บทนำ
ภาวะหายใจล้มเหลว (Respiratory failure) คือ ภาวะซึ่งระบบหายใจทำหน้าที่แลก เปลี่ยนก๊าซออกซิเจนกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ทำให้มีระดับออกซิเจนในเลือดแดงต่ำ (Hypoxia) หรือมีคาร์บอนไดออกไซด์คั่งในเลือดมาก (Hypercapnia) เป็นภาวะที่เป็นผลมาจากการเป็นโรคต่างๆ มีทั้งชนิดที่เกิดขึ้นเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง การรักษาคือการพยายามเพิ่มระดับออกซิเจน และการลดระดับคาร์บอนไดออกไซด์ ในเลือด ร่วมกับการรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ ซึ่งมีความแตกต่างกันไปในแต่ละโรค ภาวะหายใจล้มเหลว เป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติ โดยสา เหตุการเกิดจะแตกต่างกันไปในแต่ละเพศ แต่ละวัย
ระบบการหายใจทำงานอย่างไร?
การทำงานของระบบหายใจ ประกอบไปด้วย
- ระบบประสาทและสมองที่ทำหน้าที่ควบคุมการหายใจเข้า-ออก
- ระบบของกล้ามเนื้อทั้งกล้ามเนื้อกระบังลม และกล้ามเนื้อระหว่างซี่โครง ซึ่งทำหน้าที่ช่วยในการยืดขยายของปอด
- ส่วนปอดเองซึ่งประกอบไปด้วยทางผ่านเข้า-ออกของอากาศ (หลอดลม) และถุงลมซึ่งทำหน้า ที่แลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนกับคาร์บอนไดออกไซด์
- รวมไปถึงระบบการไหลเวียนโลหิต ที่นำเลือดที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไหลเวียนมาแลก เปลี่ยนกับก๊าซออกซิเจนจากอากาศในถุงลม และนำเลือดที่มีก๊าซออกชิเจนไปให้อวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ และผลิตเป็นพลังงานขึ้นมาใช้ในร่างกาย
ดังนั้นหากการทำงานของระบบต่างๆเหล่านี้ผิดปกติขึ้นมา ย่อมส่งผลต่อระบบการหายใจ และอาจทำให้เกิดภาวะหายใจล้มเหลวขึ้นมาได้
อะไรเป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงของภาวะหายใจล้มเหลว?
ภาวะหายใจล้มเหลว แบ่งออกได้เป็น
- ภาวะหายใจล้มเหลวที่มีระดับก๊าซออกซิเจนในเลือดแดงต่ำกว่าปกติ คือมีความดันก๊าซน้อยกว่า 60 มิลลิเมตรปรอท จะเรียกว่า Hypoxemic respiratory failure ผู้ป่วยในกลุ่มนี้จะมีระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดแดงเป็นปกติ หรือต่ำกว่าปกติเล็กน้อย สาเหตุเกิดจากความไม่สมดุลระหว่างอากาศ และเลือดที่ไหลเวียนเข้าสู่ปอดเพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซ โดยอาจเกิดจากมีอากาศไหลเวียนเข้าสู่ถุงลมเพียงพอ แต่มีเลือดไหลมาแลกเปลี่ยนก๊าซไม่เพียงพอ (เรียกว่าเกิด V/Q mismatch) หรือเกิดจากไม่มีอากาศไหลเวียนเข้าสู่ถุงลม แต่มีเลือดไหลมาที่ถุงลม ซึ่งทำให้เลือดไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนก๊าซเกิดขึ้น (เรียกว่าเกิด Shunt) ในทั้ง 2 กรณี ผลที่ตามมาคือทำให้มีระดับก๊าซออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าปกติ โรคและภาวะที่ทำเกิด V/Q mismatch และ Shunt เกิดขึ้น ได้แก่
- โโรคปอดบวมจากการติดเชื้อ โดยอาจเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือเชื้อโปรโตซัว/สัตว์เซลล์เดียว
- โรคหืด
- โรคทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรัง หรือโรคซีโอพีดี (COPD,Chronic obstructive pulmonary disease)โรคปอดเรื้อรังชนิดหนึ่งซึ่งเกิดจากหลอดลมติดเชื้อเรื้อรังร่วมกับถุงลมโป่งพอง
