โรคสะเก็ดเงิน หรือ โรคเรื้อนกวาง เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ที่มีผื่นนูนแดงและมีสะเก็ดหนาสีขาวเงินอยู่บนผื่น บริเวณที่พบบ่อยคือ ข้อศอก เข่า หลัง
เทคนิครักษาโรคสะเก็ดเงิน (เรื้อนกวาง) ยอดตำรายาสมุนไพรไทย
โรคสะเก็ดเงิน หรือ โรคเรื้อนกวาง เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ที่มีผื่นนูนแดงและมีสะเก็ดหนาสีขาวเงินอยู่บนผื่น บริเวณที่พบบ่อยคือ ข้อศอก เข่า หลัง แต่ก็พบได้ทุกที่ของร่างกาย รวมทั้งแขนขา ใบหน้า หนังศีรษะ และเล็บ นอกจากนั้นประมาณ 10 เปอร์เซนต์ของผู้ป่วยยังอาจมีอาการข้ออักเสบร่วมด้วย
ความรุนแรงของโรค มีตั้งแต่น้อยจนเป็นมากทั้งตัว ในผู้ป่วยที่มีผื่นกระจายทั้งตัวมีโอกาสเกิดข้ออักเสบมากกว่าในรายที่มีผื่นเพียงเล็กน้อย
โรคสะเก็ดเงินเกิดจาก ผื่นในโรคสะเก็ดเงินเป็นผลจาก เซลล์ผิวหนังมีการแบ่งตัวเร็วกว่าภาวะปกติ โดยทั่วไปเซลล์ผิวหนังจะมีการแบ่งตัวและเคลื่อนตัวจากชั้นล่างสุด ขึ้นสู่ชั้นบนสุด และค่อยๆหลุดลอกไปเองในเวลาประมาณ 30 วัน แต่ในผู้ป่วยโรคนี้ เซลล์ผิวหนังใช้เวลาแค่ 2 ถึง 4 วัน ในการเคลื่อนตัวไปสู่ชั้นบนสุด ทำให้เซลล์ชั้นบนสุดอยู่กันหนาแน่นและลอกหลุดไม่ทัน จึงเห็นเป็นสะเก็ดหนาเกิดขึ้น นอกจากนั้น ผิวหนังบริเวณที่เป็นผื่นยังมีการอักเสบและมีหลอดเลือดฝอยเพิ่มขึ้น ทำให้ผื่นใต้ต่อสะเก็ดมีลักษณะแดงด้วย
สมุนไพรที่ต้องเตรียม
1ใบไม้ไผ่สีสุข (ไม่ใช่ไผ่ป่าดูให้ดี ซึ่งส่วนใหญ่จะผิดตรงนี้) 1กำมือ
2ใบต้นแจง (เป็นต้นไม้ใบขม ออกผลเมื่อสุกจะมีสีเหลือง ให้ใช้ใบไม่อ่อนไม่แก่)1กำมือ
3.ต้นมะแว้งเครือทั้ง5(ต้นมีลักษณะเป็นเถาว์ มีดอกสีม่วง มีผลลายลูกเล็กๆใช้จิ้มน้ำพริกกิน)1กำมือ
4ว่านหางจระเข้ ปลอกเปลือกไว้ทาภายนอกทาตรงส่วนที่คัน หากคันทาได้ตลอดเวลา
วิธีประกอบตัวยา
ตัวยาที่จะประกอบก็คือส่วนที่3ยากซักหน่อย คือต้นมะแว้ง คือเราต้องเอามีดสับลำต้น และรากมันก่อนเพราะรากมันมีหนาม พอสับเสร็จก็กะให้ได้1กำมือแล้วล้างให้สะอาด หลังจากล้างทุกอย่างให้สะอาดดีแล้ว ก็เอาทั้งหมดลงหม้อต้มยา ก่อนเอาลงหม้อ ให้ท่องคาถาอะไรก็ได้ที่ศักดิ์สิทธิ์ และระลึกถึงครูอาจารย์เจ้าของสูตรยาตัวนี้ จากนั้นใส่น้ำต้มไฟอ่อนๆจนเดือด รับประทานครั้งละ1แก้วก่อนอาหารเช้าเย็น1หม้อจะทานได้5วัน หลังจากนั้นก็หาตัวยามาต้มใหม่ โดยทั่วๆไปคน1คนจะต้องทาน5-7หม้อจึงจะหาย ถ้าไม่หายก็ต้องทานต่อไป ข้อห้ามคือ อาหารทะเลทุกชนิด เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ ยอดผักที่มียางสีขาง ห้ามอดนอน(พักผ่อนเย๊อะๆ) ห้ามทานน้ำอัดลมและของเย็นๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจากfacebook ชมพูนุท ภาโนมัย