มะเร็ง เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย อาจเกิดเป็นก้อนเนื้อ และเซลล์ในก้อนเนื้อนั้นก็จะตายเพราะขาดเลือดไปเลี้ยง ปัจจุบันความสูญเสียจากโรคมะเร็งไม่ได้ลดน้อยลงเลย
มะเร็ง เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย อาจเกิดเป็นก้อนเนื้อ และเซลล์ในก้อนเนื้อนั้นก็จะตายเพราะขาดเลือดไปเลี้ยง ปัจจุบันความสูญเสียจากโรคมะเร็งไม่ได้ลดน้อยลงเลย หนำซ้ำกลับมีปริมาณเพิ่มขึ้นไปทั่วภูมิภาคของโลก ทั้งที่วิวัฒนาการได้พัฒนาขึ้น แต่กลับไม่มียารักษาโรคมะเร็งให้หายขาด จะมีก็เพียงการป้องกันสำหรับมะเร็งบางชนิดเท่านั้น ความรุนแรง และอาการของโรคมะเร็งแต่ละชนิดจะแตกต่างกัน เท่าที่พบข้อมูลพบว่าปัจุบันมีโรคมะเร็งที่พบในร่างกายมนุษย์มากกว่า 100 ชนิด ดังนั้นต้องเริ่มดูแลตัวเองเสียตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป
วันนี้เราจึงได้นำอาการของโรคมะเร็งต่างๆ มาให้ลองตรวจเช็คเบื้องต้นก่อนว่ามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด เข้าข่ายในอาการโรคมะเร็งประเภทไหน? รู้ก่อนจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที
1. มะเร็งปากมดลูก
ลักษณะอาการ : มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวด และมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ต้องตรวจโดยขูดเนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะทราบว่าเป็นหรือไม่?
2. มะเร็งในมดลูก
ลักษณะอาการ : มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง
3. มะเร็งรังไข่
ลักษณะอาการ :ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง
4. มะเร็งในเม็ดเลือด หรือ ลูคีเมีย
ลักษณะอาการ : จะเหนื่อยง่าย และมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาการปวดตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของ ช่องท้อง
5. มะเร็งปอด
ลักษณะอาการ : มักไอบ่อย ๆ มีเลือดออก และมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำ หนักลดอย่างรวดเร้ว เจ็บบริเวณหน้าอก และหายใจลำบาก หรืออาจมีอาการหอบปนด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
6. มะเร็งตับ
ลักษณะอาการ : รู้สึกปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตาและผิวเป็นสีออกเหลืองถึงสีเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด
7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
ลักษณะอาการ : มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ
8. มะเร็งสมอง
ลักษณะอาการ : ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาเจียน หรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่ามัว และเห็นแสงเขียวๆ แดงๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือการเป็นลมโดยกะทันหัน อวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงาน เช่น มีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราว ควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย
9. มะเร็งในช่องปาก
ลักษณะอาการ : มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือ เป็นเวลานาน
10. มะเร็งในลำคอ
ลักษณะอาการ : เสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึก ได้
11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร
ลักษณะอาการ : น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว อาเจียนออกมาเป็นเลือด ท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ
12. มะเร็งทรวงอก
ลักษณะอาการ : มีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวม หรือผิวเนื้อทรวงอกหนา ขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิด ขึ้น ที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่า ซีสต์ ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจน
13. มะเร็งลำไส้
ลักษณะอาการ : น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมาก ระบบการย่อยผิดปกติ และมีเลือดออกปนมากับอุจจาระ ซึ่งมีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้ว คือถ้าใช้กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่น คืออาการของริดสีดวงทวาร แต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่น คือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้
14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ลักษณะอาการ : มีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้ หรือใต้ขาหนีบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้เกิดอาการติดเชื้อในบางส่วนของร่างกาย
15. มะเร็งผิวหนัง
ลักษณะอาการ : มีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานาน ตลอดจนไฝหรือหูดที่โตขึ้น และมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่าเมลาโนมา ( Melanoma) คือเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระ จุด ด่าง หรือไฝ ถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกาย หรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อน คุณจะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่น ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก : นานาสาระเพื่อสุขภาพดี