บทนำ
ต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis) คือ โรคที่เกิดจากการอักเสบติดเชื้อของต่อมทอนซิล ซึ่งเป็นต่อมคู่ ซ้าย และขวา โดยเป็นต่อมน้ำเหลืองในลำคอ อยู่ด้าน ข้างใกล้กับโคนลิ้น ทำหน้าที่ช่วยกำจัดเชื้อโรคที่เข้าสู่ลำคอ เช่น จากอาหาร น้ำดื่ม และการหายใจ เป็นเนื้อเยื่อไม่สำคัญ ตัดออกได้ เพราะมีต่อมน้ำเหลืองอื่นๆทำหน้าที่เหล่านี้แทนได้ ต่อมทอนซิลอักเสบมักเกิดร่วมกับลำคออักเสบเสมอ ดัง นั้น เมื่อกล่าวถึงต่อมทอนซิลอักเสบ จึงหมายรวมถึงลำคออักเสบด้วย
ต่อมทอนซิลอักเสบเป็นโรคพบได้บ่อยโรคหนึ่ง พบได้ในทุกอายุ แต่พบได้บ่อยกว่าในเด็ก และไม่ค่อยพบในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ โอกาสเกิดโรคเท่ากันทั้งในเพศหญิงและเพศชาย
ต่อมทอนซิลอักเสบพบได้ทั้งการอักเสบติดเชื้อเฉียบพลัน ซึ่งเมื่อเกิดมักมีอาการรุนแรงกว่า แต่รักษาหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ และอักเสบเรื้อรัง เป็นๆหายๆ อาการแต่ละครั้งน้อยกว่าชนิดเฉียบพลัน แต่มีอาการอักเสบเฉียบพลันซ้อนได้เป็นระยะๆ ซึ่งนิยามของต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง ได้แก่ มีต่อมทอนซิลอักเสบเกิดขึ้นอย่างน้อย 7 ครั้งใน 1 ปีที่ผ่านมา หรือ อย่างน้อย 5 ครั้งทุกปี ติดต่อกันใน2 ปีที่ผ่านมา หรืออย่างน้อย 3 ครั้งทุกปี ติดต่อกันใน 3 ปีที่ผ่านมา
ต่อมทอนซิลอักเสบมีสาเหตุจากอะไร? ติดต่อได้ไหม?
ต่อมทอนซิลอักเสบส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อไวรัส ซึ่งพบได้สูงกว่าการติดเชื้ออื่นๆประมาณ 70-80% ของต่อมทอนซิลอักเสบทั้งหมด (เชื้อไวรัสที่ก่อโรคต่อมทอนซิลอักเสบมีหลายชนิด เช่น ชนิดเดียวกับที่ก่อโรคหวัดธรรมดา และโรคไข้หวัดใหญ่ เช่นกลุ่ม อะดีโนไวรัส/Adenovirus และกลุ่มอินฟลูเอ็นซา/Influen za) เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียประมาณ 15-20% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อ สเตรป กลุ่ม เอ (Group A beta hemolytic streptococcus) หรือ ที่เรียกว่า สเตรปโธรท (Strep throat) และจากติดเชื้อราประมาณ 5% ซึ่งมักพบในคนมีภูมิ คุ้มกันต้านทานโรคต่ำ เช่น ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
ต่อมทอนซิลอักเสบ ติดต่อได้เช่นเดียวกับในโรคหวัดทั่วไป และในโรคไข้หวัดใหญ่ คือ จากการสัมผัสเชื้อโรคจากผู้ป่วย จากการ ไอ จาม หายใจ การสัมผัสสารคัดหลั่งจากจมูก และช่องปาก เช่น น้ำมูก น้ำลายผู้ป่วย และจากใช้ของใช้ส่วนตัวที่สัมผัสสารคัดหลั่งดังกล่าวของผู้ป่วยร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดหน้า
ต่อมทอนซิลอักเสบมีอาการอย่างไร?
