การใช้ยายุติการตั้งครรภ์ (Medical Abortion Pill)


1,510 ผู้ชม


ระบบและอวัยวะที่เกี่ยวข้อง :

ระบบอวัยวะสืบพันธุ์สตรี 

อาการที่เกี่ยวข้อง :

การตั้งครรภ์ที่ไม่วางแผนคืออะไร?

การตั้งครรภ์ที่ไม่วางแผน (Unplanned pregnancy) หมายถึง การตั้งครรภ์ที่ขาดการวางแผน หรือไม่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้า เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการคุมกำเนิด หรืออาจใช้วิธีคุมกำ เนิดแต่ไม่ถูกต้อง หรือมีความล้มเหลวของวิธีการคุมกำเนิดที่ใช้

การตั้งครรภ์ที่ไม่ปรารถนาหรือการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์คืออะไร?

การตั้งครรภ์ที่ไม่ปรารถนาหรือการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ (Unwanted pregnancy) หมายถึง การตั้งครรภ์ที่ไม่เป็นที่ต้องการ หรือเมื่อไม่พร้อม เป็นการตั้งครรภ์ที่ตนเองไม่ยอมรับ

การแท้งหมายถึงอะไร?

การแท้ง (Abortion) หมายถึง การสิ้นสุดการตั้งครรภ์ก่อนถึงระยะที่ทารกจะสามารถเลี้ยงรอดได้ โดยขึ้นอยู่กับความสามารถของกุมารแพทย์ในการดูแลการคลอดก่อนกำหนดให้มีชีวิตรอด ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ตามนิยามขององค์การอนามัยโลก ถือเอาการสิ้นสุดการตั้งครรภ์ก่อน 28 สัปดาห์ หรือน้ำหนักทารกต่ำกว่า 1,000 กรัม

ประเทศไทยมีกฎหมายควบคุมการทำแท้งหรือไม่?

การทำแท้งในประเทศไทยถือว่าผิดกฎหมาย ตามมาตรา 301-305 แห่งประมวลกฎ หมายอาญา พ.ศ. 2548 ยกเว้นตามมาตรา 305 โดยเป็นการกระทำของแพทย์และ

  1. เป็นกรณีที่จำเป็นต้องกระทำเนื่องจากปัญหาสุขภาพทางกายของหญิงมีครรภ์หรือ
  2. หญิงมีครรภ์ เนื่องจากการกระทำตามความผิดอาญา (การข่มขืนกระทำชำเรา)

การยุติการตั้งครรภ์แบ่งเป็นกี่วิธี? อะไรบ้าง?

การยุติการตั้งครรภ์ (Termination of pregnancy) แบ่งเป็น 2 วิธีใหญ่ๆ คือ

  1. การยุติการตั้งครรภ์โดยวิธีใช้ยา (Medical abortion) คือการใช้สารที่ออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมเพื่อทำให้เกิดการแท้ง
  2. การยุติการตั้งครรภ์โดยวิธีทางศัลยกรรม (Surgical abortion) คือการใช้เครื่องมือทางการแพทย์สอดผ่านปากมดลูกหรือการผ่าตัดผ่านหน้าท้องเข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อทำให้เกิดการแท้ง แบ่งเป็น

ยาเม็ดที่ใช้ยุติการตั้งครรภ์มีกี่ชนิด? อะไรบ้าง?

ยาเม็ดที่ใช้ยุติการตั้งครรภ์มี 2 ชนิด คือ

  1. การใช้สารต่อต้านฮอร์โมนโปรเจสเตโรน/Progesterone (มิฟีพริสโตน/Mifepristone,Ru-486) ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์โดยการจับกับตัวรับ (Receptor) ของฮอร์โมนโปรเจสเตโรน จึงทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวในเยื่อบุโพรงมดลูกได้ยาได้ผลดีในการยุติการตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์ไม่เกิน 63 วัน หรือ 9 สัปดาห์ (นับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย) และสามารถนำมาใช้สำหรับการคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินภายหลังการมีเพศสัมพันธ์ได้

    ขณะนี้องค์การอาหารและยาของประเทศไทย (อย.) อยู่ในระหว่างพิจารณานำยาเข้ามาใช้ในประเทศไทย

  2. การใช้ยาในกลุ่มพรอสตาแกลนดิน/Prostaglandin (Misoprostol หรือ Cytotec®) เป็นยาที่เดิมใช้รักษาโรคกระเพาะอาหาร โดยมีผลข้างเคียงทำให้ปากมดลูกบางและมดลูกบีบตัว ปัจจุบันองค์การอาหารและยาของประเทศไทย ประกาศเป็นยาควบคุมพิเศษ สามารถใช้ได้โดยแพทย์ในโรงพยาบาลเท่านั้น

สูตรยาที่ใช้ในการยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมมีอะไรบ้าง?

