ฟิต&เฟิร์ม สุขภาพดี คุณทำได้แน่

2.เลือกกินอาหารตามแบบชาวเมดิเตอร์เรเนียนดูบ้าง เน้นเนื้อปลา ข้าวและธัญพืชไม่ขัดขาว ถั่วต่าง ๆ ผักใบเขียว มะเขือเทศ น้ำมันมะกอก ซึ่เป็นแหล่งรวมของสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน ไฟเบอร์ และไขมันชั้นดี

3.เลือกกินอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาแซลมอน ทูน่า ปลาทู ถั่ว อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือถ้าคิดว่าวันหนึ่ง ๆ กินได้ไม่พอ ให้กินอาหารเสริม EPA และ DHA 1000 มิลลิกรัมต่อวัน

4.ถ้าอยากกินขนมหวาน ให้เลือกกินดาร์กช็อคโกแลต ที่มีส่วนผสมของโกโก้อย่าง 60 % 1-2 ชิ้นต่อวัน ช็อคโกแลตจะช่วยลดความดันโลหิตสูง และยังทำให้อารมณ์ดีได้ตลอดวันด้วย
5.กินถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วเขียว งา ขี้เหล็ก ชะอม ถั่วงอก กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า อาหารเหล่านี้จะช่วยเพิ่มระดับเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หลั่งจากสมองในเวลากลางคืน ทำให้เรานอนหลับได้ลึกขึ้น สมองได้ผ่อนคลายมากขึ้น
6.ช่วงที่รู้สึกเครียด ให้เลือกกินเนื้อปลา ไก่ หมู เครื่องในสัตว์ ธัญพืช และเมล็ดถั่ว ผักประเภทฝัก เช่น ถั่ว กระถิน วิตามินบี 6 สูง จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซโรโทนิน สารเคมีในสมองชนิดหนึ่งที่มีความเกี่ยวพันกับอารมณ์ความรู้สึก ทำให้สมองผ่อนคลาย
7.กินแอปเปิ้ลวันละลูก เพื่อสารต้านอนุมูลอิสระที่จะมาทำลายเซลล์สมอง จนทำให้หลงลืมง่ายและไม่มีสมาธิ
8.ดื่มชาเขียวอุ่นวันละ 2 แก้ว เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาผิวหลังจากโดดแดด ในชาเขียวจะมีสาร EGGG สารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายของแสงแดดได้
9.เข้าซาวน่าหรือแช่น้ำร้อนสัปดาห์ละครั้งหรืออย่างน้อย 2 เดือนครั้ง เพื่อทำความสะอาดรูขุมขน และกระตุ้นการไหลเวียนเลือดทั่วร่างกาย

 10.ฝึกสมาธิ ทำจิตใจให้ผ่องใส หากิจกรรมแปลกใหม่เปลี่ยนไปในทุกสัปดาห์ อาจจะเป็นกีฬาที่ท้าทายความสามารถ เช่น เรือใบ ปีนหน้าผา เพนต์บอล เพื่อช่วยกระตุ้นเซลล์สมอง
11.ขยับร่างกายเพื่อกระตุ้นเซลล์ประสาทให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำท่าต่าง ๆ ที่ต้องก้มศีรษะให้เลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงสมองได้เต็มที่
ท่าแนะนำ ได้แก่ นั่งเก้าอี้ ก้มศีรษะเกือบถึงพื้นให้มากที่สุด มือแตะพื้น ค้างไว้ 10 วินาที ทำประมาณ 5-6 ครั้ง

14.ควรหมั่นกินผักผลไม้สีเหลืองและสีเขียวเข้มที่มีสารลูทีนและซีแซนทีนสูงหากต้องทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำงานกลางแจ้ง หรือสายตาสัมผัสกับแสงแฟลชเป็นประจำ และต้องขับรถกลางคืนบ่อย ๆ ช่วยป้องกันเซลล์จอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย ลดความเสี่ยงเป็นต้อกระจกและจอตาเสื่อม

15.เมื่อต้องใช้สายตาอย่างหนัก เช่น เพ่งสายตาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือทำงานที่ต้องเพ่งสายตามาก ๆ หมั่นบริหารดวงตาด้วย 2 วิธีนี้
วิธีที่ 1 หลับตาให้สนิท ประมาณ 1 วินาที จากนั้นให้ปลายนิ้วนางกดนวดเบา ๆ บริเวณเบ้าตา
วิธีที่ 2 เท้าข้อศอกลงบนโต๊ะ ปิดตาทั้งสองข้างไว้ด้วยอุ้งมือ กระพริบตาถี่ ๆ 2-3 ครั้ง แล้วหลับตาลง ผ่อนคลายดวงตาและใบหน้าพร้อมกับนั่งนิ่ง ๆ ในท่านั้นประมาณ 5 นาที จากนั้นลืมตาขึ้นเอามือออก
16.สำหรับคนที่ต้องใส่คอนแทคเลนส์ บนหน้าซองบรรจุคอนแทคเลนส์ นอกจากมีค่ากำลังของเลนส์ (-3.00 D) แสดงอยู่แล้ว ยังมีตัวอักษร B.C. (Base Curve) กำกับมาด้วย บอกถึงรัศมีโค้งเลนส์ด้านสัมผัสดวงตา เลนส์ที่มีค่า B.C. มากจะแบบกว่า และไม่บีบรัดดวงตาเท่ากับเลนส์ที่มีค่าB.C. ต่ำ ซึ่งแต่ละคนมีความโค้งของลูกตาไม่เท่ากัน การใส่เลนส์ที่บีบรัดหรือหลวมจนเกินไป อาจะทำให้เกิดอันตรายต่อดวงตาได้ ดังนั้นหากจะใส่คอนแทคเลนส์ควรปรึกษาจักษุแพทย์ และตรวจวัดด้วยเครื่องวัดสายตาที่เที่ยงตรงกว่าร้านแว่นสายตาทั่วไป
ข้อแนะนำสำหรับการใช้คอนแทคเลนส์
– ก่อนใส่หรือหลังถอดคอนแทคเลนส์ควรล้างมือด้วยสบู่อ่อน ๆ ทุกครั้ง และควรเลือกน้ำยาทำความสะอาดคอนแทคเลนส์แบบแยกขั้นตอนล้าง (ล้าง – แช่เลนส์ - หยอดตา) จะดีต่อสุขภาพตามากกว่าใช้นำยาชนิด all in one
- เวลาล้างเลนส์ให้ใช้นิ้วถูเลนส์ทั้งสองด้าน แม้น้ำยาที่ใช้จะระบุว่าไม่ต้องถู เพื่อให้เลนส์สะอาดอย่างแท้จริง

หลักปฏิบัติง่าย ๆ ทำให้เป็นนิสัย จะทำให้มีสุขภาพและสุขอนามัยที่ดี และดูดีตลอดไป