ไขข้อสงสัย!! เลือดล้างหน้าเด็ก กับ ประจำเดือนแตกต่างกันอย่างไร
ประจำเดือน เกิดจากการหลุดลอกของเยื่อบุผนังมดลูก หลังจากที่ไข่ตกแล้วไม่ได้รับการผสมกับอสุจิ ไม่มีการปฏิสนธิ จึงสลายออกมาเป็นเลือดประจำเดือน โดยประจำเดือนทั่วไปจะมีระยะรอบเดือนประมาณ 28-30 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ทำให้ประจำเดือน เกิดขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง ครั้งละ 3-5 วันโดยประมาณ แต่ไม่ควรเกิน 7 วัน แต่ในบางคนที่มีระยะรอบเดือนสั้น (มีประจำเดือนมาทุกๆ 14-15 วัน) ทำให้ในหนึ่งเดือนมีประจำเดือนมาถึง 2 ครั้งได้ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด
เมื่อมีประจำเดือน มักมีอาการบ่งบอกอย่างชัดเจน เช่น ก่อนที่จะมีประจำเดือน 1-2 วัน จะมีอารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิด โมโหง่าย อารมณ์ร้าย เต้านมแข็งเจ็บ ปวดศีรษะ อยากรับประทานแต่ของหวาน ทานเก่ง และเมื่อประจำเดือนมา ก็อาจมีอาการปวดท้อง ปวดหลัง ท้องป่องเหมือนมีพุง และบางคนก็เบื่ออาหาร
เลือดล้างหน้าเด็ก คือ เลือดที่เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนระยะ blastocyst เข้ากับเยื่อบุมดลูกในระยะเวลาเริ่มประมาณวันที่ 5-6 หลังจากที่ไข่ถูกผสมแล้วที่ปีกมดลูก แล้วเดินทางมาใช้เวลาฝังตัวจนติดสมบูรณ์ประมาณ 1 อาทิตย์ ซึ่งบางครั้งการฝังตัวนี้อาจทำให้มีหลอดเลือดเล็กๆในโพรงมดลูกแตก ทำให้เห็นเป็นเลือดจางๆออกมาทางช่องคลอด คนโบราณจึงมักเรียกอาการดังกล่าวว่าเป็นเลือดล้างหน้าเด็ก
เลือดล้างหน้าเด็กจะมาก่อนหรือใกล้เคียงกับที่ประจำเดือนรอบถัดไป และจะเกิดขึ้นในหญิงตั้งครรภ์บางคนเท่านั้น ทั้งนี้เลือดที่ออกมาไม่มีผลกระทบต่อทารกแต่อย่างไร และไม่มีผลทำให้ทารกพิการหรือเสียชีวิต
เลือดล้างหน้าเด็กจะมีปริมาณเพียงเล็กน้อย (ไม่เหมือนการแท้งบุตร) แค่เปื้อนที่กางเกงในหรือมากกว่านิดหน่อย อาจเป็นอยู่ประมาณ 1-2 วัน มามักไม่ค่อยรู้ตัว และไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย แล้วก็จะหายไปเฉยๆ
หากสงสัยหรือไม่แน่ใจว่าเลือดที่ออกมานั้น คือ ประจำเดือนหรือเลือดล้างหน้าเด็ก แนะนำให้ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจค่ะ เพราะหากเป็นเลือดล้างหน้าเด็ก ผลตรวจจะเป็นบวกค่ะ และถ้าพบว่ามีเลือดออกมากผิดปกติในตอนตั้งครรภ์ ก็ควรรีบพบแพทย์นะ
ที่มา: https://www.maerakluke.com