วิธีแก้อาการนอนไม่หลับ (Insomnia) แสนง่าย ทำไม่ยาก ได้ผลจริง
อาการนอนไม่หลับ (Insomnia) หรือ ภาวะนอนหลับยาก หลับๆ ตื่นๆ หรือสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วนอนหลับต่อไม่ได้ ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ มีสาเหตุมาจากหลายๆอย่าง เช่น อาหาร รูปแบบการใช้ชีวิต ความเจ็บป่วย การใช้ยา ความเครียด ความกังวล การดื่มกาแฟก่อนนอน รวมทั้งเตียงนอนที่ไม่เหมาะสม คนส่วนใหญ่มักเป็นอยู่แค่ 2-3 วัน และจะหายไปเอง
แต่ในบางรายที่นอนไม่หลับเป็นเวลานานติดต่อกันเป็นสัปดาห์ขึ้นไป หากปล่อยเอาไว้นานๆ จะกลายเป็นอาการเรื้อรัง กระทั่งส่งผลเสียร้ายแรงต่ออารมณ์ ความจำ การตื่นตัว ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียตลอดเวลา และไม่มีเรี่ยวแรง ในรายที่ร้ายแรงอาจส่งผลกระทบต่อการงาน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง บางครั้งกลายเป็นโรคซึมเศร้าด้วย
กุญแจสู่การหลับอย่างเป็นสุข
• นอนและตื่นเป็นเวลา พยายามตื่นเวลาเดิมทุกเช้า ไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหนก็ตาม
• ออกกำลังกาย มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันพบว่า ผู้ที่วิ่งหรือเดินก่อนนอนเป็นประจำวันละ 40 นาที จะหลับลึกนานกว่าคนทั่วไป
• แช่น้ำอุ่น ก่อนเข้านอนประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายแล้วปล่อยให้เย็นลง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้ร่างกายรู้สึกว่าถึงเวลานอนแล้ว
• หากิจกรรมทำก่อนนอน การทำกิจกรรมเพื่อความผ่อนคลายก่อนเข้านอนทุกคืนจะช่วยให้นอนหลับสนิท เช่น ฟังเพลงเบาๆ สบายๆ เขียนบันทึกประจำวัน เป็นต้น
• ผสมสมุนไพรต่างๆ ที่มีฤทธิ์ช่วยให้ผ่อนคลายและทำให้ง่วง เช่น ลาเวนเดอร์ ดอกมะนาว คาโมไมล์ เลมอน และบาล์ม ใส่ไว้ในปลอกหมอน หรือทำถุงผ้าเล็กๆ ใส่สมุนไพรเหล่านี้ แล้ววางไว้ข้างศีรษะเพื่อสูดดมกลิ่นหอมขณะนอน กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ระเหยออกมาจากหมอน จะช่วยให้คุณคลายเครียดและหลับสบายค่ะ
5 กลุ่มอาหารกับการนอนหลับ
1. กินอาหารประเภทข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท มัน เผือก กล้วย และอินทผลัม เพราะสารอาหารเหล่านี้จะช่วยให้สมองสามารถนำทริปโตเฟนไปใช้ประโยชน์ในการสร้างสารที่ช่วยให้นอนหลับได้
2. กินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง จำพวกถั่วชนิดต่างๆ ผักใบเขียวเข้ม และผลไม้แห้ง จะช่วยให้หลับง่ายขึ้น
3. ไม่ควรเข้านอนเมื่อยังหิวหรืออิ่มเกินไป นอกจากนี้การกินอาหารมันๆ หรือเผ็ดร้อนมากเกินไปก็อาจส่งผลต่อการนอนหลับเช่นเดียวกัน
4. ชงน้ำผึ้งเล็กน้อยผสมในน้ำอุ่น หรือชาสมุนไพร เพราะสมัยโบราณใช้น้ำผึ้งเป็นยาระงับประสาทอ่อนๆ
5. งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนก่อนนอน เช่น ชา กาแฟ และน้ำอัดลม รวมถึงขนมหวานทุกชนิด เพราะน้ำตาลจะกระตุ้นให้รู้สึกตื่นตัว
วิตามินเสริมการหลับ
• แคลเซียม 600 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยให้ผ่อนคลาย และนอนหลับได้ง่าย
• แมกนีเซียม 250-500 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยให้นอนหลับสบาย
• วิตามินบี 6 50-100 มิลลิกรัมต่อวัน จะส่งกรดอะมิโนแอซิดทริปโตเฟนไปที่ประสาทแข็งแรงขึ้น และมีอารมณ์มั่นคงขึ้น จึงทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย
• วิตามินบี 12 กินปริมาณ 25 ไมโครกรัมต่อวัน ควบคู่กับวิตามินบี 5 ปริมาณ 100 มิลลิกรัม จะช่วยในการรักษาการนอนไม่หลับได้เป็นอย่างดี
6 สูตรสมุนไพรช่วยให้หลับ
• ต้ม ดอกไม้จีนแห้ง 15 กรัมในน้ำ 1 ถ้วย เติมน้ำตาลกรวด ดื่มเป็นชาก่อนนอน
• ใบขี้เหล็ก นำใบขี้เหล็กประมาณ 30-50 กรัม ต้มเอาน้ำ ดื่มก่อนนอน เพราะมีสารแอนไฮโดรบาราคอลช่วยให้นอนหลับ
• นำ ผลมะตูมอ่อน เหง้าขมิ้นอ้อย เถาบอระเพ็ด และพริกไทยในปริมาณเท่าๆ กัน ต้มเอาน้ำ ดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็น ครั้งละ 1 ถ้วยชา
• นำ ราก ลำต้น และใบ ของ ตะไคร้ ต้นข่าตาแดง และเหง้าขิงสด อย่างละ 5 ต้น ล้างให้สะอาด สับเป็นท่อน ต้มให้เดือด 15 นาที ดื่มครั้งละ 1 ถ้วยชา วันละ 3 เวลา
• ดื่มน้ำสมุนไพร คาโมไมล์ ดอกเสาวรส หรือชาวาลิเรียน ก่อนนอน จะช่วยให้หลับสบาย
• ดื่มชาที่ทำจาก เมล็ดเซเลอรี 1 ถ้วยก่อนนอน โดยใช้เมล็ดที่บดแล้ว 2 ช้อนชาแช่ในน้ำเดือด 1 ถ้วย
ท่าโยคะก่อนนอน
1. ยืนตรง ยกแขนเหยียดตรงไปด้านหน้า สูงเท่ากับระดับไหล่ และฝ่ามือประกบกัน
2. หายใจเข้าพร้อมๆ กับกางแขนออกไปด้านข้าง แล้วผ่อนลมหายใจออก ดึงแขนกลับมาท่าเดิม ทำซ้ำ 10 ครั้ง โดยหายใจเข้าออกตามจังหวะของแขน
Tip : อาการนอนไม่หลับที่ควรพบแพทย์
1. นอนไม่หลับมานาน 1-2 สัปดาห์ หรือมากกว่า โดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน
2. รู้สึกง่วง อ่อนเพลีย จนไม่สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในตอนกลางวัน และม่อยหลับบ่อยครั้งในระหว่างวัน
3. สงสัยว่าเป็นโรคบางอย่างแฝงอยู่ เช่น ซึมเศร้า หรือวิตกกังวล
ที่มา: นิตยสารชีวจิต ฉบับที่167