โรคลําไส้อักเสบ การป้องกัน โรคลําไส้อักเสบของคน ยารักษาโรคลําไส้แปรปรวน
โรคลําไส้อักเสบ การป้องกัน
โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ
บ 90% คนเมืองมีปัญหาระบบย่อยอาหาร
ร่าง กายประท้วงโหมงานหนัก วิถีชีวิตที่เร่งรีบจนขาดความพิถีพิถันในการบริโภคของคนในปัจจุบัน โดยเฉพาะคนที่ทำงานในออฟฟิศ อันเป็นบ่อเกิดของโรคภัยต่างๆ มากมายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
เคย มีสถิติพบว่า 90% ของคนเมือง มักมีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหารและการ ขับถ่ายเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นโรคยอดฮิตอย่าง โรคกระเพาะอาหาร โรคลำไส้อักเสบ ท้องผูก ที่ดึงเอาความสุขของชีวิตไปไม่น้อย เพราะลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่เป็นอวัยวะสำคัญของกระบวนการย่อย
โรคลำ ไส้ใหญ่อักเสบ นั้นเกิดจากการระคายเคืองที่ลำไส้ได้รับเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากปัญหาของระบบย่อยอาหาร มักพบบ่อยในช่วงอายุประมาณ 15-30 ปี และมักเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาการ คือ ผนังลำไส้บวม อักเสบ ทำให้มีเลือดออกทางทวารหนัก เกิดอาการปวดท้องและมีอาการท้องเดินกะทันหันเนื่องจากลำไส้บีบตัว
ซึ่ง คนที่เป็นโรคนี้มักมีปัญหากับการถ่ายอุจจาระ คือถ่ายบ่อยไม่เป็นเวลา เจ็บทุกครั้งที่ถ่าย เมื่อเรื้อรังนานเข้าทำ ให้เป็นโลหิตจางเนื่องจากเสียเลือดมาก อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
30 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยโรคนี้มีอาการอักเสบรุนแรง ต้องผ่าตัดเอาลำไส้บางส่วนออก แล้วจึงรักษาลำไส้ในส่วนที่เหลือต่อไป ความน่ากลัวของลำไส้ใหญ่อักเสบยังไม่หมดเพียงเท่านี้ การเกิดแผลและการเสียดสีบริเวณที่อักเสบนานๆ เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคร้ายอันดับต้นที่คร่าชีวิตคนกินดีอยู่ดีมานักต่อนัก
ทั้ง นี้ การสังเกตเบื้องต้นช่วยค้นพบโรคได้ด้วยตัวเอง ลำไส้ใหญ่เป็นโรคที่ค่อยๆ เป็นทีละน้อย อาการบ่งชี้เริ่มแรกคือ ปวดอุจจาระบ่อย ถ่ายไม่เป็นเวลา วันหนึ่งๆ อาจเข้าห้องน้ำนับสิบครั้ง แต่อาจถ่ายออกบ้างไม่ออกบ้าง อาการแบบนี้อาจ เรื้อรังอยู่หลายปี ถ้าไม่ได้รับการรักษาหรือปรับพฤติกรรม ก็จะทำให้มีเลือดออกมากับอุจจาระ ท้องเสียกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุ ถ้าปล่อยเรื้อรังไปเรื่อยๆ แผลที่เกิดในลำไส้จะยิ่งขยายใหญ่ขึ้น
และมีโอกาสหายน้อยลง ดังนั้นคนที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่ายดังที่กล่าวมาควรรีบปรึกษาแพทย์
