เรื่องน่าอาย! สาเหตุอาการคันที่ ทวารหนัก นั้นมาจาก?


17,583 ผู้ชม

ถ้าต้องพูดถึงอาการคัน คงไม่มีการคันที่ไหนที่น่าอายเท่าการคัน \"รูทวาร\" ที่ประตูหลังของทุกคนนั่นเอง ซึ่งถ้าหากว่ารู้สึกคันมากๆ ต่อหน้าสาธารณะชนแล้วล่ะก็น่าอายแย่ มันคันจนทนไม่ไหวจะทำไงได้ เคยมีใครสงสัยอาการคันที่ประตูหลังบ้าง?


ถ้าต้องพูดถึงอาการคัน คงไม่มีการคันที่ไหนที่น่าอายเท่าการคัน "รูทวาร" ที่ประตูหลังของทุกคนนั่นเอง ซึ่งถ้าหากว่ารู้สึกคันมากๆ ต่อหน้าสาธารณะชนแล้วล่ะก็น่าอายแย่ มันคันจนทนไม่ไหวจะทำไงได้ เคยมีใครสงสัยอาการคันที่ประตูหลังบ้าง?

ส่วนมากนั้นจะเกิดจากการนั่งทำงานนานๆ กางเกงฟิตเกินหรือไม่ได้ใส่นาน แถมยังมีคนเดาไปไกลว่าคงล้างไม่สะอาดมั้ง ซึ่งล้วนแต่เกิดจากปัจจัยภายนอก สาเหตุที่ทำให้คุณคันบริเวณนั้นค่อนข้าวซับซ้อนและมีหลายกรณี โดยภาพรวมแล้วสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทนั่นก็คือ สาเหตุจากปัจจัยร่างกายโดยรวมและสาเหตุเฉพาะจุด

ปัจจัยเฉพาะจุด

1.โรคผิวหนังบริเวณผิวหนังใกล้ๆช่องขับถ่าย มีผื่นชื้นแดงขึ้น,  ผิวหนังอักเสบ,  หูด,  โรคสะเก็ดเงินและรูขุมขนอักเสบอาจทำให้เกิดอาการคันที่ทวารหนักได้

2.โรคพยาธิ เช่น พยาธิตัวกลม, พยาธิเข็มหมุดหรือเหาก็สามารถก่อให้เกิดอาการคันได้เช่นกัน

ปัจจัยจากสภาพร่างกายโดยรวม

1.ปัจจัยจากโรคที่ป่วย เช่นโรคเบาหวาน, โรคดีซ่านท้องเสียท้องผูก, โรคไขข้อ, โรคมะเร็ง, โรคตับหรือวัยหมดประจำเดือน อาจนำไปสู่อาการคันได้

2.ปัจจัยทางสุขภาพจิตเพราะความกลัว, ซึมเศร้า, การตื่นเต้นเกินขนาดหรือโรคประสาทอ่อนๆก็ให้เกิดอาการคันทวารหนักได้เช่นกัน

3.เกิดอาการแพ้บางคนกินปลากุ้ง, ไข่, เนื้อปูซึ่งอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาจากการแพ้ บางคนเป็นเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, พริกไทย, มัสตาร์ด, เครื่องเทศและอาหารรสเผ็ดอื่น ๆ อาหารเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดอาการคันทวารหนัก

วิธีการบรรเทาอาการคันที่ทวารหนัก

1.หลีกเลี่ยงการรักษาที่ไม่เหมาะสมโดยการซื้อยาใช้เองได้ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดของอาการ เช่น ใช้น้ำร้อนล้างหรือใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ เพราะการรักษาแบบนี้ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุของการคันแต่เพียงแค่ยับยั้งอาการชั่วขณะเท่านั้นและการรักษาแบบผิดวิธีอย่างต่อเนื่องอาจจะทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้เช่นกัน

2.รักษาความสุขอนามัย ควรงดอาหารที่เสี่ยงกระตุ้นอาการ เช่น อาหารเผ็ด ชาเข้มๆหรือกาแฟ เหล้า เป็นต้น ควรสวมใส่กางเกงที่หลวมหน่อยและชุดชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย

3.เด็กและคนชราควรจะให้ความสำคัญในการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นเป็นพิเศษ นอกจากจะล้างผิวหนังรอบๆแล้วควรจะทิ้งชุดชั้นในที่เก่าเกินไป

4.ลดกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายเยอะเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการอับชื้นในจุดซ่อนเร้นที่จะเป็นแหล่งเจริญเติบโตของเชื้อโรค

หากคุณลองทำตามคำแนะนำข้างต้นนี้แล้วยังไม่ดีขึ้นก็ควรจะรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง ไม่ต้องอายหมอ หากพบสาเหตุที่แท้จริงแล้วคุณจะได้ไม่ต้องมีอาการที่น่าอายแบบนี้อีกต่อไป

ที่มา: www.liekr.com/post_136244.html

อัพเดทล่าสุด