- โรคปอดอักเสบเรื้อรังที่มีพังผืดเกิดขึ้นในปอด (Pulmonary fibrosis)
- การเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดในปอด (Pulmonary embolism) เกิดได้จากหลายโรค เช่น โรคมะเร็งโรคการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น
- เกิดปอดแตก (Pneumothorax/เนื้อเยื่อปอดแตก ส่งผลให้มีอากาศเข้าไปอยู่ในช่องอก) เกิดได้จากหลายโรคเช่น อุบัติเหตุโดนมีดแทงทะลุปอด กระดูกซี่โครงหักทิ่มปอด เป็นโรคถุงลมโป่งพอง เป็นโรคมะเร็งปอดเป็นต้น
- ภาวะปอดแฟบ (Atelectasis/อากาศไม่สามารถเข้าไปในถุงลมได้ เนื้อเยื่อปอด/ถุงลมจึงแฟบลง) เกิดได้จากหลายโรค เช่น โรคมะเร็งปอด หรืออุบัติเหตุสำลักสิ่งแปลกปลอมแล้วไปอุดกั้นหลอดลม หรือ มีภาวะน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด เป็นต้น
- ภาวะน้ำท่วมปอด (Pulmonary edema/มีน้ำซึมจากหลอดเลือด เข้าไปอยู่ในเนื้อเยื่อปอด) เกิดได้จากหลายโรค เช่น หัวใจห้องล่างซ้ายทำงานล้มเหลว ไตวาย การได้รับสารน้ำมากเกิน ไป การหายใจเอาก๊าซพิษหรือควันไฟเข้าไป อุบัติเหตุจมน้ำ หรือโรคจากขึ้นที่สูง เป็นต้น
- ภาวะการหายใจล้มเหลวที่มีระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงกว่าปกติ คือมีความดันก๊าซมากกว่า 50 มิลลิเมตรปรอท จะเรียกว่า Hypercapnic respiratory failure นอก จากนี้ระดับก๊าซออกซิเจนในเลือดแดงก็จะต่ำกว่าปกติด้วย สาเหตุเกิดจากการหายใจเข้า ลดลง อาจเป็นจำนวนครั้งของการหายใจเข้าที่ลดลง หรือหายใจเข้าตื้นกว่าปกติ โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากโรคของระบบประสาทและกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ควบคุมหายใจเข้าออกของปอด เช่น
- อุบัติเหตุบริเวณไขสันหลังส่วนลำคอ
- โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
- โรคของกล้ามเนื้อ เช่น โรคโปลิโอ โรคกล้ามเนื้อเจริญผิดเพี้ยน (Muscular dystrophy) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิด Myasthenia gravis (โรคเอมจี/MG) เป็นต้น
- การได้รับสารพิษ หรือยาบางชนิดเกินขนาด เช่น ได้รับยามอร์ฟีนเกินขนาด หรือได้ยานอนหลับเกินขนาด
- ช่องของทรวงอกมีขนาดลดลง ทำให้ปอด ขยายตัวเวลาหายใจเข้าลดลง เช่น เป็นโรคกระ ดูกสันหลังส่วนอกคดผิดรูปรุนแรง หรือในโรคอ้วนมากๆ เป็นต้น
- โรคหืดชนิดรุนแรง
ภาวะหายใจล้มเหลวมีอาการอย่างไร?
อาการของภาวะหายใจล้มเหลว ขึ้นอยู่กับแต่ละโรค แต่ละภาวะที่เป็นสาเหตุ แต่โดยภาพ รวม
เมื่อเกิดภาวะหายใจล้มเหลวที่ทำให้มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อย รู้สึกหายใจไม่อิ่ม หากรุนแรงจะรู้สึกหายใจไม่ออก หายใจลำบาก เหมือนคนกำลังจมน้ำ นอกจากนี้ บริเวณริมฝีปาก เล็บ และผิวหนังจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ
ส่วนผู้ป่วยที่มีภาวะหายใจล้มเหลวที่มีระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูง มักจะมีอาการเหนื่อย และหายใจหอบลึก
ผู้ป่วยทั้ง 2 กลุ่ม หากอาการรุนแรงอาจมีอาการซึมจนถึงขั้นโคม่า กระสับกระส่าย หรือสับสนได้
แพทย์วินิจฉัยภาวะหายใจล้มเหลวอย่างไร?
