คันเร่งค้าง ต้องทำอย่างไร มาดูขั้นตอนที่ถูกวิธีและปลอดภัย


2,814 ผู้ชม


คันเร่งค้าง ต้องทำอย่างไร มาดูขั้นตอนที่ถูกวิธีและปลอดภัย

จากกรณีอุบัติเหตุรถยนต์ตกจากลานจอดรถห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ย่านบางกะปิ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 จนทำให้ผู้ขับขี่เสียชีวิต

ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไปถึงสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ว่า เกิดจากอะไรกันแน่ และหนึ่งในการดาดการณ์ถึงสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้คือเกิดจากความบกพร่องของรถคือ อาจเกิดจากคันเร่งค้าง ทำให้ผู้ขับขี่ไม่สามารถลดความเร็วและควบคุมรถได้ จึงพุ่งชนกับรถคันอื่นบนลานจอดรถก่อนพุ่งชนกำแพงปูนทะลุและตกลงมาบนถนนด้านล่าง อย่างไรก็ตามไม่ว่าสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์นี้จะเป็นอย่างไรก็คงต้องปล่อยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องค้นหาสาเหตุกันต่อไป แต่ในฐานะที่ เซฟ ไดรฟเวอร์ เอดูเคชั่น (Safe Driver Education) เป็นสถาบันฝึกอบรมเรื่องการขับขี่ปลอดภัยซึ่งมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการให้ความรู้เรื่องการใช้รถอย่างปลอดภัย จึงขอแบ่งปันความรู้และเทคนิคในการควบคุมรถในกรณีที่เกิดคันเร่งค้างดังนี้

เมื่อผู้ขับขี่ต้องเผชิญกับปัญหาคันเร่งค้างในขณะขับรถและไม่สามารถชะลอลดความเร็วของรถได้ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติดังนี้

1. ตั้งสติให้มั่น อย่าตกใจจนเกินเหตุเพราะถึงแม้ว่าจะลดความเร็วไม่ได้แต่คุณยังควบคุมพวงมาลัยและทิศทางรถได้รวมถึงเบรก

2. ให้เข้าเกียร์ว่างโดยทันทีเพื่อตัดกำลังการขับเคลื่อนของรถระหว่างเกียร์และเครื่องยนต์ หากเป็นรถเกียร์ธรรมดาต้องเหยียบคลัตช์เปลี่ยนไปเกียร์ว่าง

3. เหยียบเบรกค้างไว้เพื่อชะลอความเร็ว เฉพาะรถที่มีระบบเบรก ABS หากรถที่มีระบบเบรกธรรมดาให้เหยียบแล้วปล่อยเพื่อหลีกเลี่ยงการล็อคของล้อ 

4. ควบคุมรถออกจากการจราจรแล้วดับเครื่อง แต่ห้ามถอดกุญแจหรือบิดไปที่ตำแหน่ง lock เพราะพวงมาลัยจะล็อค


5. ห้ามดับเครื่องก่อนยกเว้นไม่สามารถเข้าเกียร์ว่างได้ 

6. หากต้องดับเครื่อง ห้ามถอดกุญแจหรือบิดไปที่ตำแหน่ง lock เพราะพวงมาลัยจะล็อค ระบบช่วยเหลือต่างๆ จะไม่ทำงานซึ่งจะทำให้การควบคุมรถทำได้อยากขึ้น  

7. หากเป็นรถที่ใช้ปุ่ม Start on/off ให้กดปุ่มแช่ไว้ 3 วินาที ห้ามกดแล้วปล่อย

8. นำรถจอดในที่ปลอดภัยข้างทางและโทรขอความช่วยเหลือ


สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อมีเหตุฉุกเฉินคือสติ ต้องรวบรวมสติให้ได้เพราะหากตกใจจนเกินเหตุจะทำให้เรานึกอะไรไม่ออกและตัดสินใจผิดพลาดได้ ฉะนั้นในการใช้รถใช้ถนนต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ไม่ประมาท คอยระมัดระวังและเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์ต่างๆ อยู่เสมอ ใส่ใจในการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดจากการทำงานของรถและระบบต่างๆ

https://www.safedrivereducation.com/th/articles.php?n_id=47

อัพเดทล่าสุด