คนไทยคุ้นเคยกับผักริมรั้วอย่าง ‘ตำลึง’ ในรูปแบบของอาหาร โดยเฉพาะเมนูสุดคลาสสิกอย่างแกงจืดตำลึงหมูสับที่อยู่คู่ครัวไทยเกือบทุกครัวเรือน มากกว่าความอร่อย ตำลึงอุดมไปด้วยคุณประโยชน์หลากหลาย มีคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินบี 3 สูง เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการตามัวจากการขาดวิตามินเอ และช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งได้ อีกทั้งยังมีแคลเซียมสูงไม่ต่างจากนมวัว ดังนั้นหากบริโภคเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายและกระดูกแข็งแรง นอกจากนี้ สรรพคุณในเรื่องของการใช้รักษาโรค ยังโดดเด่นในการบำบัดอาการโรคผิวหนังจำพวกผื่นแพ้ต่างๆ ไม่ว่าจะแพ้ตำแย หมามุ่ย หนอนคัน บุ้ง หอยคัน มดคันไป ผื่นคันจากน้ำเสีย ผื่นคันจากละอองข้าว ผื่นคันชนิดที่ไม่รู้สาเหตุ เริม งูสวัด สุกใส หิด สิว ฝีหนอง ช่วยระบายท้อง ลดการอึดอัดท้องหลังกินอาหาร ที่สำคัญ ยังมีฤทธิ์ต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน (ปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระของสารต่างๆ ได้มากมายหลายชนิด และอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันกับสารอื่นๆ เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อไป) และต้านการอักเสบซึ่งมีประโยชน์ต่อการชะลอความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ที่เป็นอาการแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน ผลการมีการศึกษาวิจัย ของทีมนักวิชาการจาก Harvard Vedical School เกี่ยวกับสมุนไพรที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดพบว่า ตำลึงแสดงผลการลดน้ำตาลทั้งในสัตว์ทดลองและในมนุษย์ได้ประสิทธิผลที่ดี ทั้งส่วนที่เป็น ราก ใบ ผล
|