สิ่งที่ต้องทำคู่กันเสมอเมื่อให้การวินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีภาวะหายใจล้มเหลวเกิดขึ้นแล้ว คือ ต้องให้การวินิจฉัยว่าผู้ป่วยเป็นโรค หรือมีภาวะอะไรที่เป็นสาเหตุ ผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าวข้างต้น หรือเป็นโรคที่มีโอกาสเกิดภาวะหายใจล้มเหลว การจะวิ นิจฉัยว่าเกิดภาวะหายใจล้มเหลวเกิดขึ้น อาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ คือ การเจาะเลือดจากหลอดเลือดแดง ดูค่าความดันก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ (Arterial blood gas ) โดยจะพบค่าความดันก๊าซออกซิเจนต่ำกว่า 60 มิลลิเมตรปรอท หรือพบค่าความดันก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์สูงกว่า 50 มิลลิเมตรปรอท นอกจากนี้การตรวจ Arterial blood gas จะช่วยบอกว่าผู้ป่วยเกิดอาการแบบเฉียบพลันหรือแบบเรื้อรังได้ โดยในผู้ป่วย Hypercapnic respira tory failure หากตรวจพบว่าเลือดเป็นกรด (pH อาการเฉียบพลัน แต่หากค่า pH ลดลงกว่าปกติเพียงเล็กน้อย แสดงว่าเกิดการหายใจล้มเหลวมานานหลายวันหรือมากกว่านั้นแล้ว
ส่วนในผู้ป่วย Hypoxemic respiratory failure จะใช้การตรวจเลือดดูปริมาณเม็ดเลือดแดง หากมีปริมาณเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติ บ่งว่าผู้ป่วยเกิดการหายใจล้มเหลวมาเรื้อรังแล้ว
เมื่อวินิจฉัยว่าเกิดภาวะหายใจล้มเหลวแล้ว แพทย์จะตรวจร่างกายและตรวจพิเศษอื่นๆ เพื่อหาสาเหตุ รวมทั้งภาวะแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ตัวอย่าง ได้แก่
- เอกซเรย์ปอด เพื่อวินิจฉัยว่ามีปอดบวมติดเชื้อ มีน้ำในปอด มีก้อนในปอด มีปอดแฟบ หรือ ไม่ เป็นต้น
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อดูว่ามีหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือไม่ เป็นต้น
- ตรวจอัลตราซาวน์หัวใจ เช่นดูว่ามีลิ้นหัวใจรั่วและทำให้เกิดภาวะหัวใจวายเกิดขึ้นหรือไม่ เป็นต้น
- ตรวจสมรรถภาพปอด เพื่อดูว่าเป็นโรคทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรังหรือไม่ เป็นต้น จะใช้ตรวจเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นมาเรื้อรัง เนื่องจากผู้ป่วยที่มีอาการเกิดขึ้นเฉียบพลัน สภาพร่างกายจะมักไม่สามารถตรวจด้วยวิธีนี้ได้
ภาวะหายใจล้มเหลวมีผลข้างเคียงอย่างไร?
ภาวะแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงที่เกิดจากภาวะหายใจล้มเหลว เกิดจากการที่อวัยวะต่างๆในร่างกายได้รับออกซิเจนจากเลือดไปเลี้ยงไม่พอ ร่วมกับภาวะที่เลือดเป็นกรดจากการมีระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้อวัยวะต่างๆทำงานผิดปกติไป ได้แก่
- ระบบไหลเวียนโลหิต ผู้ป่วยจะมีความดันโลหิตต่ำ มีหัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจเกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- ระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ ลำไส้หยุดการเคลื่อนไหว ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยปวดท้อง ท้องอืด อาเจียน ไม่ถ่ายอุจจาระ เกิดแผลในกระเพาะอาหาร อาจมีเลือดออกจากทางเดินอาหาร เป็นต้น
- เกิดไตวายเฉียบพลัน ทำให้ระบบสมดุลของเกลือแร่ และกรด-ด่างในร่างกายเสียไป
- เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในอวัยวะต่างๆ เช่น ปอดบวมติดเชื้อ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
นอกจากนี้อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นผลมาจากการให้ออกซิเจนและเครื่องช่วยหาย ใจด้วย เช่น การตั้งค่าความดันอากาศของเครื่องช่วยหายใจมากเกินไป อาจทำให้ปอดแตกได้ การให้ก๊าซหายใจที่มีเปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนสูงเป็นเวลานานเกินไป อาจทำให้เกิดปอดแฟบในผู้ใหญ่ หรือเกิดพังผืดในปอดร่วมกับตาบอดได้ในทารกที่คลอดก่อนกำหนด
ภาวะหายใจล้มเหลวรุนแรงไหม?
