ส้นเท้าแตก ทำไงดี แนะทำได้ง่ายๆด้วย 7 วิธีที่หลายคนนึกไม่ถึง!


4,084 ผู้ชม


ส้นเท้าแตก เท้าเป็นอวัยวะสำคัญที่ถูกเรียกใช้งานตลอดแทบทั้งวัน จึงทำให้คนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงปัญหาการเกิดส้นเท้าแตกได้ยาก ซึ่งสาเหตุของการเกิดส้นเท้าแตกก็มาจากหลากหลายสาเหตุด้วยกัน ในระยะเริ่มแรกของอาการส้นเท้าแตกจะเริ่มจากการบวมแดงหรือการอักเสบ หากคุณปล่อยทิ้งไว้จะทำให้ฝ่าเท้าเริ่มหนาขึ้นและแตกเป็นรอยเล็ก ๆ และหากปล่อยไว้นาน ๆ ไม่รีบหาทางแก้ไข หนังกำพร้าก็แตกเป็นร่องลึกบริเวณเส้นเท้าได้

ในกรณีที่ส้นเท้าแตกติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้มีเชื้อแบคทีเรียเข้าไปสะสมได้ นานวันเข้าถ้าเป็นมาก ๆ เข้าส้นเท้าที่แตกอาจมีเลือดไหลซึมออกมาและมีอาการเจ็บแสบจนแทบเดินแทบไม่ไหว และอาจถึงขั้นร้ายแรงจนเกิดเชื้อราได้ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่ อย่าปล่อยทิ้งไว้นานไปจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ และทางที่ดีคุณควรหาวิธีรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า และหมั่นบำรุงส้นเท้าอยู่เสมอ เพื่อความสวยงามของเท้าที่จะอยู่กับคุณตลอดไป

สาเหตุของส้นเท้าแตก

  1. ส้นเท้าแตก (Cracked heels) บ่อยครั้งมักพบได้กับคนอ้วนที่มีน้ำหนักตัวมาก เพราะน้ำหนักมีผลโดยตรง ทำให้ส้นเท้าต้องรับภาระหนักขึ้น เมื่อมีน้ำหนักมากขึ้นหนังเท้าก็จะเริ่มหนามากขึ้นเรื่อย ๆ และมีโอกาสแตกได้ง่าย
  2. คุณเป็นคนชอบเดินด้วยเท้าเปล่าใช่หรือไม่? ไม่ว่าจะเดินบนพื้นปูน พื้นดิน พื้นบ้าน หรือพื้นแข็ง ๆ โดยที่ไม่สวมรองเท้า ถ้าใช่นี้อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของเกิดการส้นเท้าแตกได้
  3. การสวมใส่รองเท้าเปิดส้น รองเท้าส้นสูง หรือรองเท้าที่ไม่มีคุณภาพพื้นรองเท้าแข็งมากจนเกินไป เช่น รองเท้าแตะคีบ รองเท้าฟองน้ำ รองเท้าสาน ฯลฯ
  4. การสวมใส่รองเท้าขนาดที่ไม่พอดีกับเท้า เช่น ใส่คับหรือหลวมมากจนเกินไปเป็นเวลานาน ๆ จนทำให้เกิดบวมแดงหรืออักเสบ หากปล่อยให้นานไปส้นเท้าจะเริ่มหนาแล้วก็แตกได้
  5. การยืนหรือเดินเป็นเวลานาน ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายเป็นประจำ ส้นเท้าจะเกิดการกระแทกหลายครั้ง เช่น นักวิ่ง นักเต้นรำ เป็นต้น
  6. เกิดจากกรรมพันธุ์ เช่น เป็นคนผิวแห้ง ผิวหนังกำพร้าชั้นขี้ไคลของฝ่าเท้าจะหนา และสูญเสียน้ำจากผิวมากกว่าปกติ ทำให้ผิวไม่สามารถเก็บกักความชุ่มชิ้นไว้ได้และขาดความชุ่มชื้น
  7. อายุ อายุที่มากขึ้นก็ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้นจนเป็นสาเหตุทำให้ส้นเท้าแตกได้
  8. โรคอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรัง ซึ่งมักจะมีอาการข้ออักเสบที่อื่นร่วมด้วย เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคข้อสันหลังอักเสบยึดติด, โรคเบาหวาน ในกรณีที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ดี เหล่านี้จะส่งผลให้ความยืดหยุ่นของเส้นเอ็นและพังผืดฝ่าเท้าลดลงจนเกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย
  9. แพ้ปูนซีเมนต์หรือแพ้การสวมใส่รองเท้าที่เป็นยาง ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่อาจทำให้เกิดส้นเท้าแตกได้ แต่สาเหตุจะนี้พบได้น้อย
  10. คุณอาจขาดความเอาใจใส่ส้นเท้าของคุณ” บางคนที่ส้นเท้าแตกและรักษาจนหายแล้ว แต่ก็กลับมาเป็นอีกไม่รู้จบ นั่นอาจเป็นเพราะคุณละเลยการดูแลส้นเท้าของคุณนั่นเอง

