อันตรายแค่ไหนเมื่อ “ประจําเดือนเป็นสีดํา” เรื่องที่ผู้หญิงทุกคนต้องรู้!


23,426 ผู้ชม


ประจำเดือน เป็น ภาวะปกติของหญิงสาวที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ผู้หญิงที่มีรอบเดือนมาปกติจะมีระยะห่างของประจำเดือนประมาณ 21-35 วัน ขึ้นอยู่กับช่วงวัยของหญิงสาวที่มีประจำเดือน และมีระยะเวลาการมีประจำเดือนอยู่ที่ 3-7 วัน แต่สิ่งที่เป็นปัญหาของผู้หญิงหรือทำให้คุณผู้หญิงเป็นกังวลใจ ก็คือ การที่จู่ๆ ประจำเดือนเปลี่ยนจากสีแดงกลายเป็นสีดำ สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรกัน ผิดปกติหรือไม่ มาหาคำตอบกันค่ะ

อย่าเข้าใจผิด ๆ ว่าเลือดประจำเดือนสีดำ คือ “เลือดเสีย” ประจำเดือนมีสีคล้ำหรือสีดำ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ไม่ได้เป็นปัญหาสุขภาพ หรือเป็นโรคอะไรร้ายแรงแต่อย่างใด แต่ประจำเดือนสีคล้ำหรือสีดำที่เกิดขึ้นนี้อาจเกิดขึ้นได้จากการที่เลือดประจำเดือนไหลออกมาแล้วไปติดค้างอยู่ที่บริเวณช่องคลอดนานเกินไป จนทำให้เลือดสีแดงเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้น

โดยส่วนใหญ่…คุณผู้หญิงมักจะเกิดประจำเดือนเช่นนี้ขึ้นในช่วงที่ประจำเดือนเริ่มมาใหม่ ๆ หรือช่วงที่ประจำเดือนใกล้จะหมด เนื่องจากช่วงนี้ เลือดจะค่อย ๆ ซึมออกมาช้า ๆ และมีโอกาสติดค้างอยู่บริเวณช่องคลอดเป็นเวลานาน ซึ่งกว่าจะไหลออกมาเลือดก็จะกลายเป็นสีคล้ำหรือสีดำไปซะแล้ว

ปรียบเทียบง่าย ๆ เวลาที่โดนมีดบาดใหม่ ๆ เลือดจะมีสีแดงเข้ม และจะค่อย ๆ แข็งตัวและเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้น ซึ่งก็เปรียบเหมือนกับเลือดประจำเดือนของเรานั่นเอง

สีของประจำเดือนแบบอื่นๆบ่งบอกอะไรแก่เราได้อีกบ้าง

นอกจากประจำเดือนสีดำแล้ว เรายังอาจเจอกับประจำเดือนสีอื่นๆ ได้อีก ดังนี้

1. ประจำเดือนสีซีด

เกิดจากการที่มีประจำเดือนมาน้อย แต่มีหลายวัน อาการเช่นนี้มักมาคู่กับอาการปวดท้องประจำเดือน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการนอนดึก พักผ่อนที่ไม่เพียงพอแบบเรื้อรัง ซึ่งส่งผลให้ตับอ่อนแอ วิธีแก้ไขทำได้ไม่ยาก แค่หันมาดูแลใส่ใจเรื่องอาหารให้มากขึ้น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ เท่านี้ก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้แล้ว

2. ประจำเดือนสีแดงเข้ม

เกิดจากภาวะที่ร่างกายร้อนเกินไป ทำให้เลือดออกมาก และเลือดมีสีเข้ม วิธีแก้ไขทำได้ง่ายๆ แค่ดื่มน้ำเยอะๆ และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อปรับสมดุลของร่างกาย


แม้ว่าการเปลี่ยนสีของประจำเดือนอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่ากับปัญหาอื่นๆ  แต่สีของประจำเดือนก็สามารถบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างในร่างกายได้ ซึ่งทำให้เราฉุกคิด และหันมาดูแลตัวเองได้ทันเวลา

นอกจากสีของประจำเดือนแล้ว สาวๆควรจดบันทึกช่วงเวลาที่ประจำเดือนมาในแต่ละเดือนด้วย รวมถึงสังเกตปริมาณเลือดว่ามากขึ้นหรือน้อยลงหรือไม่ โดยนับจากจำนวนผ้าอนามัยที่ใช้ในแต่ละวัน ทั้งนี้ก็เพื่อสังเกตหรือวิเคราะห์อาการผิดปกติด้วยตนเองเบื้องต้น หากเกิดความผิดปกติขึ้นจริง จะได้สามารถนำเอาความผิดปกติเหล่านี้ไปเล่าให้คุณหมอฟัง เพื่อหาสาเหตุที่ถูกต้องต่อไปได้

ที่มา: https://th.theasianparent.com/

อัพเดทล่าสุด