ปากยิ่งแห้งยิ่งเหี่ยว จึงต้องบำรุงอย่างเข้มข้น


620 ผู้ชม


1. ปากยิ่งแห้งยิ่งเหี่ยว จึงต้องบำรุงอย่างเข้มข้น 
ผิวที่ริมฝีปากเป็นผิวบริเวณที่ไร้ซึ่งต่อมเหงื่อ ผิวส่วนนี้จึงรักษาความชุ่มชื้นได้ไม่ดีเท่าไรนัก และหากใครเป็นคนที่ริมฝีปากแห้งอยู่แล้ว คุณยิ่งมีโอกาสริมฝีปากเหี่ยวเร็วรุดหน้าไปไวกว่าคนอื่น ๆ ถึง 2 เท่า ทั้งแห้ง ทั้งแตก และย่นยับ จึงควรบำรุงริมฝีปากอย่างสม่ำเสมอด้วยลิปบาล์มเนื้อหนักและเข้มข้น ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์และโคเอนไซม์คิว 10 ที่จะช่วยกระตุ้นให้ผิวผลิตคอลลาเจนมากขึ้น รวมทั้งมีส่วนผสมของกรดไฮยารูลอน ที่จะช่วยให้ผิวดูเต่งตึง นอกจากนี้ห้ามเลียริมฝีปากเด็ดขาด เพราะเมื่อน้ำลายแห้งและระเหยไป ก็จะยิ่งพาความชุ่มชื้นไปจากริมฝีปากด้วย 
2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 
พฤติกรรมบางอย่างที่ต้องห่อปากก็ทำให้สะสมเกิดเป็นริ้วรอยได้โดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการผิวปาก การดูดน้ำจากหลอด รวมไปถึงการสูบบุหรี่ เพราะฉะนั้นงด ลด เลิก พฤติกรรมเหล่านี้ไป หรือทำให้น้อยที่สุด ก็จะชะลอการเกิดรอบเหี่ยวย่นที่ริมฝีปากได้ 
3. ลอกผิวริมฝีปากด้วย Glycolic peel 
ฟังแล้วอาจจะดูน่ากลัว แต่ก็เป็นอีกวิธีที่ใช้ได้ผลสำหรับผิวริมฝีปากที่มีริ้วรอยไม่ลึกมาก โดยทรีตเม้นต์ที่ใช้จะเป็น ไกลโคลิก พีล (Glycolic peel) หรือการลอกผิวด้วยกรดไกลโคลิก ซึ่งเป็นกรดที่อ่อนโยนที่สุดในบรรดาการลอกผิวด้วยเคมี อย่างไรก็ตามควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ 
4. กรอผิวริมฝีปากด้วยวิธี Microdermabrasion 
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถใช้จัดการริ้วรอยบาง ๆ ได้ ด้วยวิธีกรอผิวแบบ ไมโครเดอมาเบรชั่น (microdermabrasion) อย่างไรก็ดี หากต้องการจัดการริ้วรอยริมฝีปากที่ค่อนข้างลึก อาจต้องเลือกพิจารณากรอผิวแบบธรรมดา หรือ เดอมาเบรชั่น (dermabrasion) ซึ่งสามารถใช้รักษารอยหลุมสิวหรือริ้วรอยลึก ให้ตื้นและเรียบขึ้น แต่วิธีการเช่นนี้อาจส่งผลข้างเคียงบางประการกับริมฝีปากได้ 
5. Botox 
โบท็อกซ์ (Botox) เป็นวิธีการชะงักริ้วรอยยอดฮิต และมันก็สามารถนำมาใช้ในการรักษาริ้วรอยที่ริมฝีปากได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากสารโบท็อกซ์ลดหรืองดการทำงานของกล้ามเนื้อรอบ ๆ ริมฝีปาก จึงทำให้ไม่เกิดริ้วรอยเพิ่มขึ้น ริ้วรอยเดิมที่มีอยู่เมื่อไม่ถูกกระตุ้นให้ขยับเคลื่อนไหว ก็ดูบางลงได้ด้วย 
6. ฉีดฟิลเลอร์ 
เติมเต็มร่องริ้วรอยที่ริมฝีปาก ทำให้มันกลับมาอวบอิ่มอีกครั้งด้วยการฉีดฟิลเลอร์ โดยที่ฟิลเลอร์บางชนิดยังสามารถกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนได้ด้วย แต่อย่างไรก็ดี การฉีดฟิลเลอร์อาจส่งผลข้างเคียงบางประการได้ จึงควรปรึกษาและเลือกทำกับแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น 
7. พรางสายตาจากริ้วรอย ด้วยการเขียนขอบปาก 
วิธีนี้สำหรับคนที่ไม่มีทุนมากพอสำหรับการทำทรีตเม้นต์แพง ๆ และยังไม่ถึงเวลาอันสมควรที่จะเปลี่ยนสกินแคร์ตัวใหม่สำหรับริมฝีปาก คุณสามารถใช้ทริคการแต่งหน้านี้ช่วยไปก่อนได้ โดยเขียนขอบปากที่ขอบนอกของบริเวณรอยหยักกลางริมฝีปากบนและล่าง จากนั้นใช้ลิปสติกเติมเต็มด้านในตามปกติ ริมฝีปากของคุณจะดูเต็มและดูอิ่มเอิบมากขึ้น 
8. ปกปิดแล้วไฮไลท์ 
อีกหนึ่งวิธีการเมคอัพสำหรับริมฝีปากเพื่อรูปปากที่เต่งตูมขึ้น โดยการใช้คอนซีลเลอร์ที่เป็นเฉดสีเดียวกับรองพื้นที่คุณใช้ ลงให้ทั่วรอบ ๆ ริมฝีปาก จากนั้นทาปากตามปกติ ปิดท้ายด้วยการใช้ลิปกลอสแต้มเฉพาะที่ตรงกลางของริมฝีปากบนและล่าง ความมันวาวของกลอสจะทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มขึ้น จนลืมสนใจเรื่องริ้วรอยไปเลยล่ะ

 ที่มา https://www.kroobannok.com/54983

อัพเดทล่าสุด