แม้ สาเหตุที่แท้จริงของการอักเสบนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าพฤติกรรมที่สร้างปัญหาให้ลำไส้ใหญ่คือ การกินอาหารที่มีไฟเบอร์น้อย อาหารรสจัด กินไม่เป็นเวลา และความเครียด ซึ่งทำให้การย่อยอาหารที่กระเพาะและลำไส้เล็กแปรปรวน ลำไส้ใหญ่เกร็งตัว ถูกกระตุ้นมากกว่าปกติเพื่อดูดซึมน้ำและถ่ายอุจจาระออกมา อีกทั้งอาหารที่แข็งและย่อยยากยังสร้างความระคายเคืองให้กับผนังลำไส้อีก ด้วย ดังนั้นการอักเสบของลำไส้ใหญ่เป็นคล้ายกับการประท้วงว่าคุณใส่ใจร่าง กายตัวเองน้อยเกินไป
คน ที่เป็นลำไส้ใหญ่อักเสบต้องใส่ใจอาหารการกินเป็นพิเศษ โดยมีการศึกษาว่า การกินอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ เช่น ผัก ผลไม้ ที่ปรุงสุก จะช่วยบรรเทาการอักเสบได้เป็นอย่างดี และอาหารที่ให้สารอาหารประเภทโปรตีน วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 12 โฟเลต แคลเซียม เหล็ก และสังกะสี อย่างหลากหลายและเพียงพอช่วยสร้างความแข็งแรงแก่ผนังลำไส้และปรับระบบการ ย่อยอาหารให้คงที่
ควร หลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยาก สร้างความระคายเคืองให้กับลำไส้อันได้แก่ รำข้าว ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพืช ข้าวโพดหวาน แม้ว่าจะมีประโยชน์มาก แต่ควรกินเมื่อลำไส้ของเราปรับตัวดีขึ้นแล้วในคนที่เป็นลำไส้ใหญ่อักเสบมัก พบว่ามีโลหิตจางด้วย เนื่องจากมีเลือดออกบริเวณที่อักเสบตลอดเวลา จึงควรรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงและวิตามินซี เพื่อให้ร่างกายดูดซึมเหล็กมาใช้ได้อย่างเต็มที่
ดัง นั้น การป้องกันรักษาโรคนี้ที่ดีที่สุดคือควรปรับเปลี่ยนชีวิตเพื่อพิชิตโรคนี้ เพราะโรคนี้เป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาหายในคราวเดียว แต่จะดีขึ้นได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการกิน ควบคู่ไปกับอย่าลืมหาวิธีคลายเครียดพักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้สุขภาพ ร่างกายที่ดีก็ไม่ไปไหนจากคุณแน่นอน
โรคลําไส้อักเสบของคน
รักษาอาการลำไส้ ด้วยวิธีธรรมชาติ

ลำไส้เล็กอักเสบ และแผลอักเสบในลำไส้ใหญ่หายได้ด้วยวิธีธรรมชาติ (Health Plus)
โรคลำไส้อักเสบส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิต อย่างไรก็ตาม การบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติต่อไปนี้ช่วยได้
โรคลำไส้เกิดได้กับคนทุกวัย และนับวันจะก่อให้เกิดปัญหามากขึ้น จากรายงานของ the National Association for Colitis and Crohn’s Disease (NACC) ระบุว่า คนอังกฤษทุก 1,000 คนจะป่วยเป็นโรคลำไส้เล็กอักเสบ 1 คน ขณะที่มีคนนับแสนป่วยเป็นโรคแผลอักเสบในลำไส้ใหญ่
