อ่านซะ..8 เหตุผลนี้ อย่าเพิ่งออกจากงานเด็ดขาด!


1,493 ผู้ชม



เราไม่อยากให้คุณตัดสินใจออกจากงาน เป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หรือไม่ไลค์เพื่อนร่วมงานบางคน อดทนอีกนิด เดี๋ยวอาจมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น ถ้าคุณจะลาออกเพราะสิ่งนี้ เราขอเบรกตัวโก่งก่อนเลย ถ้า…

1. หัวหน้าไม่โปรโมต

อันนี้ขอไม่เข้าข้างคุณนะ เหตุผลที่หัวหน้ายังไม่โปรโมต คุณต้องปรึกษาหัวหน้าแบบตรงไปตรงมา อาจเป็นข้อเสียในตัวคุณ ที่คุณเองไม่เคยมองเห็นก็ได้ และงานนี้วัดแอตติจูดกันล่ะ ถ้าคุณเป็นสาวแอตติจูดบวก คุณจะมองตามความเป็นจริง และตั้งใจทำให้ดีขึ้นมากกว่า อีกอย่างตอนที่คุยกับหัวหน้า ก็จะได้รู้ด้วยว่าหัวหน้าไม่โปรโมตด้วยความจริงใจ หรือไม่ชอบเราเป็นการส่วนตัว

2. โดนให้ทำแต่งานยากๆ

บอกเลย 80% ของหัวหน้างาน จะให้ลูกน้องที่ไว้ใจที่สุด ทำงานที่ยากที่สุด! ไม่ต้องกรี๊ดอยู่คนเดียวเวลาโดนงานที่แบบ “เอ๊ย! นี่มันอย่างกับปีนเขาเอฟเวอร์เรสท์!” เพราะคุณคือผู้ถูกเลือกแล้วค่ะ หัวหน้างานคนหนึ่งบอกเราว่า “เวลามีโปรเจกต์งานชิ้นสำคัญ พี่จะมีหน้าลูกน้องคนที่ใช่ลอยมาทันที มันต้องเป็นเธอเท่านั้นที่พี่เห็นว่ามีความสามารถทำมันได้” ภูมิใจ และกัดฟันสู้ต่อไป อีกอย่างมันทำให้คุณเรียนรู้สุดๆ เป็นพอร์ตโฟลิโอติดตัวด้วยนะ

3. ชะนีนางหนึ่งในออฟฟิศหาเรื่องตลอด

ไม่นะคะ เราจะไม่เป็นเหยื่อของงานดราม่าใดๆ ท่องไว้เลยสาวๆ ยิ่งสาวดาวรุ่งในที่ทำงานแล้ว มักมีนางชะนีหน้าซื่อใจร้ายแอบอิจฉาคุณลึกๆ และถ้าสวยกว่านางอีก โอ๊ยยย บอกเลยนิสัยมนุษย์สุดหยั่งถึง นางจะหมายมั่นไว้เลยว่า ต้องจัดการคุณ! และอย่าให้สบช่องนะ นางแทงเลย เพราะฉะนั้นอย่าได้หวั่นไหว มั่นใจเข้าไว้ ชนกับนาง และท่องไว้อีกประโยค “ฉันจะนิ่ง แต่จะไม่โง่” สวยๆ ค่ะ

4. บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

อย่างเช่น ปรับโครงสร้าง เปลี่ยนหัวหน้า เพิ่มแผนกใหม่ อะไรที่เกิดการเปลี่ยนแปลงกระทบกับงานที่คุณทำ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องเปลี่ยนหัวหน้าด้วยแล้ว อย่าเพิ่งตีโพยตีพายว่า “ฉันไม่รอดแน่ๆ” หรือ “ถ้าหัวหน้าไม่อยู่ เราต้องออกตาม” คือว่า..แล้วจะเอาอะไรกิน? เราต้องโปรเฟสชันแนลกว่านั้น ถ้าจะต้องเปลี่ยน ก็ต้องว่ากันไปตามโฟลว์ ถ้ายังไม่มีงานใหม่มาออฟเฟอร์ก็ใจเย็นๆ รอดูการเปลี่ยนแปลง และถ้าต้องไปทำกับหัวหน้าใหม่ หรือหน้าที่ใหม่ๆ คิดใหม่เลยว่า “ดีออก! จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ดี” ข้อดีคือคุณได้ฝึกตัวเองมาก และถ้าคุณผ่านไปได้ ก็แปลว่าคุณได้พัฒนาตัวเองให้เป็นสาวทำงานรุ่นท็อปขึ้นมาอีกขั้นแล้ว

