ชีวิตดีขึ้นได้ แค่เพียงหยุดเล่นสมาร์ทโฟน


956 ผู้ชม


ชีวิตดีขึ้นได้ แค่เพียงหยุดเล่นสมาร์ทโฟน



เคล็ดลับ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ติดสมาร์ทโฟนอยู่ละก็ ลองเปลี่ยนมุมมองมาดูข้อดีของการหยุดเล่นสมาร์ทโฟนที่คุณไม่อาจปฏิเสธได้
          สังคมก้มหน้า คำ ๆ นี้คงไม่ใช่คำแปลกใหม่สำหรับคนสมัยนี้แล้วใช่ไหมละคะ สาเหตุก็มาจากในปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักใช้เวลาอยู่กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่าการเงยหน้าขึ้นมาพูดคุยกันแบบเมื่อก่อน ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร หลายคนถึงขั้นติดสมาร์ทโฟนจนไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็ก และถึงแม้ว่าเราจะรู้ว่าข้อเสียของมันคืออะไร แต่เราก็ยังไม่สนใจกันอยู่ดี นั่นเป็นเพราะเรายังมองไม่เห็นข้อดีของการเลิกเล่นสมาร์ทโฟนนั่นเอง วันนี้เราจึงนำข้อดีของการเลิกเล่นสมาร์ทโฟนจากเว็บไซต์ Reader's Digest มาบอกเล่าให้ฟังกันค่ะ บางทีนี่อาจจะเป็นวิธีที่ทำให้คุณวางสมาร์ทโฟนลงได้บ้างนะ
ช่วยให้สมองทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
          การหยุดเล่นสมาร์ทโฟน มีข้อดีมากมายรวมทั้งการทำให้สมองของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะคงมีหลาย ๆ คนที่ชอบเล่นสมาร์ทโฟนไปด้วยทำกิจกรรมอย่างอื่นไปด้วย เพราะคิดว่า การทำหลาย ๆ พร้อมกันเป็นสิ่งที่ดี แต่แท้จริงแล้วมันไม่มีประโยชน์เลย โดยเฉพาะการที่คุณเล่นสมาร์ทโฟนไปด้วยในขณะรับประทานอาหาร หรือการอ่านหนังสือ อาจทำให้สมองมีประสิทธิภาพลดลง ซึ่งมีการศึกษาพบว่าการติดสมาร์ทโฟนนั้นให้ผลเช่นเดียวกับการติดยาเสพติด หรืออาจจะให้ผลร้ายมากกว่าด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นถ้าหากคุณรับประทานอาหารหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นอยู่ เก็บโทรศัพท์ไว้ให้ห่าง ๆ ตัวจะดีกว่าค่ะ
เคล็ดลับ
ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
          แม้ว่าเรามักจะคิดว่าการทำงานโดยที่ไม่ติดต่อกับใครเลยจะส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงาน  แต่ก็มีการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ PLOS One พบว่าการที่เราใช้เวลากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากเกินไปไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์ ก็อาจจะทำให้ความคิดสร้างสรรค์หยุดชะงักได้ ขณะที่การหยุดพักโดยไม่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เลย 4 วันก็สามารถเรียกคืนความคิดสร้างสรรค์ได้ถึง 50% ดังนั้นถ้าหากเป็นไปได้ลองใช้เวลาสักวันอยู่ให้ห่างคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนของคุณดูนะคะ บางทีอาจจะทำให้คิดอะไรดี ๆ ออกก็ได้นะ
ทำให้คุณเห็นแก่ตัวน้อยลง
          การศึกษาของมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์พบว่า การเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กมากเกินไปจะทำให้ผู้ใช้กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว นอกจากนี้นักวิจัยยังพบว่าการใช้โทรศัพท์บ่อย ๆ ก็มีความเชื่อมโยงกับความเห็นแก่ตัวอีกด้วย เพราะเรามักจะให้ความใส่ใจกับการเช็กเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์มากกว่าการมีปฏิสัมพันธ์กับคนภายนอก ดังนั้นเพลา ๆ การเล่นลงบ้างเถอะค่ะ หันกลับมาสนใจกับมิตรภาพนอกเหนือโซเชียลเน็ตเวิร์กดีกว่าเนอะ 
ทำให้คุณมีความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานดีขึ้น
          93% ของการสื่อสารของมนุษย์นั้นจะต้องมีภาษากายเป็นส่วนประกอบ อย่างเช่นการแสดงสีหน้า หรือท่าทางต่าง ๆ แต่เมื่อเราสื่อสารกับผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเช่นสมาร์ทโฟน ก็ทำให้สิ่งเหล่านี้หายไป เพราะฉะนั้น ถ้าอยากให้การสื่อสารระหว่างคุณกับเพื่อนร่วมงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดปัญหาการเข้าใจผิดละก็ ลองเปลี่ยนจากการใช้ส่งอีเมลเพื่อติดต่องาน หรือใช้โปรแกรมส่งข้อความเป็นการเดินไปพูดคุยจะดีกว่าไหม นอกจากจะทำให้ความสัมพันธ์ของคนและเพื่อนร่วมงานดีขึ้นแล้ว ยังทำให้คุณได้ยืดเส้นยืดสายอีกด้วยนะ
เคล็ดลับ

ช่วยเพิ่มสมาธิในการทำงาน
          ตามรายงานจากสถาบัน McKinsey Global Institute พบว่า โดยเฉลี่ยแล้วคนทำงานมักใช้เวลา 28% ของสัปดาห์การทำงานไปกับการเช็กอีเมล นั่นก็แปลว่าเราใช้เวลาไปกว่า 13 ชั่วโมงในการอ่านอีเมลที่บางครั้งอาจจะไม่จำเป็นกับงานของเราทั้ง ๆ ที่เราควรเอาเวลาไปสนใจกับงานอย่างอื่นมากกว่า ทางที่ดีควรจะเปลี่ยนนิสัยเหล่านั้นด้วยการหลีกเลี่ยงการเช็กอีเมลบ่อย ๆ เปลี่ยนมาเช็กอีเมลวันละ 2 ครั้งต่อวันก็เพียงพอแล้วค่ะ
          แม้ว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันจะทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น แต่การที่เราใช้มันมากเกินไปก็อาจส่งผลร้ายต่อเราได้ อย่างน้อยที่สุดมันก็กระทบถึงประสิทธิภาพการทำงานและความสัมพันธ์ของคุณและคนรอบข้างอีกด้วย ดังนั้นถ้าห่างมันได้ก็ควรห่างบ้างนะคะ เล่นเท่าที่จำเป็น แล้วจะรู้ว่าในชีวิตของเรานอกจากจอสมาร์ทโฟนแล้วยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะเลยล่ะค่ะ



ที่มา: WWW.health.kapook.com

อัพเดทล่าสุด