โรคลำ ไส้อักเสบทั้งสองชนิดนี้เกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนใหญ่พบในคนอายุระหว่าง 15-40 ปี แม้จะมีการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวาง แต่ก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด การรักษาด้วยการแพทย์แผนใหม่จะใช้วิธีลดการอักเสบ นั่นคือแพทย์จะให้ยาสเตียรอยด์เพื่อลดอาการบวม ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ และยาลดอาการท้องเสียและโลหิตจาง ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจต้องใช้วิธีผ่าตัดเอาอวัยวะ บางส่วนที่เกี่ยวกับการย่อยอาหารออก อย่างไรก็ตาม การบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติก็ช่วยได้เช่นกัน










จาการวิจัยพบว่า การฝังเข็มช่วยบรรเทาอาการท้องเสียอย่างรุนแรงอย่างได้ผล ทำให้สุขภาพดีขึ้น "การฝังเข็มช่วยแก้ปวด ลดการอักเสบ ควบคุมการทำงานของลำไส้ให้เป็นปกติ" ริชาร์ด แบล็กเวลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านฝังเข็มกล่าว "เพราะ การฝังเข็มช่วยแก้ไขความไม่สมดุลการทำงานของลำไส้ ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาว อาการจะดีขึ้นหลังผ่านการฝังเข็ม 6 ครั้ง แต่อาจจำเป็นต้องบำบัดหลายครั้งและใช้เวลาเป็นเดือน"

"การเปลี่ยนแปลงอาหารการกินช่วยได้" เอียน มาร์เบอร์ นักโภชนาการของ Health Plus กล่าว "อาหารบางชนิดทำให้ระบบย่อยทำงานหนัก จึงเกิดการอักเสบ อย่าทำให้โรคลำอักเสบทั้งสองชนิดนี้มีอาการรุนแรงขึ้น โดยการกินให้น้อย แต่กินบ่อย ๆ ทั้งนี้เพราะร่างกายสามารถย่อยอาหารปริมาณน้อย ๆ ได้ง่ายกว่า อาหารโพรไบโอติกมีประโยชน์ แต่ควรกินในรูปของอาหารเสริมมากกว่าในรูปของเครื่องดื่มที่มีรสหวาน"
โรคลำไส้เล็กอักเสบ
หลีกเลี่ยง ผลไม้รสเปรี้ยว มะเขือเทศ อาหารที่มีรสเผ็ด กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
รับประทาน มันฝรั่งปอกเปลือก ปลานึ่ง โดยเฉพาะปลาที่มีน้ำมัน เป็ดไก่ ไข่ ผักเช่น ผักโขมหรือถั่วที่มีเมล็ดกลม (peas)
โรคแผลอักเสบในลำไส้ใหญ่
หลีกเลี่ยง โฮ ลเกรน ไฟเบอร์ ไม่ละลายน้ำเช่น ข้าวโพดหวาน ผักที่มีแป้งสูงเช่น พาร์สนิป (parsnip) ถั่วที่มีเปลือกแข็ง (ruts) และเมล็ดพืชต่าง ๆ คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี เช่น บิสะกิด พาสต้า และขนมปัง
รับประทาน ไฟเบอร์ละลายน้ำ เช่น ผักใบเขียว อโรวคาโด แยม น้ำมันปลาที่อุดมด้วยไขมัน โอเมก้า 3 ข้าวขัดขาวกระเทียม

"มีสมุนไพรมากมาย ที่ช่วยรักษาโรคลำไส้เล็กอักเสบและโรคแผลอักเสบในลำไส้ใหญ่ ลดการพึ่งยาสเตียรอยด์" ดี แอตคินสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์สมุนไพร "คอมเฟรย์ (comfrey) ช่วยรักษาและบรรเทาอาการระคายเคืองของเนื้อเยื่อ ชะเอมช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสเตียรอยด์ตามธรรมชาติของตัวเอง โกลเด้นซีล (goldenseal) ซึ่งมีสรรพคุณต้านแบคทีเรียช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิด้านทาน แพลนทิน (plantain-กล้วยแอฟริกาชนิดหนึ่ง) ช่วยลดการผลิตน้ำเมือก ก่อนใช้ควรไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรเพื่อให้ตรวจวินิจฉัย" ดีแนะให้ใช้ผง slippery elm 1 ช้อนชาผสมกับน้ำเย็น คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปชงกับน้ำร้อนประมาณครึ่งลิตรผสมกับผงลูกจันทน์เทศ คนให้เข้ากัน