ปัญหาส้นเท้าแตกถ้าใครเป็นจะรู้เลยว่าน่ารำคาญม๊ากกก เพราะเท้าจะแห้งๆ เป็นรอยแตกดูแล้วไม่น่ามองอย่างแรง แถมยังขูดนั่นข่วนนี่ไปหมด

วันนี้เราก็เลยไปหาวิธีแก้ส้นเท้าแตก ด้วยของจากธรรมชาติมาฝากกันค่ะ แค่ใช้ของหาง่ายๆ ในครัวเรือนนี่แหละ รับรองแก้ได้
1. น้ำผึ้ง เพราะในน้ำผึ้งมีมอยซ์เจอไรเซอร์จากธรรมชาติ แถมยังมีสารแอนตี้แบคทีเรีย วิธีการใช้ก็แค่เทน้ำผึ้งลงในน้ำอุ่น แล้วแช่เท้าเอาไว้อย่างน้อย 20 นาที ทำก่อนนอนทุกคืนจะเห็นผลเร็วขึ้น
2. น้ำมันมะพร้าว เรียกว่าเป็นน้ำมันเทพที่ควรมีติดบ้านจริงๆ เพราะเต็มไปด้วยวิตามินอีเข้มข้น ที่จะช่วยสมานผิวแตกๆ ให้เรียบเนียนขึ้นได้เร็ว แค่แช่เท้าในน้ำอุ่น จากนั้นนวดต่อด้วยน้ำมันมะพร้าว แล้วใส่ถุงเท้าเข้านอน ก็เนียนนุ่มชุ่มชื้น
3. เชียบัตเตอร์กับน้ำมะนาว เป็นบัตเตอร์เนื้อเข้มข้นเหมือนขี้ผึ้ง ดังนั้นจึงช่วยให้เท้านุ่มสมานผิวให้หายแตกได้ วิธีใช้คือแช่เท้าในน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวแล้วขัดที่รอยแตกเบาๆ จากนั้นเช็ดเท้าให้แห้งแล้วโปะเชียบัตเตอร์ลงไป และใส่ถุงเท้าเข้านอน

4. กล้วย กล้วยมีเอนไซม์ที่จะช่วยกระตุ้นให้ผลัดเซลล์ผิวใหม่ ดังนั้นลองบดกล้วย 1 ลูก กับน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ แล้วพอกเท้าเอาไว้ 20 นาที โดยใส่ถุงพลาสติกครอบอีกชั้น จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่นแล้วทาครีมบำรุงให้ชุ่มชื่น
5. เปลือกมะนาวและเกลืดขัดผิว เราต้องขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกให้หมด เพื่อให้ส้นเท้าแตกกลับมาเนียนนุุ่มอีกครั้ง จึงต้องใช้เกลือขัดผิวทาบนเปลือกมะนาว แล้วค่อยๆ ขัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดออก เพราะมะนาวมีกรดธรรมชาติที่จะช่วยผลักเซลล์ผิวได้
6. น้ำมันมะกอก อีกหนึ่งของดีที่ควรมีติดบ้านไว้เลย สำหรับน้ำมันมะกอก ซึ่งนอกจากจะหมักผม หมักผิวให้นุ่มแล้ว เรายังเอาน้ำมันมะกอกมาทาที่ส้นเท้าแตก เพื่อสมานผิวได้อีกด้วย วิธีใช้ก็แค่ทาน้ำมันมะกอกที่เท้าทุกวัน ใส่ถุงเท้าเข้านอน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น
7. เบกกิ้งโซดา ราชาแห่งก้นครัวจริงๆ สำหรับเบกกิ้งโซดา ที่แค่หยิบมาผสมน้ำแล้วขัดเบาๆ ที่เท้า ก็จะช่วยเสกเท้าให้เนียนนุ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ เคล็ดลับคือหลังจากขัดแล้วให้ทิ้งไว้สัก 5-10 นาที ก่อนล้างออก หลังจากล้างออกแล้วให้ทาครีมบำรุงแแล้วใส่ถุงเท้า รับรองหายแน่
 

บทความจาก: ladyissue, frynn.com

อัพเดทล่าสุด