ระบบและอวัยวะที่เกี่ยวข้อง :
กระเพาะอาหาร ระบบทางเดินอาหาร ระบบมะเร็งวิทยาอาการที่เกี่ยวข้อง :
อาเจียนเป็นเลือดบทนำ
กระเพาะอาหาร (Stomach หรือ Gaster) เป็นอวัยวะหนึ่งในระบบทางเดินอาหาร เป็นอวัยวะที่ต่อเนื่องมาจากหลอดอาหาร ทำหน้าที่หลักเป็นที่พักอาหาร และมีบางส่วนของอาหารที่จะถูกย่อยที่กระเพาะอาหารก่อนจะถูกส่งไปยังลำไส้เล็กซึ่งมีหน้าที่ในการย่อยและดูดซึมอาหารเป็นส่วนใหญ่ กระเพาะอาหารประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 3 ชั้น ได้แก่ เยื่อบุชั้นในสุด หรือเยื่อเมือก(Mucosa) ชั้นถัดมาตรงกลางคือชั้นกล้ามเนื้อ และชั้น นอกสุดเป็นชั้นของเยื่อเลื่อม (Serosa) ปกคลุมกระเพาะอาหารด้านนอกสุด
ในบทนี้จะกล่าวถึงทั้งมะเร็งของกระเพาะอาหาร ที่ในภาษาแพทย์เรียกว่า Gas tric cancer หรือ Carcinoma of stomach ซึ่งในบทนี้ต่อไปขอเรียกโรคนี้ว่า มะเร็งกระ เพาะอาหาร
มะเร็งกระเพาะอาหารคืออะไร?
มะเร็งของกระเพาะอาหารเป็นโรคมะเร็งที่เหมือนโรคมะเร็งอื่นๆ กล่าวคือ การที่เซลล์เยื่อเมือกมีการแบ่งจำนวนมากขึ้นอย่างผิดปกติ ทำให้เกิดเป็นมะเร็งขึ้นมา และเจริญเติบโตลุกลามออกมาถึงบริเวณเยื่อบุผิวด้านนอก และลุกลามไปยังเนื้อเยื่อ/อวัยวะรอบๆกระเพาะอาหารได้ เช่น ตับอ่อน หลอดอาหาร และลำไส้ นอกจากนั้นเซลล์มะเร็งเหล่านี้จะมีการแพร่กระจายเข้าสู่ระบบน้ำเหลือง หรือกระแสเลือด (โลหิต) ทำให้เกิดการแพร่กระจายของตัวโรคได้
อนึ่ง มะเร็งกระเพาะอาหารที่เกิดจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิด GIST (Gastrointes tinal Stromal Tumor) นั้นจะมีลักษณะการดำเนินของโรคและการรักษาที่แตกต่างจากมะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงในบทนี้ เพราะเป็นมะเร็งชนิดที่พบได้น้อย และโดยทั่วไป เมื่อกล่าวถึง โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร จะหมายถึง โรคมะเร็งที่เกิดจากเยื่อเมือก (Carcinoma of stomach)
มะเร็งกระเพาะอาหารมักพบในใคร?
มะเร็งกระเพาะอาหารมักพบในผู้ชายมากกว่าในผู้หญิงประมาณ 3 เท่า และมักพบในช่วงอายุ 60-70 ปี
อะไรเป็นสาเหตุของมะเร็งกระเพาะอาหาร?
ในปัจจุบันเรายังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร แต่มีการศึกษาพบว่า มีปัจจัยบางอย่างที่อาจเพิ่มปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค คือ
- เชื้อชาติ อุบัติการณ์การเกิดโรคนี้มักพบมากในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นและประเทศเกาหลี มากกว่ากลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกา
- อาหาร การรับประทานอาหาร ปิ้ง ย่าง หมักดอง และอาหารรสเค็มจัด อาจทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งมากขึ้น และการรับประทานผักและผลไม้อาจช่วยลดโอกาสเกิดโรคได้
- การติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะอาหารชนิดเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไร (Helico bacter pylori หรือ H. pylori) ซึ่งเมื่อติดเชื้อนี้แล้วจะทำให้เกิดการอักเสบและเป็นแผลในกระเพาะอาหาร ซึ่งเมื่อเป็นเรื้อรัง ก็จะเพิ่มโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากกว่าคนทั่วไปประมาณ 3-5 เท่า
อนึ่ง การติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ อาจสามารถติดต่อกันระหว่างบุคคลได้ โดยการปนเปื้อนจากอุจจาระ และจากน้ำลายของผู้ติดเชื้อนี้
- การสูบบุหรี่ ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้สูงขึ้น
- โรคโลหิตจางชนิดมีเม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่ผิดปกติ
- โรคเนื้องอกของกระเพาะอาหารบางชนิด และโรคเนื้องอกของลำไส้บางชนิดที่ถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม
- มีประวัติในครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารมาก่อน
มะเร็งกระเพาะอาหารมีอาการอย่างไรบ้าง?
