เมื่อ 27 ปีก่อน ได้ขอเช่าพื้นที่ท้องนาจำนวนกว่า 10 ไร่ ของเกษตรกรหลังเสร็จสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าว เพื่อทำการปลูกพืชไร่ตระกูลแตง ในช่วงหน้าแล้ง สร้างรายได้เสริมจากการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง
ที่บริเวณทุ่งนาท้ายเหมือง หมู่ 4 บ้านทองทั่ว ต.คลองนารายณ์ อ.เมือง จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นที่นาหลังเก็บเกี่ยวของเกษตรกร นายวรรฤดี เรืองสวัสดิ์ หรือ พี่เปี๊ยก อายุ 45 ปี ชาว จ.สกลนคร ชีวิตผกผัน ดิ้นรนมารับจ้างทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ในจันทบุรี
เมื่อ 27 ปีก่อน ได้ขอเช่าพื้นที่ท้องนาจำนวนกว่า 10 ไร่ ของเกษตรกรหลังเสร็จสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าว เพื่อทำการปลูกพืชไร่ตระกูลแตง ในช่วงหน้าแล้ง สร้างรายได้เสริมจากการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง และจากแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 นำมาสู่ความสำเร็จ จนมีรายได้เพิ่มเป็นฐานรากให้แก่ครอบครัวเฉลี่ยประมาณปีละกว่า 3 แสนบาท ปัจจุบันผลผลิตของ พี่เปี๊ยก เป็นที่สนใจแก่ลูกค้าตลอดจนชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก
พี่เปี๊ยก กล่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 6-7 ปีก่อน ได้ใช้เวลาที่ว่างจากการทำงานประจำ มาศึกษาข้อมูลการปลูกพืชไร่ตระกูลแตง และเริ่มลงมือเพาะปลูกโดยเฉพาะแตงโมพันธุ์กินรี ที่หาซื้อเมล็ดพันธุ์ได้ตามท้องตลาด และแคนตาลูป จนเวลาผ่านไปผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาด สามารถเก็บขายได้ราคาดีจนประสบความสำเร็จ แต่ผลไม้ทั้งสองชนิดจำเป็นต้องใช้น้ำในการเพาะปลูกอยู่พอสมควร ประกอบกับในบางปีต้องประสบปัญหาภัยแล้ง จึงเริ่มหันมาปลูกเมล่อน พืชที่ใช้น้ำน้อย ซึ่งก็พบว่าไม่ได้รับผลกระทบแต่กลับกลายเป็นเรื่องดี เนื่องจากเมล่อนเป็นพืชที่ไม่ชอบความชุ่มชื้น จนกระทั่งปัจจุบันได้ปลูกพืชทั้ง 3 ชนิด พร้อมกับควบคุมดูแลขั้นตอนการผลิตด้วยวิธีเกษตรอินทรีย์ผสมผสาน ตามแนวพระราชดำริ ทำให้ผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาด จนสามารถส่งขายสร้างรายได้เสริม ตกต่อปีเฉลี่ยประมาณ 3 แสนบาท
พี่เปี๊ยก กล่าวอีกว่า ขั้นตอนการทำงานได้ให้ความสำคัญตั้งแต่การหาพื้นที่ที่เหมาะสม เพราะจะทำให้พืชที่ปลูกมีรสชาติดี เป็นที่ต้องการ และที่สำคัญต้องมีคนเพาะปลูกน้อยเพื่อไม่กระทบต่อการตลาด ส่วนราคาในขณะนี้ ขายเมล่อนราคาส่งอยู่กิโลกรัมละ 60 บาท, แตงโมราคาส่งกิโลกรัมละ 10 บาท ส่วนขายปลีกอยู่ที่ราคากิโลกรัม 15 บาท, แคนตาลูปราคาส่งกิโลกรัมละ 25-27 บาท แล้วแต่ปริมาณลูกค้าซื้อมากน้อย ซึ่งปัจจุบันทำให้มีลูกค้าต่างจังหวัด มารับซื้อถึงที่อย่างไม่ขาดสาย
“เพื่อเป็นการตอบแทนคุณแผ่นดินจันทบุรี ที่ทำให้มีรายได้เลี้ยงชีพ มาจนถึงทุกวันนี้ จึงเปิดโอกาสให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ตลอดจนนักเรียน นักศึกษา ได้เข้าศึกษาเรียนรู้ฟรีอีกด้วย ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถโทรศัพท์สอบถามข้อมูลได้ที่หมายเลข 081-385-1058” พี่เปี๊ยก กล่าว
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก: Khaosod