถิด จนกระทั่งอิบนุอุมมุมักตูมได้ทำการอะซาน(ครั้งที่สอง) หลังจากท่านได้กล่าวว่า อิบนุอุมมุมักตูมเป็นชายตาบอด ซึ่งจะทำการอะซานจนกว่าถูกบอกให้แก่เขาว่า ท่านอยู่ในเวลาซุบฮ์แล้ว ท่านอยู่ในเวลาซุบฮ์แล้ว" (บันทึกหะดิษโดยบุคอรีย์ 582)
พระองค์อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า
أُحِلَّ لَكُم لَيلَةَ الصِّيامِ الرَّفَثُ إِلىٰ نِسائِكُم ۚ هُنَّ لِباسٌ لَكُم وَأَنتُم لِباسٌ لَهُنَّ ۗ عَلِمَ اللَّهُ أَنَّكُم كُنتُم تَختانونَ أَنفُسَكُم فَتابَ عَلَيكُم وَعَفا عَنكُم ۖ فَالـٰٔنَ بٰشِروهُنَّ وَابتَغوا ما كَتَبَ اللَّهُ لَكُم ۚ وَكُلوا وَاشرَبوا حَتّىٰ يَتَبَيَّنَ لَكُمُ الخَيطُ الأَبيَضُ مِنَ الخَيطِ الأَسوَدِ مِنَ الفَجرِ ۖ ثُمَّ أَتِمُّوا الصِّيامَ إِلَى الَّيلِ ۚ وَلا تُبٰشِروهُنَّ وَأَنتُم عٰكِفونَ فِى المَسٰجِدِ ۗ تِلكَ حُدودُ اللَّهِ فَلا تَقرَبوها ۗ كَذٰلِكَ يُبَيِّنُ اللَّهُ ءايٰتِهِ لِلنّاسِ لَعَلَّهُم يَتَّقونَ
"ได้เป็นที่อนุมัติแก่พวกเธอแล้วซึ่งการสมสู่กับบรรดาภรรยาของพวกเธอในค่ำคืนของการถือศีลอด นางทั้งหลายนั้นคือเครื่องนุ่งห่มของพวกเธอ และพวกเธอก็คือเครื่องนุ่งห่มของพวกนาง อัลลอฮฺทรงรู้ว่า พวกเธอนั้นเคยทุจริตต่อตัวเอง แล้วพระองค์ก็ทรงยกโทษให้แก่พวกเธอ และอภัยให้แก่พวกเธอแล้ว บัดนี้พวกเธอจงสมสู่กับพวกนางได้ และแสวงหาสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงกําหนดให้แก่พวกเธอเถิด และจงกินและดื่ม จนกระทั่งด้ายเส้นขาวจะประจักษ์แก่พวกเธอจากด้ายเส้นดํา เนื่องจากแสงรุ่งสาง แล้วพวกเธอจงให้การถือศีลอดครบเต็มจนถึงพลบค่ำ และพวกเธอจงอย่าสมสู่กับพวกนาง ขณะที่พวกเธอพักสงบอยู่ในมัสญิด นั่นคือบรรดาขอบเขตของอัลลอฮฺ ดังนั้นพวกเธอจงอย่าล้ำขอบเขตนั้น ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮฺจะทรงแจกแจงบรรดาสัญญาณของพระองค์แก่ปวงมนุษย์ เพื่อว่าพวกเขาจะได้ยำเกรง" {อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลบาเกาะเราะฮฺ 2:187}
กรณีได้ยินเสียงอาซานละหมาดศุบฮฺขณะร่วมเพศอยู่
เวลาของรุ่งอรุณจำเป็นต้องหยุดกระทำทันที่ แล้วการถือศิลอดของเขาใช้ได้ ถึงแม่จะมีน้ำอสุจิออกมาหลังจากที่หยุดก็ตาม แต่หากไม่หยุดและยังร่วมเพศต่อไป ย่อมถือว่าการถือศิลอดในวันรุ่งขึ้นของเขานั้นเสีย จำเป็นต้องขอลุแก่โทษ และต้องถือศิลอดชดใช้ และเสียกัฟฟาเราะฮฺ (ค่าปรับ)
กรณียังไม่อาบน้ำยกหะดัษหลังเวลาละหมาดศุบฮฺ
กรณีผู้ถือศิลอดมีญุนุบ อันเนื่องจากมีเพศสัมพันธุ์ แล้วอาบน้ำยกหะดัษหลังละหมาดศุบฮฺ หรือมีญุนุบแต่ตื่นขึ้นมาภายหลังเวลาละหมาดศุบฮฺแล้ว การถือศิลอดของเขาใช้ได้ ให้เขาถือศิลอดต่อไปตามปกติ
รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ และท่านอุมมุสะละมะฮฺ เล่าว่า "..."
ความว่า
"ปรากฏว่าเข้าเวลาละหมาดศุบฮฺ ในสภาพที่ท่านรสูล มีญุนุบอันเนื่องจาก(ร่วมลับนอน)กับภรรยาของท่าน จากนั้นท่านรสูลก็อาบน้ำ(ยกหะดัษ) แล้วถือศิลอด" (บันทึกโดยบุคอรี หะดิษเลขที่ 1926)
أنالنبي كانيصبحجنباًمنجماعغيراحتلام،ثميغتسلويصوم.
"ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีญุนุบที่ไม่ใช่เกิดจากความฝัน หลังจากนั้นท่านได้อาบน้ำและทำการถือศีลอด"(บันทึกโดยบุคอรี หะดิษเลขที่ 1825 1830)
และสำหรับหญิงหมดประจำเดือน หรือหมดเลือดนิฟาส(เลือดหลังคลอดบุตร) ในช่วงเวลากลางคืนของเดือนรอมฎอน หากนางจะประสงค์จะอาบน้ำยกหะดัษภายหลังเข้าเวลาละหมาดศุบฮฺ ก็สามารถทำได้ และการถือศิลอดของนางในวันนั้นก็ใช้ได้ อนึ่ง เมื่อถึงเวลาศุบฮฺ คนที่มีญูนุบนี้ วาญิบต้องอาบน้ำยกอาดัสใหญ่ก่อนทำละหมาด ทั้งนี้ เนื่องจากว่า การละหมาดทั้งที่มีญูนุบนั้นใช้ไม่ได้ เเต่อนุญาตให้ถือศีลอดได้ ญูนุบที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะมาจากการมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา หรือฝันเปียก ก็ไม่ทำให้การถือศีลอดที่บุคคลคนหนึ่งจะทำในวันนั้น เป็นโมฆะ