อาการที่พบได้ในผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะเริ่มแรกนั้นอาจจะไม่แสดงอาการอะไร แต่เมื่อรอยโรคมีการเจริญเติบโตมากขึ้น ก็จะมีอาการคล้ายอาการของการเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ หรือโรคแผลในกระเพาะอาหาร (โรคแผลเปบติคและโรคแผลในกระเพาะอาหาร) ดังต่อไปนี้
- อาหารไม่ย่อยและรู้สึกไม่สบายในช่องท้อง
- ท้องอืดหลังรับประทานอาหาร
- คลื่นไส้เล็กน้อย มักไม่อาเจียน
- ไม่อยากอาหาร
- อาการแสบร้อนกลางอก (Heartburn)
อนึ่ง เมื่อให้การรักษาเหมือนในผู้ป่วยที่เป็นกระเพาะอาหารอักเสบหรือแผลในกระเพาะอาหารไปแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการดีขึ้นได้ แต่มักมีอาการขึ้นมาอีก หรือมีอาการมากขึ้นเมื่อโรคเป็นมากขึ้น โดยอาจมีอาการดังต่อไปนี้ คือ
- มีเลือดปนในอุจจาระหรือถ่ายอุจจาระสีดำ (หากกินยาบำรุงเลือดบางชนิดก็อาจ จะมีถ่ายอุจจาระสีดำได้เช่นกัน)
- คลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีอาเจียนเป็นเลือดได้
- น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ปวดท้อง บางครั้งอาจคลำได้ก้อนเนื้อที่บริเวณลิ้นปี่
- มีภาวะโลหิตจาง (ภาวะซีด) ได้จากการที่รับประทานอาหารได้น้อย ร่วมกับการมีอุจจาระและ/หรืออาเจียนเป็นเลือด
- หากโรคมีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ อาจมีอาการซึ่งเกิดจากโรคแพร่ กระจายไปยังอวัยวะนั้นๆได้ เช่น
- คลำพบต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณเหนือไหปลาร้า มักพบในด้านซ้าย
- ตับโต ตาเหลือง ตัวเหลือง (โรคดีซ่าน) มีน้ำในช่องท้อง หากมีโรคกระ จายไปที่ตับ
- หายใจลำบาก หอบ เหนื่อย หากมีโรคกระจายไปที่ปอด
- นอกจากนั้น เซลล์มะเร็งของกระเพาะอาหาร อาจหลุดรอดเข้าไปในช่องท้องแล้วไปเกาะกันเป็นก้อนที่รังไข่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคล้ายเป็นโรคมะเร็งรังไข่ได้ด้วย
แพทย์วินิจฉัยมะเร็งกระเพาะอาหารได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยมะเร็งกระเพาะอาหาร ได้จาก
- ซักประวัติทางการแพทย์ต่างๆ เช่น ลักษณะอาการปวด และสีของอุจจาระ และการตรวจร่างกาย
- เอกซเรย์ทางเดินอาหารส่วนบน หรือการเอกซเรย์กลืนแป้ง เป็นการตรวจที่ให้ผู้ป่วยกลืนน้ำที่มีส่วนผสมของแป้งแบเรียม (Barium) ซึ่งเป็นผงสีขาวคล้ายแป้ง ซึ่งน้ำแป้งแบเรียมนั้นจะไปเคลือบผิวของหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร จึงเห็นรอยโรคได้จากการตรวจทางเอกซเรย์
- อัลตราซาวน์ภายในหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร (Endoscopic ultra sound) เพื่อดูรอยโรคว่ามีการลุกลามไปที่ชั้นต่างๆของกระเพาะอาหารชั้นใดบ้างหรือไม่
- เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ช่องท้อง เพื่อดูรอยโรค ลักษณะของโรค และการแพร่ กระจายของโรคในช่องท้อง
- ตรวจส่องกล้องช่องท้องส่วนบน เพื่อดูรอยโรคบริเวณหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น นอกจากนั้นยังสามารถตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง
- การตรวจเลือดซีบีซี (CBC) เพื่อประเมินสภาพร่างกายทั่วๆไปของผู้ป่วยก่อนการรักษา
- การตรวจเลือดทางห้องปฏิบัติการ
- การตรวจเลือดเพื่อหาสารมะเร็ง (Tumor marker) ชนิดซีอีเอ (CEA) ซึ่งค่านี้อาจจะปกติหรือผิดปกติก็ได้ในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร แต่ถ้าค่าผิด ปกติตั้งแต่แรกก่อนเริ่มการรักษาจะเป็นประโยชน์ในการตรวจติดตามโรคได้
- เอกซเรย์ปอด เพื่อดูความผิดปกติในช่องอก ปอด และการแพร่กระจายของโรคสู่ปอด
- การตรวจอุจจาระว่ามีเลือดออกร่วมด้วยหรือไม่ โดยการดูผ่านทางกล้องจุลทรรศน์
- การตรวจปัสสาวะ เพื่อประเมินสภาพร่างกายทั่วๆไปของผู้ป่วยก่อนการรักษา
มะเร็งกระเพาะอาหารมีกี่ระยะ?
