ไส้กล้วย หรือ หยวกกล้วย เป็นอาหารที่หาง่ายและทำอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแกง ต้มกระทิ แถมยังนำมาต้มทำชาสมุนไพรไว้ดื่มรักษาสุขภาพได้อีก...
ไส้กล้วย หรือ หยวกกล้วย เป็นอาหารที่หาง่ายและทำอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแกง ต้มกระทิ แถมยังนำมาต้มทำชาสมุนไพรไว้ดื่มรักษาสุขภาพได้อีก ชนิดของหยวกกล้วยที่นิยมรับประทานก็คือ หยวกกล้วยตานี หยวกกล้วยป่า หยวกกล้วยน้ำว้า โดยหยวกกล้วยที่เราจะนำมาปรุงอาหารนั้น ควรเป็นหยวกกล้วยที่ยังไม่ออกปลีหยวกกล้วยนั้นมีใยอาหารที่ช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและสารพิษตามลำไส้ กระเพาะ แล้วขับถ่ายออกมา มีธาตุเหล็กซึ่งเป็นตัวช่วยในการกระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบิลในเลือด และจะช่วยในกรณีที่มีสภาวะขาดกำลัง หรือภาวะโลหิตจาง ช่วยบรรเทาอาการเสียดท้อง ป้องกันโรคลำไส้เป็นแผลกล้วยยังไม่ออกเครือมาไว้ทำอาหารทานจะได้คุณค่าทางอาหารสูงกว่าส่วนกล้วยออกเครือแล้วจะใช้มาต้มทำยา เหมือนหลักการเก็บสมุนไพรทั่วไปที่มักจะเก็บหลังออกดอกเพราะจะได้ตัวยาสูงกว่า
สรรพคุณ
ช่วยให้ระบบขับถ่ายปัสสาวะเป็นปรกติ ล้างตับ ไต ไส้พุง สารพิษต่างๆ ภายในร่างกายผ่านออกทางปัสสาวะ ทั้งยังช่วยละลายนิ่วในไต ถุงน้ำดี และต่อมลูกหมาก ให้หมดไปอีกด้วย
วิธีทำ
ลอกกาบกล้วยที่ออกเครือแล้วให้ถึงไส้แกนใน แล้วนำมาหั่นเป็นท่อนๆ ใส่ถุงพลาสติกมัดปากถุง เก็บในตู้เย็น แช่ช่องผัก เวลาใช้ให้นำออกมา ครึ่งกิโลกรัม หั่นเป็นชิ้นเล็กๆต้มกับน้ำ 2 ลิตร โดยต้มน้ำให้เดือดก่อนจึงหรี่ใช้ไฟอ่อน จากนั้นใส่แกนกล้วยในต้นกล้วยลงไป ต้มต่อให้เดือดด้วยไฟอ่อน 10 นาที ยกลง นำน้ำที่ต้มได้มาดื่ม
วิธีใช้
ดื่มครั้งละ 1 แก้วก่อน 30 นาทีก่อนอาหาร เช้า กลางวัน และเย็น
หมายเหตุ
ท่านที่มีปัญหา ท้องอืด แน่นท้อง หลังรับประทานอาหาร ปวดท้อง ปวดเอว ถ่ายปัสสาวะกะปริบกะปรอย ปัสสาวะขุ่นไม่ใส ปวดแข้ง ปวดขา หนักตัว ให้ดื่มต่างน้ำทั้งวัน วันละ 2 ลิตร โดยดื่มหลังตื่นนอน ตอนเช้า ก่อน 3 แก้ว จากนั้นทยอยดื่ม ส่วนที่เหลือ ก่อนอาหาร 30 นาที หลังอาหาร 40 นาที ดื่มทุกวันจนกว่าจะหายเป็นปรกติส่วนที่เป็นแกนในที่มีสรรพคุณทางยาคือส่วนของก้านดอกที่แทงออกมาเป็นปลีกล้วยนั้นเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ชมรมรักษ์สุขภาพ