5. แม่ไม่ชอบงานที่ทำ

โอยยยย คุณแม่ขานี่มันยุคอะไรแล้วคะ? ถูก! ถ้าเราได้งานที่ชอบ แล้วเจอแม่ไซโคทุกวันอยากให้เราลาออก อย่าเพิ่งหวั่นไหว หันขวับไปขอเหตุผลแรงๆ กับแม่ และเอามาคิด ถ้าแม่ตอบแล้วงงมาก หรือตอบด้วยเหตุผลของตัวแม่เองมากกว่ามองเราที่เป็นเรา ก็โยนทุกสิ่งทิ้งลงแม่น้ำให้มันลอยไปไกลๆ เลย หันขวับกลับมานิ่ง โฟกัสที่งาน เพิกเฉยแม่บ้างจนเวลาผ่านไป แม่ก็จะรามือไปเอง แม่ไม่ได้อยู่ยุคเดียวกับคุณ เรื่องนี้ต้องให้ตัวคุณเองตัดสินเท่านั้น เพราะทั้งชีวิตที่เหลือต่อไป คุณต้องสร้างเอง ไม่ใช่แม่!!!

6. ทนเห็นหน้าผู้ชายที่ทำให้ปวดร้าวไม่ได้

อีกเหตุผลอันไม่น่าเชื่อของหญิงสาวที่ทำให้อยากลาออกก็คือ ผู้ชายที่แอบคบๆ อยู่ในออฟฟิศ ได้ปล่อยศรปักอกแล้วหักศรนั้นคามือ ก่อให้เกิดความปวดร้าวกระเพื่อมไปทั้งอก คุณเลยคิดเอาว่า “มีเธอ ไม่มีชั้น” และอีกก้าวเดียวเท่านั้น กำลังจะเดินหน้าไปลาออกกับหัวหน้า กรี๊ดๆๆๆ อย่าทำแบบนั้นค่ะคุณสาวๆ ปล่อยเขาไปตามทางของเขา งานนี้เราหาของเรามา อยู่ให้ได้ และต้องอยู่ให้ได้ ไม่เกิน 3 เดือนเท่านั้น คุณจะต้องเฉิดฉายกว่าเดิม!

7. หัวหน้าเรียกไปดุ

ถ้าเจออย่างนี้จะทำให้กำลังใจเราลดฮวบ รู้สึกผิดทันทีที่เราทำอะไรพลาดไป แต่อย่าน้อยใจคิดเอาเองฝ่ายเดียวว่าหัวหน้าไม่ชอบเรา ถ้าเหตุผลที่เขาเรียกเราไปสอน จะทำให้เราจำและทำให้งานดีขึ้นกว่าเดิม เพราะถ้าไม่มีบทเรียน เราก็อาจจะผิดลามไปเรื่อยๆ บางทีอาจจะเกินเยียวยา ผิดครั้งเดียวไม่ได้แปลว่าหัวหน้าจะเกลียดเราตลอดไป แต่ถ้าเรียกไปด่าเพื่อระบายอารมณ์ หรือพูดแบบไม่สร้างสรรค์ อันนี้ก็พิจารณาเป็นเคสๆ ไป ว่าไหวกับอารมณ์สวิงของนายมั้ย

8. เพื่อนในทีมไม่คุยด้วย แถมปล่อยรังสีเงียบอำมหิตใส่

ถ้าต้องตื่นมาแล้วมาทำงานในสภาพกดดัน มาทำงานแต่มีคนไม่คุยกับเรา ทำให้เราไม่มีความสุขตลอดทั้งวัน ถ้ารู้ว่าเขาไม่ชอบเราเพราะอะไร แล้วเป็นสิ่งที่เราผิดจริงๆ ก็อาจจะเข้าไปคุยหรือส่งข้อความไปขอโทษในสิ่งที่เราเคยทำ ให้บรรยากาศการทำงานดีขึ้น แต่ถ้าไม่รู้จริงๆ ว่าเพราะอะไร อาจแค่ไม่ชอบหน้าไม่ถูกชะตา อันนี้เราช่วยเขาไม่ได้จริงๆ ลองพยายามชวนเขาคุยก็แล้ว เฟรนลี่สุดๆ ไป ก็ยังไม่คุยกับเราเหมือนเดิม คงต้องปล่อยเขาไป แค่ให้โฟกัสกันที่ผลของงานว่าเขาต้องให้ความร่วมมือจริงๆ ไม่อย่างนั้นก็คงต้องบอกให้หัวหน้าทราบว่า เราทำงานไม่ได้เพราะอะไร พูดกันแบบตรงๆ ไม่มีใส่ความ ให้คิดไว้ว่างานคืออนาคตของเรา จะให้คนๆ หนึ่งมาตัดสิน เราอาจพลาดโอกาสที่ยิ่งใหญ่แบบไม่น่าเชื่อก็ได้

ที่มา: https://www.thairath.co.th/content/594074


อัพเดทล่าสุด