เนื่องด้วยการใช้ยาในกลุ่มพรอสตาแกลนดินชนิดเดียวเพื่อยุติการตั้งครรภ์ในอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ มีประสิทธิภาพไม่ดีนัก มักใช้เวลานาน มีอาการข้างเคียงต่างๆมาก เช่น คลื่นไส้ อาเจียน จึงมีการคิดค้นการใช้ยาในกลุ่มพรอสตาแกลนดินร่วมกับยาต่อต้านฮอร์โมนโปรเจสเตโรน ซึ่งให้ประสิทธิภาพในการยุติการตั้งครรภ์ถึง 92-98% ในอายุครรภ์ไม่เกิน 63 วันหรือ 9 สัปดาห์

ปี ค.ศ.2000 (พ.ศ.2543) องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA,Food and Drug Administration) ให้การรับรองการใช้สูตรยา โดยให้กิน Mifepristone 600 มิลลิกรัม (มก.) จากนั้นอีก 36-48 ชม. ให้ตามด้วยการกิน Misoprostol 400 ไมโครกรัม เพื่อยุติการตั้ง ครรภ์ในอายุครรภ์ไม่เกิน 49 วันหรือ 7 สัปดาห์

ปี ค.ศ.2003 (พ.ศ.2546) องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้สูตร โดยกิน Mifepristone 200 มก. จากนั้นอีก 36-48 ชม. ให้ตามด้วยการกิน Misoprostol 400 ไมโครกรัม หรือ ตามด้วยการใช้ Misoprostol 800 ไมโครกรัม เหน็บทางช่องคลอด

ข้อห้ามในการใช้ยายุติการตั้งครรภ์มีอะไรบ้าง?

ข้อห้ามการใช้ยายุติการตั้งครรภ์มีดังนี้

  1. มีประวัติแพ้ยาMifepristone หรือ Misoprostol
  2. เป็นโรคเลือด เลือดจาง (ภาวะซีด)
  3. กำลังรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาต้านการทำงานของเกล็ดเลือด
  4. การตั้งครรภ์นอกมดลูก
  5. การตั้งครรภ์โดยมีห่วงอนามัยอยู่ภายในโพรงมดลูก
  6. กำลังเป็นโรคไต หรือโรคตับ
  7. มีความผิดปกติทางจิตเวช
  8. อายุครรภ์เกิน 63 วัน หรือ 9 สัปดาห์

ขั้นตอนในการยุติการตั้งครรภ์มีอะไรบ้าง?

เนื่องจากยาที่ใช้ในการยุติการตั้งครรภ์เป็นยาที่มีอันตราย เป็นยาควบคุมพิเศษที่ต้องสั่งใช้โดยแพทย์ในโรงพยาบาลเท่านั้น อีกทั้งก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ หากใช้ไม่ถูกต้อง

ดังนั้นเมื่อเกิดการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ควรปรึกษาคู่สมรส บิดา มารดา เพื่อวางแผนต่อไปในอนาคต หากหาทางออกไม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์ พยาบาล เช่น คลินิกวางแผนครอบครัว คลินิกวัยรุ่น เพื่อร่วมกันหาทางออกของการตั้งครรภ์ไม่พร้อม เช่น การจัดหาผู้อุปการะเลี้ยงดูบุตรให้ในอนาคต หรือการจัดหาที่พักอาศัยชั่วคราวในกรณีที่ไม่สามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมได้ ในกรณีที่ต้องการตั้งครรภ์ต่อ

ส่วนกรณีที่มีผลกระทบต่อจิตใจสตรีตั้งครรภ์อย่างรุนแรง และเลือกยุติการตั้งครรภ์ ต้องมีการซักประวัติ ตรวจร่างกาย เพื่อหาข้อห้ามในการใช้ยายุติการตั้งครรภ์ ต้องมีการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อยืนยันอายุครรภ์ไม่เกิน 63 วันหรือ 9 สัปดาห์ และยืนยันว่าเป็นการตั้งครรภ์ในมดลูก จากนั้นต้องได้รับคำอธิบายเกี่ยวกับการใช้ยา ผลข้างเคียงของยาที่อาจเกิดขึ้น เมื่อสตรีตั้งครรภ์สามารถยอมรับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น จึงได้รับยายุติการตั้งครรภ์ 2 ชนิด โดยนิยมใช้สูตรยาขององค์การอนามัยโลก

หลังกินยาประมาณ 4-6 ชม. จะเกิดการแท้งมีก้อนเลือดออกทางช่องคลอด

หลังกินยายุติการตั้งครรภ์ ต้องมาพบแพทย์ตรงตามนัดเสมอ เพื่อตรวจยืนยันว่าเป็นการแท้งครบ/การแท้งครบสมบูรณ์ (Complete abortion) หากเป็นการแท้งไม่ครบ (Incomplete abortion) คือ มีชิ้นส่วนของทารก หรือของรกค้างในโพรงมดลูก จำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะร่วมกับการขูดมดลูก

ผลข้างเคียงจากการใช้ยายุติการตั้งครรภ์มีอะไรบ้าง?

