เปลือกแก้วมังกร กินได้ไหม มาดู เปลือกแก้วมังกร สรรพคุณ ที่รู้แล้วอึ้ง เพราะมันมีดีจนไม่อยากทิ้ง!
เปลือกแก้วมังกร กินได้ไหม มาดู เปลือกแก้วมังกร สรรพคุณ ที่รู้แล้วอึ้ง เพราะมันมีดีจนไม่อยากทิ้ง!
เปลือกของแก้วมังกร มีประโยชน์มากกว่าที่เราคิด สารเบต้าไซยานินในเปลือกแก้วมังกรเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถต้านอนุมูลอิสระ ชะลอริ้วรอยความแก่ ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์สมอง ป้องกันการเกิดภาวะสมองเสื่อม นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานินและมีปริมาณวิตามิน A, B1, B2, C ธาตุเหล็ก และแร่ธาตุอื่นๆสูงอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นแหล่งอุดมไปด้วยวิตามินธรรมชาติที่ดีเยี่ยมที่สุด
คุณประโยชน์ของเปลือกแก้วมังกร
เปลือกของแก้วมังกรมีสารอาหารวิตามินและแร่ธาตุที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างมาก หนึ่งในนั้นก็คือ สารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าสารเบต้าแคโรทีนถึง 10 เท่า นอกจากนี้ สารแอนโทไซยานินจะคงอยู่ในเลือดภายในร่างกายคนได้นานถึง 75 ชั่วโมง ซึ่งเลือดจะลำเลียงสารนี้ไปทั่วร่างกาย มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่น ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันริ้วรอย ชะลอความแก่ และป้องกันอัลไซเมอร์
ปกป้องร่างกายเราจากสารอันตรายต่างๆ เช่น อันตรายจากสารอนุมูลอิสระ สารแอนโทไซยานินยังช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นของผนังหลอดเลือด ปกป้องผนังหลอดเลือดแดง ลดความดันโลหิต บำรุงผิวให้กระจ่างใส เรียบเนียน ป้องกันการอักเสบและอาการแพ้ บำรุงข้อต่อให้มีความยืดหยุ่นดี ป้องกันโรคข้ออักเสบ บำรุงสายตาและต้านรังสี เป็นต้น
วิธีการรับประทานเปลือกแก้วมังกร
1. รับประทานโดยตรง：เวลาที่เรากินแก้วมังกร อย่าทิ้งเปลือกด้านใน ให้ใช้มีดคว้านด้านในของเปลือกมากินได้
2. คั้นเป็นน้ำผลไม้：วิธีการกินเปลือกแก้วมังกรที่อร่อยที่สุด คือ การนำมาคั้นเป็นน้ำผลไม้ สามารถเติมน้ำตาลทรายเพิ่มความหวานและนำไปแช่ในตู้เย็นไว้ดื่ม มีรสชาติหวาน อร่อย ดับกระหายและยังได้วิตามินจากธรรมชาติ
3. นำมายำ：ผ่าแก้วมังกร ปอกเปลือกออกแล้วหั่นเป็นเส้นๆใส่จาน ใส่น้ำมันงาลงไปเล็กน้อย คลุกเคล้าแล้วเติมเกลือ และซุปไก่สกัดลงไปคลุกให้เข้ากัน
ประโยชน์ของแก้วมังกรมากมายขนาดนี้ กินได้ทั้งเนื้อทั้งเปลือก ถือเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าสูงจริงๆ ไม่กินไม่ได้แล้วล่ะ！
ที่มา: www.liekr.com