5 ข้อระวังของหญิงตั้งครรภ์ ที่ต้องทำฟัน
วันก่อนมีหญิงตั้งครรภ์มาหาหมอเพราะ ปวดฟันมากๆๆๆคือตั้งแต่ท้องมาก็ไม่เคยมาหาหมอฟันเลยบอกเลยเคสนี้งานเข้าครับ เพราะฟันผุหลายซี่และลึกมาก
หมอแอบโมโหนิดๆทั้งๆที่ท้องแต่คนไข้ไม่ดูแลฟันเลยและเคืองหมอสูติหน่อยๆ รับฝากครรภ์โดยไม่ยอดบอกให้คนไข้ไปตรวจฟันหมอเลยเขียนข้อควรรู้ของคนที่ตั้งท้องมาให้อ่านกันนะครับ
หมอแอบโมโหนิดๆทั้งๆที่ท้องแต่คนไข้ไม่ดูแลฟันเลยและเคืองหมอสูติหน่อยๆ รับฝากครรภ์โดยไม่ยอดบอกให้คนไข้ไปตรวจฟันหมอเลยเขียนข้อควรรู้ของคนที่ตั้งท้องมาให้อ่านกันนะครับ
ข้อ1 บอกหมอฟันก่อนทำฟันด้วยว่าท้องนะครับ บางคนหมอก็แยกไม่ออกว่าท้องหรืออ้วนน (แรว๊งงงง) จะถามก็ลังเลเหมือนกันนะ
ข้อ2 เชื้อโรคในปากมีผลต่อเด็ก การติดเชื้อโรคในปากจากฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือฟันคุดเชื้อโรคเหล่านี้ก็มีโอกาสเข้าสู่กระแสเลือดไปยังอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย รวมถึงทารกในครรภ์ด้วยนะครับ
ข้อ3 คนท้องฟันผุและเป็นโรคเหงือกง่าย เนื่องจากการกินจุบกินจิบ อาเจียนจากการแพ้ท้องและฮอโมนที่เปลี่ยนแปลง ยิ่งต้องไปหาหมอทุก3เดือนเพื่อตรวจฟัน
ข้อ4 ไปหาหมอฟันเพื่อตรวจฟันแต่เนิ่นๆเมื่อรู้ว่าท้องนะครับ
ข้อ5 ดูแลฟันช่วงตั้งครรภ์ ไม่ยาก ไม่ต่างจากปกติเลย เพียงแต่ต้องใส่ใจเรื่องความสะอาดมากเป็นพิเศษ เช่น แปรงฟันอย่างถูกวิธี ร่วมกับการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารต้านแบคทีเรีย ให้การทำความสะอาดทั่วถึงยิ่งขึ้น เพื่อลดปริมาณเชื้อที่ก่อให้เกิดฟันผุ และใช้ไหมขัดฟันเข้าช่วย เพื่อสุขภาพปากและฟันที่แข็งแรงอยู่เสมอ
ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับการตรวจฟัน และให้การรักษาหากมีโรคในช่องปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการทำฟันมากที่สุดคือ อายุครรภ์ 4-6 เดือน (น้อยกว่านี้อาจจะยังมีอาหารแพ้ท้อง มากกว่านี้ท้องก็โตเกินไป) แต่หากมีอาการต้องทำ ก็สามารถทำฟันได้ในทุกช่วงอายุครรภ์
แต่ไม่ใช่อีก 2-3 วันจะคลอดแล้วจึงจะมาทำนะหมอฟันกลัวต้องเป็นหมอสูติทำคลอดจ่ะจบปิ๊งง...แยกย้าย
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก: Hollywood Smile Dental Clinic ทันตกรรมเพื่อความงาม-เชียงใหม่