ยาสมุนไพรรักษาโรคหอบหืด รักษาอาการหอบหืด


3,262 ผู้ชม

คนที่เป็นโรคนี้จะทรมานมากเนื่องจากเวลาที่อาการหอบหืดกำเริบขึ้นมาจะมีอาการหายใจได้ไม่เต็มปอด เนื่องจากหลอดลมมีความไวมากเกินไปต่อสิ่งที่มากระตุ้นหลอดลม



สมุนไพรบรรเทาอาการหอบหืด (Asthma)โรคหอบหืด (Asthma) คนที่เป็นโรคนี้จะทรมานมากเนื่องจากเวลาที่อาการหอบหืดกำเริบขึ้นมาจะมีอาการหายใจได้ไม่เต็มปอด เนื่องจากหลอดลมมีความไวมากเกินไปต่อสิ่งที่มากระตุ้นหลอดลม ทำให้หลอดลมตีบตัน อาการของโรคหอบหืดส่วนมากจะเกิดตอนกลางคืนถึงเช้ามืด สาเหตุที่ทำให้อาการหอบหืดกำเริบคือได้รับสิ่งกระตุ้นหรือสารก่อภูมิแพ้ อากาศเปลี่ยนแปลง แพ้อาหาร ผลกระทบจากการใช้ยาบางชนิด ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เช่น เครียด ดีใจ เสียใจ เป็นต้น

ผู้ป่วยโรคหอบหืด พอได้รับสิ่งกระตุ้นหลอดลมจะอักเสบและเยื่อบุหลอดลมบวมทำให้อากาศผ่านหลอดลมได้น้อยลงเนื่องจากหลอดลมตีบลงและแคบ กล้ามเนื้อภายในหลอดลมจะหดเกร็งจนปิดกั้นทางเดินของอากาศที่ใช้หายใจ อาการหอบหืด (Asthma Symptom) จะเริ่มจากการระคายเคืองทางเดินหายใจแล้วไอ หายใจลำบากมีเสียงวี้ดจากในลำคอและจะรู้สึกแน่นหน้าอก โรคหอบหืดมักเป็นเรื้อรังต่อเนื่องคือเป็นๆหายๆ เมื่อได้รับยาอาการจะดีขึ้นแต่พออาการกำเริบขึ้นมาก็จะได้รับความทรมานเป็นอย่างมาก 

โรคหอบหืดรักษาได้ดีมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค หากใช้ยาฉีดพ่นเพื่อขยายหลอดลม (ยาแผนปัจจุบัน) จะช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้นแต่มีข้อเสียคือจะมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ (Steroid) หากใช้ไปนานๆอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพได้ การลดความเสี่ยงจากการได้รับสารสเตียรอยด์อาจทำได้โดยใช้ยาสมุนไพรรักษาอาการหอบหืดไปพร้อมกับการใช้ยาแผนปัจจุบันก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากสารสเตียรอยด์ได้ 

สมุนไพรแก้หอบหืด (Herb for Asthma) คือ “ไพล” จะมีรสชาติเผ็ดร้อนอมฝาด วิธีทำคือนำส่วนของเหง้าไพลที่แก่จัด 10 ส่วน พริกไทยขาว 4 ส่วน กานพลู 1 ส่วน พิมเสน 1 ส่วนและดีปลี 4 ส่วน นำสมุนไพรที่กล่าวมาแล้วไปบดละเอียดแล้วผสมกัน   วิธีใช้สมุนไพรแก้หอบหืดให้นำยาสมุนไพรที่บดผสมกันแล้วปริมาณ 1 ช้อนชามาชงกับน้ำร้อนดื่มหรือทำเป็นยาลูกกลอนโดยใช้น้ำผึ้งเป็นตัวผสมแล้วปั้นเป็นเม็ดกินครั้งละ 3-4 เม็ด สิ่งที่ต้องระวังในการใช้สมุนไพรแก้หอบหืดคือไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเพราะส่วนประกอบสำคัญของยาสมุนไพรแก้หอบหืด “ไพล” อาจมีผลกระทบกับการทำงานของตับได้จึงควรใช้อย่างระมัดระวัง


แหล่งที่มา : thai-herbs-for-goodhealth.blogspot.com

อัพเดทล่าสุด