มะเร็งกระเพาะอาหารแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ
ระยะที่ 1: มะเร็งกระเพาะอาหารลุกลามอยู่ในชั้นเยื่อเมือกถึงชั้นกล้ามเนื้อ ไม่มีการลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง หรือโรคลุกลามเฉพาะชั้นเยื่อเมือกร่วมกับมีการลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ติดกระเพาะอาหารไม่เกิน 2 ต่อม
ระยะที่ 2: มะเร็งกระเพาะอาหารลุกลามเข้าเยื่อเลื่อม หรือลุกลามเข้า เยื่อบุช่องท้อง โดยไม่มีการลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองหรือโรคลุกลามถึงชั้นกล้ามเนื้อหรือชั้นเยื่อเลื่อม ร่วมกับ ลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองไม่เกิน 2 ต่อม หรือโรคลุกลามเข้าชั้นเยื่อเมือก และ/หรือชั้นกล้ามเนื้อ ร่วมกับลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลือง 3-6 ต่อม หรือโรคลุก ลามเข้าชั้นเยื่อเมือกร่วมกับลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองมากกว่า 6 ต่อม
ระยะที่ 3: มะเร็งกระเพาะอาหารลุกลามเข้าอวัยวะข้างเคียง เช่น ม้าม ลำไส้เล็ก ตับอ่อน และเยื่อบุช่องท้องร่วมกับลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองไม่เกิน 2 ต่อม หรือโรคลุก ลามเข้าเยื่อเลื่อมร่วมกับลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองตั้งแต่ 3 ต่อมขึ้นไป หรือโรคลุกลามเข้าชั้นกล้ามเนื้อร่วมกับลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองตั้งแต่ 7 ต่อมขึ้นไป
ระยะที่ 4: มะเร็งมีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ซึ่งเมื่อแพร่กระจายมักเข้าสู่ ตับ ปอด และเยื่อบุช่องท้องจนก่อให้เกิดน้ำในช่องท้อง
รักษามะเร็งกระเพาะอาหารอย่างไร?
ในการดูแลรักษามะเร็งกระเพาะอาหารนั้น มีการรักษาหลักๆร่วมกันอยู่ 4 วิธี คือ การผ่าตัด ยาเคมีบำบัด รังสีรักษา และการรักษาประคับประคองตามอาการ ส่วนการรักษาด้วยยารักษาตรงเป้า ยังอยู่ในการศึกษา และยายังมีราคาแพงมหาศาลเกินกว่าผู้ป่วยทุกคนจะเข้าถึงยาได้
- การผ่าตัด เป็นการรักษาหลักของการรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งมีการผ่า ตัดอยู่หลายวิธี ขึ้นอยู่กับระยะของโรคความสมบูรณ์แข็งแรงของผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์ที่ทำการรักษา ตัวอย่างเช่น
- การผ่าตัดกระเพาะอาหารออกทั้งหมด เป็นการผ่าตัดเอากระเพาะอาหารออกทั้งหมดรวมทั้งต่อมน้ำเหลืองข้างเคียงบางส่วน และเนื้อเยื่อรอบๆก้อนมะเร็ง ในบางครั้งอาจต้องตัดม้ามออกไปด้วย หลังจากนั้นจึงนำหลอดอาหารมาต่อกับลำไส้เล็กเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกินและกลืนอาหารได้ตามปกติ
- การผ่าตัดกระเพาะอาหารออกบางส่วน เป็นการผ่าตัดเอากระเพาะอาหารในส่วนที่มีก้อนมะเร็งอยู่ รวมทั้งต่อมน้ำเหลืองข้างเคียงบางส่วน และเนื้อเยื่อรอบๆก้อนมะเร็ง ในบางครั้งอาจต้องตัดม้ามออกไปด้วย
- การผ่าตัดเพื่อบรรเทาอาการในกรณีที่ก้อนมะเร็งมีการอุดตันกระเพาะอาหาร เช่น การใส่ขดลวดในท่อทางเดินอาหารหรือลำไส้เล็กเพื่อถ่างขยายในบริเวณที่มีการอุดตันเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกินอาหารได้
- การให้ยาเคมีบำบัด ซึ่งการให้ยาเคมีบำบัดนั้นจะใช้ในหลายกรณี ได้แก่
- เพื่อลดขนาดของก้อนมะเร็งก่อนการผ่าตัด
- ให้ร่วมกับรังสีรักษาหลังการผ่าตัด ในผู้ป่วยบางรายที่มีโอกาสการกลับเป็นซ้ำของโรคหลังผ่าตัด เช่น มีมะเร็งลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลือง หรือในโรคระยะที่ 3 รวมทั้งใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ แต่ยังไม่มีโรคแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ และยังมีร่างกายที่แข็งแรงพอที่จะทำการรักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัดร่วมกับรังสีรักษาได้
