เผยเคล็ดลับ วิธีป้องกันและรักษา "โรคช็อกโกแลตซีสต์"


5,163 ผู้ชม

เชื่อว่าสาวๆหลายคนคงเคยมีอาการปวดบริเวณท้องน้อย หรือปวดท้องประจำเดือนมากๆ จนบางคนถึงกับต้องหยุดเรียน หยุดงาน นอนซมอยู่บนเตียง



         เชื่อว่าสาวๆหลายคนคงเคยมีอาการปวดบริเวณท้องน้อย หรือปวดท้องประจำเดือนมากๆ จนบางคนถึงกับต้องหยุดเรียน หยุดงาน นอนซมอยู่บนเตียง อย่างไรก็ตาม เมื่อมีอาการดังกล่าวแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คงหนีไม่พ้นเกิดความกังวลระคนสงสัยว่า อาการปวดที่เกิดขึ้นนั้นคือความผิดปกติหรือไม่ วิธีสังเกตง่ายๆก็คือหากรับประทานยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นๆ ก็ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่ามันคืออาการผิดปกติ

 
         ทั้งนี้ หนึ่งในโรคที่เป็นกันมาก ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยปวดท้องรุนแรงเมื่อมีประจำเดือน นั่นก็คือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิด (endometriosis) หรือที่เรียกกันว่า “ช็อกโกแลตซีสต์” ซึ่งหมายถึง ถุงน้ำของรังไข่แบบหนึ่งที่มีของเหลวอยู่ภายในและมีลักษณะเหมือนช็อคโกแลตเหลว แต่ความจริงก็คือถุงเลือดนั่นเอง โดยการเกิดช็อกโกแลตซีสต์นั้น

 
         ทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดจากเลือดระดูหรือเลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับ อธิบายกันง่ายๆก็คือ แทนที่เลือดจะออกมาทางช่องคลอดของผู้หญิงตามปกติ อาจจะมีเลือดระดูส่วนหนึ่ง มีการไหลย้อนกลับเข้าไปผ่านทางหลอดมดลูก แล้วก็เข้าไปในช่องท้องไปฝังตัวที่รังไข่จนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำขึ้น


 
วิธีป้องกันช็อกโกแลตซีสต์

 
         จากงานวิจัยเรื่องเยื่อบุโพรงมดลูกเติบโตผิดที่ โดยนำผู้หญิง 100 คนมาทำการส่องกล้องเข้าไปดูในขณะที่มีประจำเดือน ผู้หญิงเกือบทั้งหมดจะมีภาวะเลือดระดูไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องท้องทุกคน แต่คนที่มีปัญหาจนเกิดความเจ็บปวดรุนแรง ถุงน้ำมักจะมีปัญหาในเรื่องภูมิคุ้มกันบางอย่างบกพร่อง ซึ่งไม่สามารถจะทำลายเยื่อบุโพรงมดลูกที่เติบโตผิดที่นี้ได้ ในขณะที่ผู้หญิงปกติทั่วไปจะมีภูมิคุ้มกันซึ่งสามารถทำลายเยื่อบุโพรงมดลูกที่เจริญเติบโตผิดที่ได้


         ดังนั้น การป้องกันตัวเองจากช็อกโกแลตซีสต์คือต้องหมั่นสำรวจตัวเอง ว่ามีอาการของ โรคช็อกโกแลตซีสต์บ้างหรือไม่ หากไม่แน่ใจ แนะนำให้พบแพทย์ทันที ที่สำคัญคัญต้องรู้จักดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะจะไปช่วยลดฮอร์โมนเอสโตรเจน และหลีกเลี่ยงการตรวจภายใน หรือมีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือน เพื่อป้องกันเลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับ


 
การรักษาโรคช็อกโกแลตซีสต์


         เมื่อไปพบแพทย์ ก็จะมีการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจภายใน ในกรณีที่สงสัยว่าจะเป็นช็อกโกแลตซีสต์ แพทย์จะทำการตรวจอัลตราซาวด์ หรือตรวจพิเศษอื่นๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งการตรวจอัลตราซาวด์นั้นอาจทำการตรวจทางหน้าท้อง หรือตรวจทางช่องคลอด แต่สำหรับการวินิจฉัยที่แน่นอนที่สุดคือ การส่องกล้องเข้าไปในช่องท้อง ร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อเล็กๆ เอามาตรวจทางพยาธิวิทยา ซึ่งการตรวจโดยวิธีส่องกล้องนี้ไม่จำเป็นต้องทำในผู้ป่วยทุกคน แพทย์จะทำเมื่อเห็นว่ามีความเหมาะสม


         การรักษาโรคช็อกโกแลตซีสต์ หลักๆจะมี 3 วิธี คือ การใช้ยา การผ่าตัด หรือใช้ทั้งสองวิธีร่วมกัน โดยวิธีการรักษาจะคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ของผู้ป่วย ได้แก่ อาการของผู้ป่วย อายุ ความต้องการมีบุตร และความรุนแรงของโรค ทั้งนี้ การรักษาแบบใช้ยามีทั้งการยาในกลุ่มที่มีฮอร์โมนและไม่มีฮอร์โมน



         ส่วนการผ่าตัดก็มีทั้งวิธีการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง หรือวิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งวิธีการผ่าตัดส่องกล้องจะมีข้อดีคือ แผลเล็ก ปวดแผลน้อย ใช้เวลานอนรักษาในโรงพยาบาลหรือการพักฟื้นหลังผ่าตัดสั้นกว่าการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง ทว่าวิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้องนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า และต้องอาศัยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษานั้น แพทย์จะเลือกตามความเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยในแต่ละราย


         สำหรับโรคช็อกโกแลตซีสต์นั้น จะสร้างความทุกข์ทรมานมาก และจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากปล่อยไว้นานๆ ในกรณีที่เรามีอาการปวดประจำเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการปวดนั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หรือมีอาการอื่นๆ จึงขอแนะนำให้รีบไปปรึกษาแพทย์ทันที

ที่มา: kondoodee

อัพเดทล่าสุด