"สมุนไพรช่วยรักษาแผลอักเสบในลำไส้ใหญ่"
แจ็กกี้ ฟอร์เรสต์ วัย 43 ปี จากเบอร์วิคเชียร์ ป่วยเป็นโรคแผลอักเสบในลำไส้ใหญ่มานาน 10 เดือน เธอพึ่งสมุนไพรในการรักษา
"ฉันมีอาการท้องเสียและปวดตะคริวที่ท้องมานานกว่าหนึ่งปี ก่อนจะมารู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคแผลอักเสบในลำไส้ใหญ่ หมอให้ยาแก้อักเสบและสเตียรอยด์เพื่อควบคุมอาการ แต่ยาทำให้ฉันมีอาการคลื่นไส้อาเจียนและอาหารไม่ย่อย พอไปตรวจก็พบว่ายามีผลกระทบกับตับของฉัน ฉันเลยต้องหยุดทานยาต่อมาฉันได้ไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร เขาแนะให้ฉันทานผง slippery elm ร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ กระเทียม คาโมไมล์ ชะเอม และยาร์โรว์ (yarrow) ซึ่งช่วยให้อาการดีขึ้น เมื่อก่อนฉันเคยชอบกินขนมปังและพาสต้า แต่ตอนนี้ฉันหันมากินอาหารปลอดแป้งสาลี และเปลี่ยนนิสัยการกิน โดยกินน้อย ๆ แต่กินบ่อย ๆ เดี๋ยวนี้ฉันไม่ต้องพึ่งยาแผนปัจจุบันอีกแล้ว แถมอาการก็ไม่กำเริบเวลากินอะไรที่ไม่ควรกิน"

"อาหารเสริมช่วยรักษาโรคลำไส้ทั้งสองชนิดได้" พอ ล แชมเบอร์เลน ผู้เชี่ยวชาญของ Health Plus กล่าว ทานอาหารเสริมประเภทวิติมนรวม และเกลือแร่เป็นประจำ เพื่อชดเชยสารอาหารที่ขาดไปเนื่องจากระบบย่อยอาหารไม่ปกติ ทานอาหารเสริมจำพวกน้ำมันปลา (ไม่นับน้ำมันตับปลา) วันละ 1,000-2,500 มิลลิกรัมทุกวัน จะทำให้ร่างกายได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ
การขาดสังกะสีก็ก่อให้เกิดปัญหาเช่นกัน ควรทานอาหารเสริมจำพวก zinc picolinate วันละ 25 มิลลิกรัม จะช่วยรักษาเนื้อเยื่อและเสริมสร้างภูมิต้านทาน psyllium husks เป็นแหล่งไฟเบอร์ชั้นดี ควรวันละ 1 ช้อนโต๊ะ ข้อควรระวังคือ psyllium husks ดูดซึมน้ำในปริมาณมาก ดังนั้นเวลาทานจึงควรดื่มน้ำตามมาก ๆ อาหารเสริมชนิดเม็ดที่มีเอนไซม์ย่อยอาหาร จะช่วยให้ตับอ่อนสามารถย่อยโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตได้ดี
เบทาอีนไฮโดรคลอไรด์ (betaine hydrochloride) ชนิดเม็ดช่วยให้กระเพาะอาหารย่อยโปรตีนได้ดี ซึ่งจะทำให้ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ทำงานหนักน้อยลง

"การนวดกระตุ้นในตำแหน่งที่ถูกต้องจะช่วยบรรเทาอาการของโรคลำไส้ได้" เรเน่ แทนเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการนวดกดจุดฝ่าเท้ากล่าว ให้หาส่วนที่เป็นเนื้อนุ่ม ๆ ของฝ่าเท้า ตั้งอยู่ระหว่างส่วนโค้งและส้นเท้า วางนิ้วมือสองนิ้วบนจุดดังกล่าว จากนั้นให้ใช้นิ้วดังกล่าวเดินไต่ข้ามไปยังนิ้วหัวแม่เท้า ต่อไปยังนิ้วก้อย จากนั้นยกนิ้วข้างหนึ่งขึ้นชั่วครู่ และเพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ให้ใช้นิ้วเดินไต่จากด้านหลังไปด้านหน้า โดยเริ่มจากฝ่าเท้าไปยังหลังเท้า ระหว่างจุดกลม ๆ ใต้นิ้วหัวแม่เท้าและส่วนโค้งของฝ่าเท้า ทำท่าละ 3 ครั้ง วันละ 2 เวลา หากอาการรุนแรง เมื่ออาการดีขึ้น ให้ลดเหลือวันละครั้ง