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยายุติการตั้งครรภ์ คือ

  1. มีเลือดออกทางช่องคลอดมาก ตกเลือด
  2. มีไข้
  3. คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว/ท้องเสีย
  4. ปวดท้อง ปวดแบบปวดบีบ
  5. มีการอักเสบในอุ้งเชิงกราน

ดูแลตนเองอย่างไร เมื่อกินยายุติการตั้งครรภ์?

หลังกินยายุติการตั้งครรภ์ อาจมีอาการปวดบีบท้อง มีเลือดหรือก้อนเลือดออกจากช่องคลอด ให้งดทำงานหนัก พักผ่อนมากๆ งดมีเพศสัมพันธ์ สังเกตอาการเลือดออกทางช่องคลอด ถ้ามีชิ้นเนื้อคล้ายพุงปลาสันนิษฐานว่าเกิดการแท้ง โดยถ้าเป็นการแท้งครบ เลือดจะออกกะปริด กะปรอย และค่อยๆลดปริมาณลงจนหายไป/ไม่มีเลือดออกอีกในระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยอาจมีอาการปวดหน่วงท้องเล็กน้อย

แต่ถ้าหลังมีชิ้นเนื้อออกมา ยังมีเลือดออกทางช่องคลอดปริมาณมาก มีกลิ่นเหม็น และ/หรือปวดท้องมาก ควรรีบพบแพทย์ภายใน 1-2 วัน หรือ ฉุกเฉิน ขึ้นกับความรุนแรงของอาการ เพราะอาจเกิดจากการแท้งไม่ครบ และ/หรือการติดเชื้อ

อาการที่ต้องรีบพบแพทย์หลังรับประทานยายุติการตั้งครรภ์มีอะไรบ้าง?

หลังรับประทานยายุติการตั้งครรภ์ ควรสังเกตอาการตนเองหากมีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบมาพบแพทย์ หรือมาโรงพยาบาลฉุกเฉินขึ้นกับความรุนแรงของอาการ

  1. มีเลือดออกทางช่องคลอดมาก โดยใช้ผ้าอนามัยมากกว่า 2 แผ่นต่อชั่วโมง ติดต่อกันเกิน 2 ชั่วโมง
  2. มีไข้สูงกว่าหรือเท่ากับ 38oC (Celsius) หรือมีไข้หลังรับประทานยายุติการตั้งครรภ์เกิน 48 ชั่วโมง
  3. หลังรับประทานยาฯเกิน 24 ชั่วโมง มีอาการปวดท้องมาก คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว/ท้องเสีย
  4. มีสารคัดหลั่งทางช่องคลอด มีกลิ่นเหม็น

ดูแลตนเองอย่างไรและควรดูแลไปนานเท่าไรหลังแท้งแล้ว?

หลังแท้งควรงดทำงานหนัก งดยกของหนัก สังเกตปริมาณเลือดที่ออกจากช่องคลอด ปริมาณของเลือดที่ออกควรลดลง ปวดท้องได้เล็กน้อย งดสวนล้างช่องคลอด งดลงแช่น้ำเพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้

ควรปรึกษากับคู่นอนเรื่องการคุมกำเนิดเพื่อลดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ หากมีข้อสง สัยควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์ (คลินิกวางแผนครอบครัว/บทบาทของการวางแผนครอบครัว) เพื่อหาวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับเราและกับคู่ของเรา

จะกลับมามีเพศสัมพันธ์ได้อีกเมื่อไร?

ควรงดมีเพศสัมพันธ์ และงดสวนล้างช่องคลอดอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังแท้ง หากหลังแท้ง 2 สัปดาห์ยังมีเลือดออกทางช่องคลอด ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ ควรเว้นช่วงการตั้งครรภ์อย่างน้อย 2-3 เดือน และควรคุมกำเนิดก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ และ ปรึกษาแพทย์/บุคลากรทางการแพทย์ในเรื่องคุมกำเนิดเพื่อให้เหมาะสมกับตนเองและกับคู่นอน (บทบาทของการวางแผนครอบครัว)

หลังแท้งยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เหมือนคนปกติไหม?

หลังแท้ง หากเป็นการแท้งครบ ไม่ได้รับการขูดมดลูก โอกาสการตั้งครรภ์ และโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์เหมือนการตั้งครรภ์ปกติ แต่ถ้าได้รับการขูดมดลูก จะมีโอ กาสเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ครั้งต่อไปเพิ่มขึ้นเช่น รกเกาะต่ำ และ/หรือ รกติดแน่น

 


ที่มา   https://haamor.com/th/การใช้ยายุติการตั้งครรภ์/

อัพเดทล่าสุด