คนเราใช้เวลานอนเฉลี่ย 8 ชม./วัน หรือ 1/3 ของวัน ซึ่งถ้าเฉลี่ยกับวัย 80 ปี ก็เท่ากับต้องนอน 26.67 ปี โดยในความเป็นจริงไม่มีใครที่ใช้ชีวิตด้วยการไม่นอนหลับได้...
เยียวยา อาการนอนไม่หลับ ด้วยแพทย์แผนจีน
คนเราใช้เวลานอนเฉลี่ย 8 ชม./วัน หรือ 1/3 ของวัน ซึ่งถ้าเฉลี่ยกับวัย 80 ปี ก็เท่ากับต้องนอน 26.67 ปี โดยในความเป็นจริงไม่มีใครที่ใช้ชีวิตด้วยการไม่นอนหลับได้ และการนอนไม่เพียงพอก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ดังนั้นคนที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว จึงควรรีบหาทางแก้ไขก่อนที่จะเกิดปัญหาในระยะยาวขึ้น ซึ่งการแก้ปัญหาก็มีวิธีที่ง่ายแสนง่าย เพียงทราบสาเหตุ เช่น การปรับเรื่องรับประทานอาหาร การปรับสิ่งแวดล้อม การใช้การฝังเข็ม เป็นต้น
นอนไม่หลับ หมายถึง เข้านอนแล้ว 30-60 นาที แต่ก็ยังคิดนั่นคิดนี่ หลายๆ คนที่ต้องเผชิญกับปัญหาการ นอนไม่หลับ นั่งนับแกะก็แล้ว ใช้อโรม่าก็แล้ว ก็ยัง นอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง
สำหรับผู้ที่เผชิญกับปัญหา นอนไม่หลับ มักแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มวัยทํางานมักจะพบในอายุ 40 ปีขึ้นไป ที่ต้องเจอกับความเครียดเป็นประจํา มีพื้นฐานร่างกายและจิตใจไม่แข็งแรง ขี้กังวล ขี้กลัว ขี้ร้อน ฯลฯ กลุ่มที่มีระบบการย่อยอาหารอ่อนแอ ซึ่งมักจะพบว่าไม่ค่อยมีแรงเลือดจาง และมักมีโรคหัวใจควบคู่ไปด้วย กลุ่มที่มีปัญหาความดันสูง ซึ่งความดันสูงผลให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา จึงมักจะนอนไม่ค่อยหลับ
สาเหตุของอาการ นอนไม่หลับ
แพทย์แผนจีน (พจ.) บุญเหลือ รุ่งสกาวเลิศ คลินิกเครือโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท กล่าวว่า “ นอนไม่หลับ มักมี 2 สาเหตุ
สาเหตุแรกมาจากสิ่งแวดล้อมภายใน เช่น มีอาการป่วยไอหอบหอบหืดภูมิแพ้ ปวดตาม ร่างกาย ฯลฯ ซึ่งจะถูกกระตุ้นให้ตื่นเมื่อเกิดอาการ หรือมีความเครียด กังวล เสียใจ โรคซึมเศร้า ซึ่ง 70 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีปัญหา นอนไม่หลับ , คนที่ระดับฮอร์โมนไม่ปกติ เช่น มีโรคไทรอยด์ ที่จะกระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัว ก็ทําให้นอนไม่ค่อยหลับด้วย, ช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ช่วงใกล้จะมีประจําเดือนฮอร์โมนจะน้อย ส่งผลให้นอนไม่ค่อยหลับ, ช่วงตั้งครรภ์ระยะแรกและใกล้คลอด รวมไปถึงช่วงวัยทอง หรือความดันสูง โรคหัวใจ ฯลฯ,
ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการย่อย ลําไส้จะดูดซึมอาหารไม่ดี ร่างกายได้สารอาหารไปเลี้ยงเลือดได้น้อย เลือดจึงขนออกซิเจนและอาหารไปเลี้ยงร่างกายได้ไม่ดีพอ หัวใจต้องทํางานหนักขึ้นเพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงให้เพียงพอ กลางคืนหัวใจไม่ได้หยุดพักเพราะสมองยังสั่งงานเพื่อทำการกระจายอาหารให้กับอวัยวะต่างๆ ที่ยังขาดอาหารอยู่, การกินอาหารมากหรือดึกเกินไป ทําให้มีอาหารตกค้างอยู่มาก ก็ทำให้ นอนไม่หลับ ได้เช่นเดียวกัน”
