ไขมันพอกตับ ภัยเงียบที่ร้ายแรง แต่แทบไม่มีใครตระหนัก


2,667 ผู้ชม

ไขมันพอกตับ( fatty liver) เป็นภัยเงียบ(ประมาณการว่าหนึ่งในสี่ของประชากรอเมริกันมีภาวะไขมันพอกตับ) ที่คุกคามสุขภาพ


 
ไขมันพอกตับ( fatty liver) เป็นภัยเงียบ(ประมาณการว่าหนึ่งในสี่ของประชากรอเมริกันมีภาวะไขมันพอกตับ) ที่คุกคามสุขภาพ อย่างมากแต่คนไม่ค่อยตระหนัก ทั้งนี้เพราะไขมันพอกตับไม่ได้เป็นสาเหตุการตายโดยตรงแต่เป็นตัวเร่งการ อักเสบเรื้อรังในร่างกาย เพิ่มอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง

อะไรคือสาเหตุ?

สั้นๆก็คือมีปริมาณน้ำตาลส่วนเกินในร่างกาย จนตับนำไปสร้างเป็นไขมัน( lipogenesis)
ในยุคนี้ไม่มีน้ำตาลไหนจะอันตรายไปกว่า high fructose corn syrup ที่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มนำมาใช้ปรุงแต่งผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่อง ดื่มสำเร็จรูปทั้งหลายโดยเฉพาะน้ำอัดลม อันเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดที่นำไปสู่ภาวะไขมันพอกตับ


จะรู้ได้อย่างไรว่า เรากำลังเป้นไขมันพอกตับ ?
๑ มีวิธีการการตรวจเลือดเพื่อช่วยค้นหาภาวะนี้ได้
๒ ตรวจเช็คด้วยอุลตร้าซาวด์ซึ่งจะให้ผลการตรวจได้ดีกว่าการตรวจเลือด

ทำไมถึงต้องกลัวภาวะไขมันพอกตับ ?
๑ ก็เพราะเป็นตัวเร่งให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งนำไปสู่การดื้ออินซูลิน ภาวะก่อนเบาหวาน มีการสะสมไขมันตามพุง อวัยวะต่างๆ และตับ
๒ ไขมันที่สะสมตามพุง ระดับไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น ระดับไขมันดี (HDL)ลดลง แต่กลับเพิ่มไขมันเลวที่อันตรายเพิ่มมากขึ้น (Lpa) เพิ่มอัตราเสี่ยงโรคหัวใจ และนี่เองคือสิ่งที่คนทั่วไปไม่ตระหนักถึงภัยอันน่ากลัวว่า “ กะอีแค่ไขมันพอกตับนี่ก็ทำให้หัวใจวายได้???“

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ปัจจุบันเราพบเด็กอายุแค่12(แต่ดื่มน้ำอัดลมเป็นนิสัย) ต้องเข้ารักษาผ่าตัดปลูกถ่ายตับกันแล้ว
(หมายเหตุเพิ่มเติม Wellness 2012 : ในเมืองไทยคงต้องเพิ่มอีกหลายรายการนอกเหนือจากน้ำอัดลม เช่น เครื่องดื่มชาเขียว ชาขาว จับเลี้ยง นมเปรี้ยว กาแฟกระป๋อง
ฯลฯ ที่ประดังน้ำตาลผสมเข้าไปตั้งแต่8-12ช้อนชาต่อหนึ่งหน่วยบริโภค )


ทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยจากไขมันพอกตับ
๑ เลิกคบอย่างเด็ดขาดกับอาหารเครื่องดื่มที่มักผสม high fructose corn syrup ก่อนจะซื้อมาบริโภคไม่ว่าซอสมะเขือเทศ น้ำสลัด อ่านฉลากให้ดีว่ามีส่วนผสมด้วย น้ำตาลชนิดนี้หรือไม่ ผู้บริโภคจำนวนมากไม่เคยทราบมาก่อนว่าซอสมะเขือเทศบรรจุขวดมักมีปริมาณ น้ำตาลมากกว่าคุ้กกี้ Oreo เมื่อเทียบตามปริมาณหนึ่งหน่วยบริโภคเท่าๆกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงน้ำอัดลม เครื่องดื่มบรรจขวดหรือุกระป๋องทั้งหลาย

๒ ลดแป้งขัดขาว ในมื้ออาหาร เพิ่มผักผลไม้สด ถั่ว ธัญญพืชที่มีเมล็ดเช่นเมล้ดฟักทอง งา ทานเนื้อปลา ไก่

๓ ลงทุนกับน้ำมันปรุงอาหารเช่น น้ำมันมะกอก (olive oil), macadamia nut oil น้ำมันมะพร้าว

๔ ทานไขมันที่มีคุณค่าเช่น อะโวคาโด เนยจากมะพร้าว น้ำมันปลา(fish oil) เพื่อช่วยซ่อมแซมเซลล์ตับ.


๕ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญ อันเป็นการลดความเสี่ยงภาวะดื้ออินซูลิน และไขมันพอกตับ ไปในตัว

๖ สมุนไพรและสารเสริมอาหารบางชนิดก็ช่วยได้เช่น Milk Thistle. , Lipoic Acid, N-Acetyl-l-Cysteineง,และ" Catechin". อันเนื่องจากผลเข้าไปเสริมให้ตับสร้างสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญมากในตับ คือ glutathione.

๗ ส่วนวิตามิน B vitamins และแมกนีเซี่ยม magnesiumจะช่วยสนับสนุนให้ตับเยียวยาซ่อมสร้างเซลล์ตับที่เสียหายได้ดีขึ้น

๘ ทานผักที่ช่วยล้างพิษ เร่งกำจัดพิษจากตับเช่น ผักตระกูลบร็อคเคอรี่ คะน้า กะหล่ำ กระเทียม หัวหอม , collards, Brussels sprouts, arugula, daikon radish

เขียนเผยแพร่โดย นายแพทย์ Mark Hyman, MD,

ที่มา: เพจสมุนไพรไทย..รักษาโรค

 

อัพเดทล่าสุด