ยารักษาโรคลําไส้แปรปรวน
โรคลำไส้แปรปรวน กับทางเลือกในการรักษา
ลำไส้แปรปรวนกับทางเลือกในการรักษา (Health Plus)
โรคลำ ไส้แปรปรวน เป็นหนึ่งในโรคที่มีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน ซึ่งการรักษามีหลายวิธี และวิธีหนึ่งที่เริ่มนำเข้ามาใช้รักษาผู้ป่วย คือ การสะกดจิต เหตุใดจึงนำการสะกดจิตมาใช้ในการรักษาโรคลำไส้แปรปรวน (imitable bowel syndrome-IBS) เรามาหาคำตอบในเรื่องนี้กัน
โรค IBS เป็นความผิดปกติในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ประมาณกันว่า 1 ใน 3 ของประชากรอังกฤษป่วยด้วยโรคนี้ อาการของโรคนี้สร้างความรำคาญและทุกข์ทรมานให้กับชีวิต ผู้ป่วยประมาณกว่า 10% ของประชากรมีอาการรุนแรงจนต้องไปหาหมอ
แม้จะยังไม่มีวิธีรักษาโรคนี้ให้หายขาด แต่ก็มีทางรักษาที่หลากหลายซึ่งจะช่วยควบคุมอาการไม่ให้กำเริบ ว่าแต่เราจะทราบได้อย่างไรว่าวิธีใดได้ผล
"ยังไม่มีวิธีใดที่วิเศษจนสามารถรักษาผู้ป่วยโรคนี้ให้หายได้" แมรี ฮาสลาม ผู้จัดการพยาบาลของศูนย์ให้ความช่วยเหลือ the IBS Network Help-Line กล่าว แต่มีการรักษาอยู่วิธีหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีประสิทธิภาพนั่นคือ การรักษาด้วยการสะกดจิตบำบัดโรคลำไส้แปรปรวน (gut-directed hypnotherapy) อาจฟังดูค่อนข้างน่ากลัว แต่ที่จริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
อลิซาเบธ เทย์เลอร์ นักสะกดจิตบำบัดแห่งแผนกการแพทย์องค์รวม โรงพยาบาลรอสเซนเดลอธิบายว่า "คน ป่วยจะถูกสะกดจิต และนักสะกดจิตจะให้คำแนะนำให้ด้านบวก เป้าหมายเพื่อให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ บรรเทาอาการปวดและท้องอืด การสะกดจิตบำบัดโรคลำไส้แปรปรวนเป็นเพียงการให้คำแนะนำโดยตรง คุณต้องนั่งนิ่ง ๆ ขณะถูกสะกดจิต หรือปลดปล่อยความรู้สึกเจ็บปวด ผู้สะกดจิตจะให้ผู้ป่วยวางมือบริเวณหน้าท้อง และจะรู้สึกร้อนที่หน้าท้อง ผู้ป่วยจะได้รับเทปบันทึกเทคนิคการบำบัด เพื่อให้นำกลับไปฝึกปฏิบัติเองที่บ้านทุกวัน"
วิธี นี้ให้ผลดีหากผู้ป่วย IBS มีอาการหลัก 3 อย่างได้แก่ ปวดท้อง ท้องอืด และอาการผิดปกติของลำไส้ที่ทำให้เกิดอาการท้องผูกหรือท้องเสีย คุณต้องเปิดใจรับการรักษาดังกล่าว และมุ่งมั่นที่จะเอาชนะอาการป่วย "ตามปกติต้องบำบัดทั้งหมด 12 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง" เทย์เลอร์กล่าว "มันไม่ใช่การรักษาโรค แต่เป็นเทคนิคที่ดีในการควบคุมอาการ"
ผลการวิจัยชี้ว่าการสะกดจิตได้ผลดี นักวิจัยจากแมนเชสเตอร์ พบว่า การบำบัดช่วยให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นนานถึง 5 ปี หลังจากคอร์สบำบัดเสร็จสิ้น