- เพื่อบรรเทาอาการในผู้ป่วยระยะโรคแพร่กระจาย
- การใช้รังสีรักษา มีการใช้รังสีรักษา 2 กรณี ได้แก่
- การรักษาประคับประคองเพื่อบรรเทาอาการในผู้ป่วยที่ร่างกายไม่แข็งแรงพอ ที่จะให้การรักษาด้วยวิธีอื่นๆได้ หรือในผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
การรักษามะเร็งกระเพาะอาหารมีผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข้างเคียง (ผลแทรกซ้อน) จากการรักษาในแต่ละวิธีนั้นจะแตกต่างกันตามแต่ละวิธีที่ผู้ป่วยได้รับการรักษา และผลข้างเคียงอาจพบได้มากขึ้นหากผู้ป่วยได้รับการรัก ษาด้วยหลายๆวิธีร่วมกัน
- ผลข้างเคียงจากการผ่าตัด เช่น การสูญเสียอวัยวะ อาการปวด การมีเลือด ออก การติดเชื้อ และการบาดเจ็บจากการผ่าตัดถูกอวัยวะข้างเคียง
- ผลข้างเคียงจากรังสีรักษา คือ ผลข้างเคียงต่อผิวหนัง และต่อเนื้อเยื่อ/อวัยวะในช่องท้อง (การดูแลผิวหนัง และผลข้างเคียงต่อผิวหนังบริเวณฉายรังสีรักษา และผลข้างเคียงและวิธีดูแลตนเองเมื่อฉายรังสีรักษาบริเวณช่องท้อง และ/หรืออุ้งเชิงกราน)
- ผลข้างเคียงจากการให้เคมีบำบัด เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร กดการทำงานของไขกระดูกทำให้มีภาวะซีด ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (มีเลือดออกตามเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆได้ง่าย) และมีเม็ดเลือดขาวต่ำ (ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำจากเคมีบำบัดและ/หรือรังสีรักษา)
มะเร็งกระเพาะอาหารเป็นโรครุนแรงไหม?
ความรุนแรงของมะเร็งกระเพาะอาหารขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก คือ จากตัวผู้ป่วยเอง และจากการรักษา
- ปัจจัยจากตัวผู้ป่วยเอง ได้แก่
- อายุ คือ ผู้ป่วยอายุน้อย มักจะทนการรักษาได้ดีกว่าผู้ป่วยสูงอายุ จึงมีผลการรักษาที่ดีกว่า
- สุขภาพร่างกายทั่วๆไปของผู้ป่วย คือ ถ้าผู้ป่วยมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์จะสามารถทนการรักษาได้ดีกว่า จึงมีผลการรักษาดีกว่าด้วย
- โรคร่วมต่างๆของผู้ป่วย เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง อาจเป็นอุปสรรคต่อการรักษาและส่งผลให้มีผลข้างเคียงจากการรักษามาก กว่าคนปกติ
- ปัจจัยจากการรักษา กล่าวคือ ผู้ป่วยที่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดได้มักมีผลการรักษาที่ดีกว่าผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ โดยอัตรา อยู่รอดเมื่อสามารถผ่าตัดก้อนเนื้อมะเร็งได้หมดเป็นดังนี้ คือ
มีวิธีตรวจคัดกรองมะเร็งกระเพาะอาหารไหม? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
ปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีในการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งกระเพะอาหารตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ดังนั้นจึงควรสังเกตอาการผิดปกติต่างๆดังกล่าวแล้ว หากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่นๆ
ป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหารได้อย่างไร?
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร แต่มีข้อแนะนำ เพราะอาจลดโอกาสเกิดโรคนี้ได้บ้าง คือ การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคดังกล่าวแล้วที่หลีกเลี่ยงได้ เช่น การรับประทานอาหารปิ้งย่าง หมักดองอาหารเค็ม และการสูบบุหรี่
ดูแลตนเองอย่างไร? ดูแลผู้ป่วยมะเร็งอย่างไร?
การดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งและการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง อ่านเพิ่มเติมในบทความเรื่อง การดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งและการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง และ การดูแลตนเอง การดูแลผู้ป่วยเคมีบำบัด
ที่มา https://haamor.com/th/มะเร็งกระเพาะอาหาร/