แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีงานวิจัยและข้อเขียนเชิงวิชาการมากมายที่ยืนยันว่า ไก่ไทยไม่มีการใช้ฮอร์โมนมานานมากแล้ว แต่ก็ยังมีข้อสงสัยหรือแม้แต่การส่งต่อข้อมูลความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนนี้ ทำให้พ่อแม่ยุคใหม่ยังมีความกังวลว่า กินไก่แล้วจะทำให้หน้าอกใหญ่หรือเด็กเป็นสาวเร็วก่อนวัย
คลายสงสัย..กินไก่ไม่ทำให้อกโต
แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีงานวิจัยและข้อเขียนเชิงวิชาการมากมายที่ยืนยันว่า ไก่ไทยไม่มีการใช้ฮอร์โมนมานานมากแล้ว แต่ก็ยังมีข้อสงสัยหรือแม้แต่การส่งต่อข้อมูลความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนนี้ ทำให้พ่อแม่ยุคใหม่ยังมีความกังวลว่า กินไก่แล้วจะทำให้หน้าอกใหญ่หรือเด็กเป็นสาวเร็วก่อนวัย
เรื่องนี้ต้องถามผู้เชี่ยวชาญ นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ในฐานะโฆษกกรมปศุสัตว์ บอกว่า ตอบข้อสงสัยมาหลายครั้ง โดยเฉพาะคำถามเกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมนในการเลี้ยงไก่ ทุกครั้งยังคงยืนยันว่าไม่มีแน่นอน เพราะสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศห้ามใช้ยาเฮ็กโซเอสตรอล (Hexoestrol) ซึ่งเป็นยาที่ใช้สำหรับตอนสัตว์ปีกและเป็นฮอร์โมนสำหรับรักษาสัตว์ โดยมีคำสั่งเพิกถอนออกจากทะเบียนตำรับยาที่ ไม่ให้มีการจำหน่ายในประเทศไทยมาตั้งแต่ เดือนมิถุนายน 2529 หรือเมื่อ 30 ปี มาแล้ว
ที่สำคัญกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เองที่มีหน้าที่โดยตรงในการกำกับดูแลให้การเกษตรมีมาตรฐาน ก็มีนโยบายดูแลเรื่องนี้อย่างเข้มงวดมาโดยตลอด โดยให้เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ รวมถึงสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มเป็นผู้ตรวจสอบและกำกับการใช้ยาอย่างเคร่งครัด ข้อนี้ผู้บริโภคจึงสบายใจได้ว่าไก่เนื้อที่เลี้ยงในระบบฟาร์มมาตรฐานนั้นไม่มีการใช้ฮอร์โมนนี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม อาจมีคำถามว่า ถึงห้ามใช้ก็อาจมีการลักลอบใช้ ข้อนี้ฟันธงเลยว่าไม่มี เพราะการใช้ฮอร์โมนนั้นต้องทำเป็นรายตัวด้วยการฝังไปที่ตัวไก่ ซึ่งถ้าจะทำก็ต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก นอกจากจะไม่คุ้มค่ากับการลงทุนแล้ว ยังเสี่ยงคุกเพราะการลักลอบใช้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย และปัจจุบันการเลี้ยงไก่เนื้อก็ไม่ต้องเลี้ยงนานเหมือนในอดีต เกษตรกรใช้เวลาเลี้ยงเพียง 35-45 วันก็ได้น้ำหนักที่ตลาดต้องการ ซึ่งหากมีการลักลอบใช้จริงก็เรียกว่าได้ไม่คุ้มเสียเพราะตัวฮอร์โมนยังไม่ทันออกฤทธิ์ก็ต้องจับขายเสียแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่เกษตรกรต้องพึ่งพาฮอร์โมนเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลี้ยงไก่เนื้อในปัจจุบัน เป็นการเลี้ยงด้วยมาตรฐานการส่งออก ที่ต้องมีการควบคุมการใช้ยาตามมาตรฐานทั้งของไทยและของประเทศคู่ค้า ที่ห้ามไม่ให้มีการใช้ฮอร์โมนในการเลี้ยงอย่างเด็ดขาด หากตรวจพบว่ามีตัวยาหรือฮอร์โมนตกค้างในเนื้อไก่ที่ส่งออก ก็เตรียมตัวเจ๊งได้เลยเพราะไก่ทั้งล้อตจะถูกตีกลับ และเป็นอันต้องเลิกค้าขายกันไปเพราะถือว่าทำผิดกฎของเขา