ด้าน ดร.มาร์ค คอตทริลล์ แพทย์ทั่วไปจากแลงคาเชียร์และผู้ดูแล IBS Network เป็นผู้หนึ่งที่ใช้วิธีสะกดจิตบำบัดโรคลำไส้แปรปรวนในการผ่าตัด กล่าวว่า "เรา พบว่าการะสะกดจิตเป็นการรักษาที่ได้ผลดีมาก ดีกว่าการทานยาเป็นอย่างมาก มันไม่เหมือนการสะกดจิตแบบดั้งเดิม แต่เป็นลักษณะของการทำให้จิตใจของผู้ป่วยผ่อนคลายและสบายกายอย่างแท้จริง นับเป็นเทคนิคช่วยบำบัดตนเองให้ดีขึ้นอย่างได้ผล"
ขณะเดียวกัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ the IBS Network ได้สอนให้ผู้ป่วยรู้จักวิธีการสะกดจิตบำบัดโรคลำไส้แปรปรวนด้วยตนเองทั้งหมด 21 หลักสูตรทั่วประเทศอังกฤษ แต่โชคไม่ดีที่โครงการนี้ซึ่งได้เงินสนับสนุนก้อนแรก จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแห่งชาติ (National Lottery) ต้องยกเลิกไป แต่ทาง the IBS Network ยังหวังว่าจะมีกองทุนใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนหลักสูตรดังกล่าวนี้อีกครั้ง
ทั้ง นี้ สาเหตุของโรค IBS ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ความเครียด การไดเอต โรคลำไส้อักเสบรุนแรง และการตัดมดลูกทิ้งล้วนมีส่วนทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้ทั้งสิ้น "อาการเหล่านี้ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลง โดยเฉพาะคนสูงอายุ บางครั้งถึงขั้นส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในสังคม เพราะพวกเขากลัวว่าตัวเองจะสูญเสียการควบคุมในที่สาธารณะ" แมรี่กล่าว
"คนอายุมากกว่า 50 ปีที่ลำไส้ทำงานผิดปกติอย่างฉับพลัน รวมถึงน้ำหนักตัวลดและ/หรืออุจจาระมีเลือดควรไปพบแพทย์ ที่สำคัญอย่าพยายาม สันนิษฐานเอาเองว่าเป็นโรค IBS เพราะอาจเป็นโรคร้ายแรงอย่างอื่นที่คาดไม่ถึง โดยแพทย์จะตรวจหาต้นเหตุที่แท้จริงโดยการส่องกล้อง หรือการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ เพื่อแยกแยะอาการ เช่น มะเร็งลำไส้ ติ่งเนื้อ หรือโรคถุงที่ผนังลำไส้ใหญ่ (diverticulosis)"7 ทางเลือกในการรักษาที่คุ้มค่าน่าลอง
1.ยาแผนปัจจุบัน
ยาแก้ปวดเกร็ง เช่น Colofac (ต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่งจ่าย) ทานร่วมกับอาหารเสริมจำพวกไฟเบอร์ ช่วยการทำงานของลำไส้ใหญ่
ยาแก้ท้องเสีย เช่น โคดีอีน (Codeine) หรือโลเพอราไมด์ (Loperamide) ช่วยให้อาการเดินทางผ่านลำไส้ช้าลง
ยาระบาย เช่น มะขามแขก ช่วยกระตุ้นเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อผนังลำไส้ ใช้รักษาโรคท้องผูก
2.เปลี่ยนแปลงอาหารการกิน