ภาวะหายใจล้มเหลว เป็นภาวะที่รุนแรง โดยอัตราการเสียชีวิตจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะหายใจล้มเหลว
ความรุนแรงของอาการ ยังขึ้นกับระดับออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดแดง ความรวดเร็วในการวินิจฉัยภาวการณ์หายใจล้มเหลว และให้การรักษาที่ทันท่วงที โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน
นอกจากนี้ความรุนแรงยังขึ้นกับโรคประจำตัว และอายุของผู้ป่วยอีกด้วย
มีแนวทางรักษาภาวะหายใจล้มเหลวอย่างไร?
แนวทางการรักษาภาวะหายใจล้มเหลว แบ่งออกเป็น การรักษาตัวภาวะหายใจล้มเหลวเอง และการรักษาโรค หรือภาวะที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหายใจล้มเหลว (ซึ่งจะไม่กล่าว ถึงในที่นี้ เพราะเป็นการรักษาที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ แต่ละสาเหตุ) สำหรับการรักษาภาวะหายใจล้มเหลว ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และการเกิดอา การว่า เป็นแบบเฉียบพลัน หรือเรื้อรัง
ผู้ป่วยที่มีอาการเกิดขึ้นเฉียบพลัน หรือผู้ป่วยที่เป็นเรื้อรังแต่เกิดอาการรุนแรงขึ้นมา จะ ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลภายในหอผู้ป่วยวิกฤต (ไอฃียู/ICU/Intensive Care Unit) โดยแพทย์จะแก้ไขให้ระดับออกซิเจนในเลือดแดงเพิ่มขึ้น และระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดแดงลดลง ได้แก่ การใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งอาจใส่ท่อช่วยหายใจให้ผู้ป่วยด้วยหรือไม่ก็ได้ ร่วมกับการให้ออกซิเจนเพิ่มในอากาศที่ผู้ป่วยใช้หายใจ
ในผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังและไม่รุนแรง สามารถให้การดูแลรักษาอยู่ที่บ้านได้ โดยใช้อุป กรณ์ต่างๆ เช่น ถังออกซิเจน สายให้ออกซิเจน หรืออาจใช้เป็นหน้ากากครอบให้ออกซิเจน บางรายอาจต้องมีเครื่องช่วยหายใจไว้ที่บ้านด้วย
ป้องกันภาวะหายใจล้มเหลวได้อย่างไร?
เนื่องจากภาวะหายใจล้มเหลวนั้นเป็นผลมาจากการเป็นโรค หรือภาวะต่างๆ การป้องกันจึงขึ้นกับการป้องกันโรคหรือภาวะต่างๆเหล่านั้น เช่น การป้องกันโรคปอดบวม หรือการป้องกันปอดบวมน้ำในโรคจากขึ้นที่สูง เป็นต้น
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไหร่?
การดูแลตนเองและการพบแพทย์เมื่อมีภาวะหายใจล้มเหลว คือ
- สำหรับผู้ป่วยเรื้อรังที่ดูแลรักษาอยู่กับบ้าน ต้องรู้จักวิธีใช้และการดูแลรักษาเครื่อง มืออุปกรณ์ต่างๆให้ถูกต้องเหมาะสม จัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้เหมาะสมกับโรคที่เป็นสา เหตุของภาวะหายใจล้มเหลว รวมทั้งเพื่อลดอาการเหนื่อยและความต้องการใช้ออกซิเจน เช่น พยายามไม่ให้ผู้ป่วยต้องใช้บันไดขึ้น-ลงเพื่อทำกิจวัตรต่างๆ หากสภาพแวดล้อมที่บ้านตั้งอยู่ในที่มีฝุ่นละอองหรือควันเยอะ ควรใช้เครื่องฟอกอากาศ เป็นต้น
- ผู้ป่วยเรื้อรังจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการบริหารเพื่อเพิ่มสมรรถภาพของปอดที่เหมาะสมในแต่ละโรค ผู้ป่วยจึงควรปฏิบัติตามอย่างสม่ำเสมอ
- หากผู้ป่วยเรื้อรังมีอาการกำเริบ เช่น รู้สึกเหนื่อยขึ้นจากเดิมเมื่อทำกิจกรรมเดียวกัน หรือเหนื่อยจนรู้สึกหายใจไม่ออก ควรรีบพบแพทย์ก่อนนัด
- ผู้ป่วยทุกประเภท หากสูบบุหรี่ หรือยาเส้นต่างๆ ต้องหยุดสูบ เพราะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่างๆ ที่จะนำมาซึ่งภาวะหายใจล้มเหลว และทำให้ผู้ที่มีภาวะหายใจล้มเหลวแล้ว รักษาไม่หายหรือมีอาการกำเริบขึ้นได้
ที่มา https://haamor.com/th/ภาวะหายใจล้มเหลว/