มะเร็งผิวหนัง (Skin cancer)


1,356 ผู้ชม


ระบบและอวัยวะที่เกี่ยวข้อง :

ผิวหนัง  ระบบมะเร็งวิทยา 

อาการที่เกี่ยวข้อง :

บทนำ

โรคมะเร็งผิวหนัง (Skin cancer หรือ Cutaneous carcinoma) เป็นโรคมะเร็งพบได้สูงในคนผิวขาว แต่พบได้เรื่อยๆ ไม่ถึงกับบ่อยมากในคนไทย ซึ่งโรคมะเร็งผิวหนังไม่อยู่ใน 10 ลำ ดับมะเร็งพบบ่อยของทั้งหญิงและชายไทย

โรคมะเร็งผิวหนังเป็นโรคของผู้ใหญ่ และพบได้สูงขึ้นเมื่อสูงอายุขึ้น ทั้งนี้โอกาสเกิดในผู้หญิง และในผู้ชายใกล้เคียงกัน

โรคมะเร็งผิวหนังมีกี่ชนิด?

มะเร็งผิวหนัง

โรคมะเร็งผิวหนังมีได้หลากหลายชนิด แต่ที่พบบ่อย คือชนิดคาร์ซิโนมา (Carcinoma) ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ โรคมะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมา (Non melanoma skin cancer) และโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (Melanoma หรือ Malignant melanoma) ส่วนโรคมะเร็งผิวหนังชนิดอื่นๆพบได้เพียงประปราย ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงโรคมะเร็งผิวหนัง โดยทั่วไปจึงหมายถึง โรคมะเร็งผิวหนังทั้ง 2 กลุ่มนี้เท่านั้น ซึ่งรวมทั้งในบทความนี้ด้วย

 

มะเร็งผิวหนังเกิดจากอะไร? มีปัจจัยเสี่ยงไหม?

ปัจจุบัน สาเหตุที่แน่นอนของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ทั้ง 2 กลุ่มที่กล่าวแล้ว ยังไม่ทราบ แต่พบมีปัจจัยเสี่ยงดังนี้ คือ

 

โรคมะเร็งผิวหนังมีอาการอย่างไร?

อาการที่พบบ่อยของโรคผิวหนัง คือ การมีตุ่ม หรือ ก้อนเนื้อ หรือแผลเรื้อรังที่ผิวหนัง พบได้ในทุกบริเวณ รวมทั้ง ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และหนังศีรษะ หรือไฝต่างๆที่โตเร็ว อาจเจ็บ แตกเป็นแผล มีเลือดออกเรื้อรัง อาจพบเพียงก้อนเนื้อเดียว หรือหลายๆก้อนเนื้อพร้อมๆกัน และเมื่อโรคลุกลาม อาจคลำพบต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงกับผิวหนังส่วนที่เกิดโรค โต คลำได้ เช่น ที่หน้าหูหรือลำคอ เมื่อมีแผล/ก้อนเนื้อที่หนังศีรษะ หรือใบหน้า ที่รักแร้ เมื่อมีก้อนเนื้อ/แผลที่มือ หรือแขน หรือที่ขาหนีบเมื่อมีก้อนเนื้อ/แผลที่เท้า หรือ ขา

แพทย์วินิจฉัยโรคมะเร็งผิวหนังได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยโรคมะเร็งผิวหนังได้จาก ประวัติการได้รับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ การตรวจลักษณะก้อนเนื้อ แผล หรือไฝ การตรวจคลำต่อมน้ำเหลือง แต่ที่ให้ผลแน่นอน คือ การตัดชิ้นเนื้อจากก้อนเนื้อ แผล หรือไฝเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา

นอกจากนั้นจะมีการตรวจอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อจัดระยะโรค และประเมินสุขภาพผู้ป่วย เช่น การถ่ายเอกซเรย์ภาพปอดดูการแพร่กระจายของโรคสู่ปอด การตรวจเลือดต่างๆ เพื่อดูการทำ งานของไขกระดูก (ตรวจซีบีซี/CBC) ตับ และของไต เป็นต้น การตรวจภาพตับด้วยอัลตราซาวด์เพื่อดูการแพร่กระจายของมะเร็งสู่ตับ แต่ทั้งนี้ การตรวจเพิ่มเติมต่างๆจะขึ้นกับ ชนิดของเซลล์มะเร็ง ขนาดของก้อนมะเร็ง การมีต่อมน้ำเหลืองโต และดุลพินิจของแพทย์

โรคมะเร็งผิวหนังมีกี่ระยะ?