ยิ่งสมัยนี้เทคโนโลยีวิธีตรวจหาฮอร์โมนตกค้างก็ง่ายแสนง่าย อย่างนี้แล้วผู้ประกอบการจึงไม่ขอเสี่ยงแน่ อย่างไรก็ตาม อาจมีคนสงสัยอีกว่าเลี้ยงไก่ส่งออกกับเลี้ยงในประเทศก็คงไม่เหมือนกัน เรื่องนี้ตอบง่ายเพราะในแง่การลงทุนแล้ว ไก่เนื้อที่เลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมเขาไม่แยกเลี้ยงไก่ในประเทศไก่นอกประเทศให้วุ่นวาย และไม่ต้องเติมสารอะไรมากกว่าอาหารที่ไก่ต้องกินที่จะเป็นการเพิ่มต้นทุนไปอีก จึงสรุปได้ว่า “การเลี้ยงไก่เนื้อของไทยไม่มีการใช้ฮอร์โมนเร่งโตแน่นอน”
แล้วถ้าไม่ใช้ฮอร์โมนทำไมไก่ถึงโตเร็ว? ต้องเท้าความก่อนว่า ในภาคอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ของไทยเรานั้น ที่ผ่านมาได้มีความพยายามพัฒนากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่องมาตลอด ตั้งแต่การพัฒนาพันธุกรรมของตัวไก่ เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่มีความแข็งแรง และมีการเจริญเติบโตที่ดีตามธรรมชาติ ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการเลี้ยง อย่างเช่นการเลี้ยงไก่ในฟาร์มระบบปิด ไก่อยู่ในโรงเรือนแบบปิดที่ปรับอากาศภายในให้เหมาะสม หรือที่ในวงการเรียกว่าโรงเรือน EVAP ที่ไม่ต่างอะไรกับการที่คนนอนในห้องแอร์ ทำให้ไก่อยู่สุขสบาย ไม่เครียด จึงไม่ป่วย และเจริญเติบโตได้ดีโดยไม่ต้องใช้ฮอร์โมนหรือสารเร่งใดๆ
ประกอบกับการเลี้ยงโดยใช้หลักการตามมาตรฐานสวัสดิภาพและสุขอนามัยสัตว์ที่ดี เทียบเท่ากับมาตรฐานต่างประเทศ ขณะเดียวกัน นักโภชนาการก็ทำหน้าที่คิดค้นและพัฒนาสูตรอาหาร ที่เหมาะสมกับความต้องการของไก่แต่ละช่วงอายุ เพื่อให้สามารถแสดงออกถึงลักษณะเด่นทางพันธุกรรมที่ได้รับการพัฒนาแล้วได้อย่างเต็มที่ เหตุผลเหล่านี้คือคำตอบว่า ไก่ไทยไม่จำเป็นต้องใช้สารเร่งโต และไก่เนื้อในปัจจุบันใช้เวลาเลี้ยงน้อยกว่า แต่กลับโตดีกว่าไก่ที่เลี้ยงกันในอดีต
ทั้งหมดนี้ คงช่วยตอบข้อสงสัยและได้ข้อสรุปว่าไก่โตได้โดยไม่ต้องใช้ฮอร์โมน จากนี้พ่อแม่ผู้ปกครองก็ควรเลิกกังวลได้แล้ว เพราะเนื้อไก่จัดอยู่ในกลุ่มเนื้อสีขาว (White meat) ที่เป็นโปรตีนที่มีประโยชน์ ย่อยง่าย ไขมันน้อย เหมาะกับการเจริญเติบโตของร่างกายในวัยเด็ก และใช้ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในวัยผู้ใหญ่ ที่สำคัญควรหยุดส่งต่อข้อมูลความเคลื่อน “เช็คก่อนแชร์” เพื่อไม่ให้ข่าวโคมลอยทำให้เสียโอกาสการรับประทานโปรตีนคุณภาพดีไปเสียเปล่าๆ และยังกระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่เนื้อโดยตรงด้วย