น้ำตาล เป็นชื่อเรียกทั่วไปของคาร์โบไฮเดรตชนิดละลายน้ำ โซ่สั้น และมีรสหวาน ส่วนใหญ่ใช้ประกอบอาหาร น้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน...
น้ำ โซ่สั้น และมีรสหวาน ส่วนใหญ่ใช้ประกอบอาหาร น้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน มีน้ำตาลหลายชนิดเกิดมาจากที่มาหลายแหล่ง น้ำตาลอย่างง่ายเรียกว่าโมโนแซ็กคาไรด์และหมายรวมถึงกลูโคส (หรือ เด็กซ์โตรส) ฟรุกโตส และกาแลกโตส น้ำตาลโต๊ะหรือน้ำตาลเม็ดที่ใช้เป็นอาหารคือซูโครส เป็นไดแซ็กคาไรด์ชนิดหนึ่ง (ในร่างกาย ซูโครสจะรวมตัวกับน้ำแล้วกลายเป็นฟรุกโตสและกลูโคส) ไดแซ็กคาไรด์ชนิดอื่นยังรวมถึงมอลโตส และแลกโตสด้วย โซ่ของน้ำตาลที่ยาวกว่าเรียกว่า โอลิโกแซ็กคาไรด์ สสารอื่น ๆ ที่แตกต่างกันเชิงเคมีอาจมีรสหวาน แต่ไม่ได้จัดว่าเป็นน้ำตาล บางชนิดถูกใช้เป็นสารทดแทนน้ำตาลที่มีแคลอรีต่ำ เรียกว่าเป็น วัตถุให้ความหวานทดแทนน้ำตาล (artificial sweeteners)
1.น้ำตาล...ทำให้ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System Deficiency) ในร่างกายไม่ทำงาน
2.น้ำตาล...ทำให้สูญเสียความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ จึงทำให้กล้ามเนื้อแข็งตึง
3.น้ำตาล...ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะและปวดไมเกรน (Migraines)
4.น้ำตาล...ทำให้เป็นโรคไขข้ออักเสบ (Arthritis)
5.น้ำตาล...ทำให้ผนังเส้นเลือดฝอยในร่างกายบอบบางและแตกได้ง่าย เป็นอัมพาตได้
6.น้ำตาล...ทำให้กระดูกผุ (Osteoporosis)
7.น้ำตาล...ทำให้ฟันผุ (Tooth Decay)
8.น้ำตาล...ทำให้เป็นโรคหัวใจ (Cardiovascular Disease)
9.น้ำตาล...ทำให้เป็นโรคเบาหวาน (Diabetes)
10.น้ำตาล...ทำให้เป็นโรคหืดหอบ (Asthma)
11.น้ำตาล...ทำให้แก่เร็วเกินวัย เพราะทำให้ผิวย่นและผมหงอกเร็วขึ้น
12.น้ำตาล...ทำให้สายตาแย่ลง
13.น้ำตาล...ทำให้สายตาสั้น (Myopia)
14.น้ำตาล...ทำให้เป็นต้อตากระจก (Cataract)
15.น้ำตาล...ทำให้อ้วนและน้ำหนักมากเกินไป
16.น้ำตาล...ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง
17.น้ำตาล...ทำให้ลดความสามารถในการทำงานของน้ำย่อย
18.น้ำตาล...ทำให้เด็กมีผิวหนังอักเสบ คัน ผื่นแดง เป็นตุ่ม คัน (Eczema)
19.น้ำตาล...ทำให้เกิดกรดในกระเพาะมากผิดปกติ (An Acidic Stomach)
20.น้ำตาล...ทำให้ท้องผูก
21.น้ำตาล...ทำให้เกิดการหมักของแบคทีเรีย (Bacterial Fermentation) ในลำไส้ใหญ่ เป็นเหตุทำให้มีแก๊ซในลำไส้ใหญ่มากผิดปกติ จึงผายลมบ่อย
22.น้ำตาล...ทำให้สมองไม่ปลอดโปร่ง
23.น้ำตาล...ทำให้เกิดความเศร้าหดหู่ใจ (Depression)
24.น้ำตาล...ทำให้ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่อักเสบ
25.น้ำตาล...ทำให้เป็นโรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids)