โรคมะเร็งผิวหนังมี 4 ระยะเช่นเดียวกับโรคมะเร็งอื่นๆ แต่แบ่งตามชนิดของเซลล์มะเร็งด้วย ดังนี้

 

โรคมะเร็งผิวหนังรักษาอย่างไร?

แนวทางการรักษาโรคมะเร็งผิวหนังทุกชนิดคล้ายคลึงกัน กล่าวคือ การรักษาหลัก ได้แก่ การผ่าตัดก้อนเนื้อมะเร็ง และผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองที่มีโรคลุกลามแล้ว หลังจากนั้นจะมีการประ เมินระยะโรค และการลุกลามของเซลล์มะเร็งจากก้อนเนื้อและจากต่อมน้ำเหลืองจากการผ่าตัดโดยการตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อประเมินความรุนแรงของโรค ซึ่งถ้าพบว่า โรคเป็นชนิดรุนแรง เช่น ลุกลามเข้าเส้นประสาท แพทย์มักพิจารณาให้การรักษาต่อเนื่องด้วย การฉายรังสีรักษา และ/หรือยาเคมีบำบัดส่วนยารักษาตรงเป้า ยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษา

มีผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งผิวหนังอย่างไร?

ผลข้างเคียงจากการรักษา ขึ้นกับวิธีรักษา

 

โรคมะเร็งผิวหนังรุนแรงไหม?

ความรุนแรงของโรคมะเร็งผิวหนังขึ้นกับ ชนิดของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรค ตำแหน่งที่เกิดโรค อายุและสุขภาพผู้ป่วย

  • ชนิดของเซลล์มะเร็ง เรียงตามลำดับความรุนแรงโรคจากน้อยไปหามาก คือ ชนิดเบซาลเซลล์ ชนิดสะความัส และชนิดเมลาโนมา
  • ระยะของโรค
  • ตำแหน่งที่เกิดโรค โรคมะเร็งที่อยู่ในตำแหน่งที่สามารถผ่าตัดก้อนเนื้อมะเร็งออกได้หมด ความรุนแรงโรคน้อยกว่า เมื่อผ่าตัดได้ไม่หมด หรือผ่าตัดไม่ได้
  • อายุและสุขภาพผู้ป่วย ดังกล่าวแล้ว ถ้าผ่าตัดไม่ได้ จากอายุ และ/หรือจากสุขภาพ ความรุนแรงของโรคจะสูงขึ้น
 

มีวิธีตรวจคัดกรองโรคมะเร็งผิวหนังไหม?

ปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีที่มีประสิทธิภาพในการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งผิวหนังทุกชนิดให้พบตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ดังนั้นการดูแลตนเองที่ดีที่สุด คือ หมั่นสังเกตผิวหนังทุกส่วนของตนเองเสมอ เมื่อพบก้อนเนื้อ หรือ ไฝ ที่โตเร็ว หรือมีลักษณะผิดปกติดังกล่าวในหัวข้ออาการ หรือมีความกังวลเมื่อพบมีก้อนเนื้อ หรือมีไฝ ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัย และเพื่อการรักษาที่เหมาะ สมแต่เนิ่นๆ

ป้องกันโรคมะเร็งผิวหนังอย่างไร?

วิธีป้องกันโรคมะเร็งผิวหนังที่ดีที่สุด คือ หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด โดยการไม่ตากแดด แต่ถ้าจำเป็น ควรสวมหมวก กางร่ม ใส่แว่นกันแดด สวมใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ใช้เสื้อผ้าสีอ่อน และการทายากันแดด ซึ่งมีค่าป้องกันแสงแดด เอสพีเอฟ (SPF,Sun protection factor, ป้องกันแสงชนิด ยูวีบี/UVB เป็นส่วนใหญ่) ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป และค่า พีเอ (PA,Protection grade for UVA,ป้องกันแสงชนิดยูวีเอ/UVA เป็นส่วนใหญ่) +++

นอกจากนั้น คือ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่หลีกเลี่ยงได้ เช่น การสัมผัสสารเคมีต่างๆเรื้อรัง และการป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี หรือ โรคเอดส์

ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อเป็นมะเร็ง? ดูแลผู้ป่วยมะเร็งอย่างไร?

การดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งและการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง อ่านเพิ่มเติมในบทความเรื่อง การดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งและการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง และเรื่อง การดูแลตนเอง การดูแลผู้ป่วยเคมีบำบัด
ที่มา   https://haamor.com/th/มะเร็งผิวหนัง/

อัพเดทล่าสุด