กลุ่มที่เป็นการกระทบจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น กินอาหารที่ไม่เหมาะกับตนเอง หรือชอบกินอาหารซ้ำๆ ทําให้ท้องเสีย ท้องอืด อาหารไม่ย่อย รวมทั้งการดื่มสารอาหารบางชนิดที่ทำให้ประสาทตื่นตัว เช่น กาแฟ สุรา ชา ช๊อคโกแลต ทุเรียน ลำไย มะม่วงสุก ฯลฯ
การมีสิ่งรบกวนการนอน เช่น แสงเสียง ก็ส่งผลต่อการ นอนไม่หลับ ด้วยเช่นกัน รวมไปถึงพฤติกรรมบางอย่าง เช่น เด็กที่พ่อแม่ให้เข้านอนในเวลาที่ไม่สม่ำเสมอ อาจส่งผลให้เป็นโรค นอนไม่หลับ เมื่อโตขึ้น
ผลกระทบของอาการ นอนไม่หลับ
มักจะเครียดง่ายคิดอะไรไม่ค่อยออก หงุดหงิด ความจำลดลง เนื่องจากสมองจะหยุดการหลั่งสารลดความเครียดที่ช่วยให้ผ่อน คลาย และควบคุมการทํางานของสมอง (สารเซโรโทนิน) และยังส่งผลให้อ้วนง่ายด้วย เพราะการ นอนไม่หลับ ทําให้ฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหารของร่างกายลดลง แต่ปริมาณฮอร์โมนที่ทําให้เกิดความหิวเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลต่อระบบไหลเวียน เลือดในร่างกาย คืออาจส่งผลให้เกิดโรคหัวใจ และทําให้ผิวพรรณไม่เปล่งปลั่งสดใส
ทั้งนี้อาการ นอนไม่หลับ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่างกายและจิตใจ แต่ถ้า นอนไม่หลับ เพียงคืนหรือ 2 คืนก็ยังไม่เป็นปัญหา เพราะอาจเป็นอาการชั่วคราว แต่ถ้าต่อเนื่องถึง 1อาทิตย์ขึ้นไป ควรไปพบแพทย์
การรักษาอาการ นอนไม่หลับ
สำหรับการรักษาผู้ที่ นอนไม่หลับ ด้วยแพทย์แผนจีน แพทย์จะพิจารณาจากสิ่งที่ส่งผลกระทบให้ นอนไม่หลับ
ถ้าเกิดจากสิ่งแวดล้อมภายใน ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาตามอาหาร เช่น ถ้าไอหอบหวัด ฯลฯ แสดงว่าร่างกายร้อนกว่าปกติร่างกายตื่นตัวตลอด ทำให้นอนไม่ค่อยหลับ จึงควรลดความร้อนโดยสามารถทําได้หลายวิธี เช่น ฝังเข็มกัวซา แต่ถ้าเป็นอาการ้อนจากระบบทางเดินอาหาร อาการคือไม่ค่อยมีแรงหน้าซีดเลือดจาง หรือนอนไปแล้วแต่ก็ตื่นขึ้นมาไอ ควรต้องกินยาและรับประทานอาหาร ที่บํารุงเลือด เช่น ตับ เนื้อสัตว์ ไข่แดง เลือดหมู หรือผักที่มีธาตุเหล็กสูง
ปัจจุบันการฝังเข็มเพื่อคลายจุด ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกว่าสามารถใช้บําบัดอาการ นอนไม่หลับ ได้ เนื่องจากทําให้เส้นประสาทคลายตัวลง เข็มจะเข้าไปคลายความเครียดที่อยู่ในระดับจิตใต้สํานึก เมื่อประสาทไม่ตึงเครียดก็ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น เพราะการฝังเข็มมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทให้หลั่งสารบางอย่างออกมา เช่น สารเอ็นดอร์ฟินทําให้จิตใจสงบฯลฯ และในทางแพทย์แผนจีน การฝังเข็มก็สามารถช่วยกระตุ้นการย่อยและการดูดซึมให้ดีขึ้น ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหาร จึงมีส่วนช่วยในกลุ่มคนที่มีปัญหาเรื่องการย่อยและการดูดซึมนอนหลับได้ดีขึ้น
หากเกิดจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น จากความเครียด ต้องแก้ปัญหาเรื่องที่เข้ามากระทบจิตใจ และอาหารก็มีส่วนช่วยได้ เพราะคนที่เครียดมากร่างกายจะตื่นตัวสูงเม็ดเลือดเกิดการเสียดสีกันเกิดเป็นความร้อน ทำให้น้ำในร่างกายระเหยออกไป เลือดจึงข้นหนืดขึ้น ทําให้เลือดไหลเข้าเส้นเลือดฝอยได้ไม่ดี ประสาทส่วนกลางจึงต้องสั่งการให้หัวใจทํางานมากขึ้นเพื่อส่งเลือด จึงควรเลือกรับประทาน อาหารประเภทผักสีเขียว และขาว หรือผักผลไม้ที่มีน้ำเยอะ เช่น สาลี่ แตงโม คะน้า ไชเท้า ผักกาดขาว หรือแตงกวา รวมไปถึงการสวดมนต์ก่อนนอน จะช่วยให้จิตใจสบายขึ้นร่างกายผ่อนคลายและเลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
การออกกําลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น แต่ไม่ควรออกกําลังกายภายใน 3 ชั่วโมงก่อนถึงเวลานอน และถึงง่วงมากก็ไม่ควรงีบหลับหลังบ่าย 3 โมง เพราะกิจกรรมที่ผิดเวลาจะทําให้ นอนไม่หลับ ควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ เหล้า รวมทั้งเครื่องดื่มชูกําลังในช่วงเย็น ดื่มกาแฟน้อยกว่าวันละ 2 แก้ว ไม่สูบบุหรี่ก่อนนอน หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารอาหารมื้อหนักใน ตอนเย็น ไม่ดื่มน้ำก่อนเข้านอน จะได้ไม่ต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก ควรทานน้ำอุ่น นมอุ่นเล็กน้อย ก่อนเข้านอน บรรยากาศในห้องนอนก็เป็นสิ่งสําคัญควรมีอากาศถ่ายเทได้สะดวกไม่หนาวหรือร้อนเกินไป ควรจะปิดม่านให้มืดและห้องนอนควรเป็นห้องที่เงียบสงบ
อาจารย์บุญเหลือกล่าวเสริมว่า “การปรับสิ่งแวดล้อมก็มีความสําคัญมาก เช่น ห้องนอนควรจะมืดไม่มีแสงจากอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ มารบกวน เช่น แสงจากเครื่องชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์, เสียงดังจากการกรนของคนข้างๆ สําหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการไหลเวียนของเลือด อาจใช้การแช่เท้าด้วยน้ำอุ่นประมาณ 40 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20-30 นาที เมื่อเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ดี จะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น”
“ถ้าเข้านอนไปแล้วรู้สึกว่า นอนไม่หลับ ไม่ควรนอนดูทีวีหรือฟังข่าว เพราะจะทําให้สมองตื่นตัว ควรลุกจากที่นอนหาอะไร เบาๆ ทํา เช่น อ่านหนังสือฯลฯ แล้วค่อยกลับมาที่เตียงเมื่อเริ่มรู้สึกง่วง” อาจารย์บุญเหลือกล่าวในตอนท้าย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.emaginfo.com