26.น้ำตาล...ทำให้เกิดเส้นเลือดขอด (Varicose Veins)
27.น้ำตาล...ทำให้ลดระดับฮอร์โมนที่ช่วยการเติบโต (Growth Hormones) ทำให้ตัวเตี้ย
28.น้ำตาล...ทำให้เด็กไฮเปอร์ กังวลง่าย ไม่มีสมาธิ และกระจองอแง
29.น้ำตาล...ทำให้เด็กมึนงงและเชื่องช้า
30.น้ำตาล...ทำให้เด็กนักเรียนมีผลการเรียนตกต่ำ
31.น้ำตาล...ทำให้ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)
32.น้ำตาล...ทำให้เกิดการแพ้สารอาหาร (Food Allergies)
33.น้ำตาล...ทำให้เลือดเป็นพิษในระหว่างตั้งท้อง (Toxemia)
34.น้ำตาล...ทำให้เป็นโรคถุงลมในปอดพอง (Emphysema)
35.น้ำตาล...ทำให้เส้นเลือดตีบตัน (Atherosclerosis)
36.น้ำตาล...ทำให้ระบบป้องกันการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียไม่ทำงาน
37.น้ำตาล...ทำให้ไตถูกทำลายได้
38.น้ำตาล...ทำให้ลดการผลิตคลอเรสเตอรอลที่ดีในร่างกาย
39.น้ำตาล...ทำให้เพิ่มการผลิตคลอเรสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกาย
40.น้ำตาล...ทำให้มีคลอเรสเตอรอลสูง(HighTotal Cholesterol)ในร่างกาย
41.น้ำตาล...ทำให้ร่างกายขาดธาตุโครเมียมทำให้ระดับน้ำตาลในร่างกายไม่ปกติ
42.น้ำตาล...ทำให้ร่างกายขาดธาตุทองแดงเป็นเหตุทำให้กระดูกผุ
43.น้ำตาล...ทำให้รบกวนการดูดซึมของธาตุแคลเซียมและแม็คเนเซียม
44.น้ำตาล...ทำให้ระบบควบคุมความสมดุลของแร่ธาตุในร่างกายทำงานไม่ปกติ
45.น้ำตาล...ทำให้เกิดโรคมะเร็งที่เต้านม รังไข่ ลูกอัณฑะ และทวารหนัก
46.น้ำตาล...ทำให้เกิดโรคมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่โดยเฉพาะในผู้หญิง
47.น้ำตาล...ทำให้มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งที่ถุงน้ำดี
48.น้ำตาล...ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูง
49.น้ำตาล...ทำให้เส้นเลือดตีบอุดตัน
50.น้ำตาล...ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำผิดปกติ (Hypoglycemia)
51.น้ำตาล...ทำให้ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตผลิตมากเกิน (Adrenaline) ทำให้ไฮเปอร์
52.น้ำตาล...ทำให้เกิดเส้นเลือดตีบในหัวใจ (Coronary Heart Disease)
53.น้ำตาล...ทำให้เกิดความดันโลหิตตัวบนสูง (Increased Systolic Blood Pressure)
54.น้ำตาล...ทำให้นำไปสู่การติดเหล้า (Alcoholism)
55.น้ำตาล...ทำให้เกิดการอักเสบในลำไส้มากขึ้นในคนที่เป็นโรคลำไส้และโรคกระเพาะ
56.น้ำตาล...ทำให้เกิดการติดเชื้อจากเชื้อรา"แคนดิด้า" (Candida)
57.น้ำตาล...ทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones)
58.น้ำตาล...ทำให้เกิดนิ่วในไต (Kidney Stones)
59.น้ำตาล...ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย (Ischemic Heart Disease)