โรคต่อมทอนซิลอักเสบ มักเกิดร่วมกับการอักเสบติดเชื้อของลำคอเสมอ ทางการแพทย์จึงมักจัดรวมอยู่ในโรคลำคออักเสบ โดยทั่วไปต่อมทอนซิลอักเสบมีระยะฟักตัวของโรคประมาณ 2-4 วัน แต่เมื่อเป็นการติดเชื้อ สเตร็ป ระยะฟักตัวอาจสั้นเพียง 12 ชั่วโมง
อาการพบบ่อยของต่อมทอนซิลอักเสบ ได้แก่
- เจ็บคอ กลืน/ดื่มเจ็บ กดเจ็บบริเวณคอตรงตำแหน่งของต่อมทอนซิล มีกลิ่นปาก
- มีไข้ได้ทั้งไข้สูง หนาวสั่น หรือ ไข้ต่ำ ขึ้นกับชนิดของเชื้อโรค เช่น ติดเชื้อไวรัสไข้สูงกว่าจากติดเชื้อแบคทีเรีย
- ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยเนื้อตัว อาจมีตาแดง
- คัดจมูก มีน้ำมูกแต่ไม่มาก น้ำมูกมักใส
- อาจร่วมกับปวดหู เพราะการอักเสบของคอ มักส่งผลถึงการอักเสบของหู เพราะเป็นอวัยวะที่ติดต่อถึงกันได้ จากหูชั้นกลางมีท่อซึ่งเชื่อมต่อกับลำคอ
- อาจร่วมกับมีเสียงพูดเหมือนอมอะไรอยู่ จากมีต่อมทอนซิลโตคับในช่องคอ
- ต่อมทอนซิลอาจโตเล็กน้อย หรือ โตมาก มักโตทั้งสองข้าง แดง อาจมีสารคัดหลั่งสีเหลืองๆปกคลุม หรือ มีจุดขาวๆ เหลืองๆคล้ายหนองกระจายทั่ว ไป
- อาจมีต่อมน้ำเหลืองด้านหน้าลำคอส่วนบน โตทั้งสองข้าง คลำได้ และเจ็บเมื่อติดเชื้อแบคทีเรีย แต่ถ้าจากเชื้อไวรัส มักเป็นต่อมน้ำเหลืองด้านหลังลำคอ ใกล้กกหู โต คลำได้ แต่จะมีขนาดเล็กกว่ามากจากการติดเชื้อแบค ทีเรีย
แพทย์วินิจฉัยต่อมทอนซิลอักเสบได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคต่อมทอนซิลอักเสบได้จาก ประวัติอาการ การตรวจร่าง กาย การตรวจในคอ ดูต่อมทอนซิล ตรวจคลำต่อมน้ำเหลืองลำคอ และอาจมีการตรวจเลือด หรือการตรวจอื่นๆเพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นกับอาการผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์
รักษาต่อมทอนซิลอักเสบอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ คือ รักษาสาเหตุ เมื่อเกิดจากเชื้อไวรัส การรักษาคือ รักษาประคับประคองตามอาการเช่น ยาแก้ปวด/เจ็บ ยาลดไข้ ไม่มีการให้ยาปฏิชีวนะ เพราะยังไม่มียาปฏิชีวนะที่ฆ่าไวรัสได้ ยาปฏิชีวนะใช้ฆ่าแบคทีเรีย ส่วนเมื่อสาเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย การรักษา คือ การให้ยาปฏิชีวนะ และเมื่อเกิดจากเชื้อรา การรักษาคือให้ยาฆ่าเชื้อรา
นอกจากนั้น การรักษาที่สำคัญ คือ รักษาประคับประคองตามอาการ เช่น พักผ่อนมากๆ กินยาแก้ปวด/เจ็บ ยาลดไข้ และดื่มน้ำสะอาดมากๆอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้วเมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม เช่น โรคหัวใจล้มเหลว
ในบางครั้ง เมื่อเป็นต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง ซึ่งรักษาแล้วไม่ดีขึ้นถึงแม้ได้ รับยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้อง หรือ มีต่อมทอนซิลโตมากจนอุดกั้นทางเดินหายใจ จนต้องหายใจทางปากช่วยเสมอ หรือก่ออาการนอนกรน หรือ โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ หรือ มีต่อมทอนซิลโตเพียงข้างเดียวซึ่งอาจเป็นอาการของโรคมะเร็งต่อมทอนซิล หรือ โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองของต่อมทอนซิล แพทย์มักแนะนำการรักษาโดยการผ่าตัดต่อมทอนซิล
ต่อมทอนซิลอักเสบมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง?
