ขนคุด คืออะไร วิธีรักษาขนคุดที่ขา รักแร้ ให้เรียบเนียนง่ายๆ แค่ 5 วิธีนี้...
โรคขนคุด (Keratosis pilaris หรือย่อว่า KP) เป็นโรคที่พบได้บ่อย ประมาณร้อยละ 50-80 ในเด็กและวัยรุ่น และประมาณร้อยละ 40 ในผู้ใหญ่ การเกิดขนคุดจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยอาจเกิดจากพันธุกรรมที่มีความผิดปกติของการสร้างเซลล์ผิวหนัง ส่งผลให้บริเวณรูขุมขน มีการอุดตันของรูขุมขนด้วยสารเคอราติน ที่เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง เรียกว่า Keratin plug ทำให้ขนไม่สามารถงอกทะลุรูขุมขนออกมาได้ จึงเกิดเป็นขนคุดอยู่ใต้ผิวหนังนั่นเอง ทั้งนี้ จะพบในผู้หญิงบ่อยกว่าในผู้ชาย
มาดูขั้นตอนการกำจัดขนคุดให้สิ้นซากกัน
1.ใช้น้ำอุ่นประคบ
หากคิดจะจัดการกับขนคุดด้วยการถอนให้สิ้นซาก ควรใช้น้ำอุ่นมาประคบที่บริเวณผิวหนังก่อน โดยการนำผ้าขนหนูสะอาดไปชุบน้ำอุ่นแล้ววางประคบไว้สัก 5 นาที ความอุ่นจะช่วยคลายความเจ็บระบมได้บ้าง และยังเป็นการ
2.ประคบด้วยนมอุ่นและขนมปัง
วิธีการนี้อาจฟังดูพิลึกแต่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพในการทำให้ขนคุดหลุดออกจากใต้ผิวหนังได้ง่ายขึ้น เนื่องจากสารอาหารที่อยู่ในน้ำนมและขนมปังนั่นเอง วิธีการคือให้นำขนมปังไปจุ่มในนมอุ่นๆ แล้วประคบมันบนผิวหนังได้รับผลกระทบ ทิ้งไว้สักครู่ จากนั้นทำซ้ำอีกครั้งจะช่วยให้รูขุมขนเปิด ทีนี้ทำการถอนด้วยแหนบได้เลย
3.น้ำส้มสายชู
มีคุณสมบัติป้องกันเชื้อแบคทีเรีย และยังมีประสิทธิภาพในการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วแบบธรรมชาติ โดยให้ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำอุ่นในปริมาณที่เท่ากัน ใช้ผ้าสะอาดชุบแล้วนำไปประคบไว้บริเวณผิวหนังที่ได้รับความเสียหายจากการถอนขนคุด
4.แอสไพริน
มีกรดซาลิไซลิซึ่งจะช่วยในการกำจัดผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกมา โดยให้บดยาแอสไพรินในปริมาณเล็กน้อย แล้วนำไปผสมกับน้ำผึ้ง จากนั้นก็ทาที่ผิวบริเวณที่ถอนขนคุด พอกไว้เช่นนั้นจนกว่าจะแห้งจึงล้างออก ทำเช่นนี้สัปดาห์ละครั้งจนกว่าผิวบริเวณนั้นๆจะหายเป็นปกติ
5.ใช้ไข่ไก่
หากทำการถอนแล้วยังพบว่าขนคุดยังออกไม่หมด หรือขึ้นซ้ำบริเวณเดิม ให้ใช้ไข่ขาวทาผิวบริเวณนั้นแล้วรอจนแห้งสนิท จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาดโดยพยายามใช้นิ้วมือถูเบาๆ หรือแหนบขนออกมาอย่างนุ่มนวล พยายามอย่าดึงด้วยความรุนแรง เพราะอาจทำให้ผิวหนังอักเสบได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากทำการกำจัดขนคุดแล้ว ผิวหนังอาจได้รับความเสียหาย จึงควรบำรุงผิวด้วยสูตรธรรมชาติ คือผสมน้ำมันมะกอกกับน้ำตาลหรือเกลือเข้าด้วยกัน แล้วนำไปทาเพื่อขัดผิวอย่างเบามือ เพื่อเป็นการสครับผิวแบบธรรมชาติ โดยทำเป็นประจำทุกวันจนกว่าผิวจะหายเป็นปกติ
ข้อมูลจาก thaijobsgov