60.น้ำตาล...ทำให้เป็นโรคกล้ามเนื้อไม่ทำงาน (Multiple Sclerosis)
61.น้ำตาล...ทำให้ระดับน้ำตาลและอินซูลินสูงขึ้นโดยเฉพาะในคนที่กินยาคุมกำเนิด
62.น้ำตาล...ทำให้เป็นโรคเหงือกหุ้มฟัน (Periodontal Disease)
63.น้ำตาล...ทำให้ลดประสิทธิภาพในการควบคุมระดับน้ำตาล (Glucose Tolerance)
64.น้ำตาล...ทำให้ลดประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลิน (Insulin Toterance)
65.น้ำตาล...ทำให้เพิ่มการผลิตคลอเรสเตอรอลที่ไม่ดี (Triglycerides)
66.น้ำตาล...ทำให้เปลี่ยนโครงสร้างของโปรตีน จึงทำให้การดูดซึมโปรตีนไม่ปกติ
67.น้ำตาล...ทำให้น้ำลายเปลี่ยนเป็นกรด (Saliva Acidity) จึงเกิดการอักเสบในร่างกาย
68.น้ำตาล...ทำให้โครงสร้างของยีนส์ผิดปกติ ( Abnormal Structure of DNA)
69.น้ำตาล...ทำให้เกิดอนุสารอิสระในระบบเลือด (Free Radical Formation)
70.น้ำตาล...ทำให้ตับโต (Liver Hypertrophy)
71.น้ำตาล...ทำให้เพิ่มไขมันในตับ
72.น้ำตาล...ทำให้ไตโต (Kidney Hypertrophy)
73.น้ำตาล...ทำให้ตับอ่อนทำงานหนักและอาจถูกทำลายได้
74.น้ำตาล...ทำให้เกิดการกักขังน้ำในเซลล์ (Body's Fluid Retention) ทำให้ตัวบวม
75.น้ำตาล...ทำให้สารอินซูลินสูงผิดปกติ (Increased Insulin Responses)
76.น้ำตาล...ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล (Hormonal Imbalance)
77.น้ำตาล...ทำให้เลือดแข็งตัวง่ายจนเป็นสาเหตุทำให้เส้นเลือดอุดตัน (Blood Clots)
78.น้ำตาล...ทำให้เป็นโรคสมองฝ่อ (Alzheimer Disease)
78เหตุผลที่เขียนมาทั้งหมดนี้ คงจะเพียงพอที่จะช่วยให้คุณผู้อ่าน
เห็นถึงปัญหาสุขภาทต่างๆมากมายที่เกิดจากการกินน้ำตาล
การมีสุขภาพที่ดี เกิดจากความรู้ความเข้าใจที่ดีและถูกต้อง โดยเฉพาะในการโภชนาการรวมทั้งนำไปปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
การมีสุขภาพที่ดีเป็นลาภอันประเสริฐ มีคนไม่น้อยที่ได้เริ่มเรียนรู้ถึงเคล็ดลับ ในการมีสุขภาพดีโดยการเลี่ยงน้ำตาล รวมทั้งอาหาร ขนม และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลผสม เจือปนอยู่
คุณผู้อ่านก็สามารถมีสุขภาพดีได้นะคะ เพียงแต่คุณเลือกที่จะเลี่ยงน้ำตาล มันอาจจะดูเหมือนไม่ง่ายที่จะทำ แต่ถ้าคุณทำแล้ว คุณจะทราบว่ามันไม่ยากอย่างที่คุณคิด
ตอนเริ่มใหม่ๆ คุณไม่จำเป็นต้องเลี่ยงน้ำตาล100% จนคุณต้องรู้สึกเครียด ให้ทำเท่าที่ทำได้ ถ้าทำไม่ได้วันนี้ ก็เริ่มต้นใหม่วันหน้า ขอแต่ให้มีใจที่อยากจะเลี่ยงน้ำตาล
แล้วอีกไม่นานคุณจะเป็นอีกคนหนึ่งที่หลุดจากการเป็นทาสของการกินน้ำตาล และเมื่อนั้นคุณจะไม่โหยหาน้ำตาลในอาหารที่คุณกินอีกต่อไป
อย่าลืมที่จะเตือนลูกหลานของคุณด้วยนะคะเพื่อสุขภาพที่ดีจะเป็นของคุณและคนที่คุณรักตลอดไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.bloggang.com