การจดบันทึกอาหารที่กินในแต่ละวันช่วยให้เราสามารถจำแนกว่าอาหารชนิดใดมี ปัญหา ซึ่งอาจเป็นตัวเหตุของอาการผิดปกติ โดยมากอาหารที่ก่อให้เกิดปัญหาได้แก่ ข้าวสาลี น้ำตาล ยีสต์ และน้ำตาลเทียม ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว หรือมะเขือเทศ อย่าพยายามจำกัดอาการที่กินโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เพราะอาจเป็นอันตรายได้ เพราะคนวัยนี้ต้องกินอาหารที่มีแคลอรีน้อยอยู่แล้ว ทำให้เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารมากยิ่งขึ้น
3.โปรไบโอติก
อาหารเสริมโปรไบโอติกช่วยสร้างสมดุลระหว่างแบคทีเรียที่ "ดี" และ "ไม่ดี" ในลำไส้ ลดแก๊สในท้อง และบรรเทาอาการปวด แก้ท้องเสีย และเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค หาซื้ออาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ Bifobacterium และ Lactobacillus ผลการวิจัยยังชี้ว่าเครื่องดื่มโปรไบโอติกอย่างยาคูลท์ช่วยได้
4.ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้การทำงานของลำไส้ดีขึ้นและบรรเทาอาการท้องผูก
5.เทคนิคช่วยผ่อนคลาย
โยคะและการนั่งสมาธิช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดอาการของโรค
6.นวดกดจุดฝ่าเท้า
ผู้เชี่ยวชาญด้านการนวดกดจุดฝ่าเท้าเชื่อว่า อารมณ์ฉุนเฉียว ความวิตกกังวล และความเครียดส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ การนวดกดจุดฝ่าเท้าช่วยผ่อนคลายเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้การเผาผลาญอาหารในระบบย่อยอาหารเกิดความสมดุล
7.โฮมีโอพาธีย์ (Homeopathy)
เป็นวิธีการรักษาแบบธรรมชาติบำบัดโดยใช้สารที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยมากระตุ้นให้ระบบเซลล์ในร่างกายทำงานด้วยตัวของมันเอง
Arsenicum album ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย
Carbo veg ช่วยแก้ท้องอืด มีแก๊สในท้อง
Podophylium แก้ท้องเสีย ปวดท้อง และท้องอืดท้องเฟ้อ
Veratum album แก้ท้องเสีย ถ่ายอุจจาระเหลว และอาการอ่อนเพลีย
สำหรับในประเทศไทยสามารถขอรับค่าปรึกษาได้โดยตรงจากบุคลากรสหวิชาชีพทาง สาธารณสุข รวมถึงเภสัชกรหรือขอรับคำปรึกษาได้จากสถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน (โอสถศาลา) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโรคลำไส้แปรปรวนคืออะไร
โรคลำไส้แปรปรวนคือกลุ่มของอาการที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของลำไส้ ต่อไปนี้คือสัญญาณของอาการลำไส้แปรปรวน
ปวดท้องและปวดเกร็งลำไส้
ท้องเสีย
ท้องผูก
ท้องเสียสลับท้องผูก
ท้องอืด
ท้องไส้ปั่นป่วน
มีแก๊ส เรอ และอาเจียน
"ยังมีอาการอื่นๆ ที่พบได้บ่อยในส่วนอื่นของร่างกาย" แมรี่ ฮาสลาม ผู้จัดการพยาบาลของศูนย์ให้ความช่วยเหลือ the IBS Network Help-Line กล่าว "อาการดังกล่าวได้แก่ ปวดศีรษะ มึนงง ปวดหลัง อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ ปัสสาวะบ่อย"
Link
https://www.thaihealth.or.th
https://health.kapook.com
https://health.kapook.com