ผลข้างเคียงจากโรคต่อมทอนซิลอักเสบ คือ การอักเสบอาจรุนแรงจนเกิดต่อมทอนซิลและเนื้อเยื่อรอบๆต่อมทอนซิลเป็นหนอง ซึ่งต้องรักษาด้วยการผ่าตัดต่อมทอนซิล หรือ เมื่อเกิดจากติดเชื้อสเตรป และได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง อาจมีผลข้างเคียงเป็นโรคไตเรื้อรัง หรือ โรคลิ้นหัวใจได้ ซึ่งสาเหตุยังไม่ทราบชัดเจน แต่เชื่อว่า อาจเกิดจากพิษของแบคทีเรีย หรือร่างกายสร้างสารต้านต่อพิษของแบคทีเรีย หรือต่อตัวแบคทีเรียเอง เป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ และอวัยวะต่างๆได้ทั่วร่างกาย
ต่อมทอนซิลอักเสบรุนแรงไหม?
โดยทั่วไป ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นโรคไม่รุนแรง รักษาหายได้ภายในประมาณ 7-10 วัน ยกเว้นเมื่อเกิดผลข้างเคียงดังกล่าว
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
เมื่อมีอาการเจ็บคอ อาจร่วมกับมีไข้ ควรดูแลตนเองดังนี้
- หยุดงาน หยุดเรียน จนกว่าไข้ลงอย่างน้อย 1 วัน เพื่อการพักผ่อนเต็มที่ และป้องกันเชื้อแพร่กระจายสู่ผู้อื่น
- ดื่มน้ำสะอาดให้ได้มากๆอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อร่างกายแข็งแรงลดโอกาสติดเชื้อรุนแรง และลดการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
- แยกของใช้ส่วนตัว โดยเฉพาะแก้วน้ำและช้อน
- กินยาลดไข้ ควรเป็นยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ไม่ควรกินแอสไพ รินเพราะอาจเกิดแพ้ยาแอสไพรินได้
- บ้วนปากด้วยน้ำเกลือโรงพยาบาล (มีขายตามร้านขายยาทั่วไป เรียกว่า นอร์มัลซาไลน์/Normal saline) บ่อยๆ เพื่อรักษาความสะอาดช่องปาก และเพื่อให้ช่องปากชุ่มชื้น
- อมยาบรรเทาอาการเจ็บคอ ซื้อยาอมได้เองตามร้านขายยาทั่วไป
- เมื่อเจ็บคอ และมีต่อมทอนซิลโต (ส่องกระจก และอ้าปากดู จะเห็นต่อมทอนซิลอยู่ด้านข้างลำคอ ใกล้โคนลิ้นทั้งสองข้าง) ควรรีบพบแพทย์เมื่อ
- มีไข้ ร่วมกับมีต่อมน้ำเหลืองที่ลำคอโต เพราะมักเป็นการติดเชื้อจากแบคทีเรีย ซึ่งไม่สามารถรักษาหายได้จากการดูแลตนเอง
- เมื่อมีต่อมทอนซิลโตเพียงข้างเดียว เพราะอาจเป็นอาการจากโรคมะเร็งได้ ดังกล่าวแล้ว
- ต่อมทอนซิลเป็นหนอง
- เมื่อดูแลตนเองแล้ว ไข้ไม่ลงภายใน 2-3 วัน
- หายใจลำบาก
- กินอาหาร หรือ ดื่มน้ำได้น้อยจากเจ็บคอมาก ในเด็กเล็กอาจกลืน น้ำลายไม่ได้ น้ำลายไหล
- มีผื่นขึ้นตามตัว
- เมื่ออาการต่างๆเลวลง หรือ ไม่ดีขึ้น ภายหลังการดูแลตนเอง 1-2 วัน
ป้องกันต่อมทอนซิลอักเสบอย่างไร?
การป้องกันโรคต่อมทอนซิลอักเสบที่สำคัญ คือ
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
- ล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆโดยเฉพาะก่อนกินอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ นอนอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการคลุกคลี สัมผัสผู้ป่วยโรคนี้
ที่มา https://haamor.com/th/ต่อมทอนซิลอักเสบ/