วิตามิน ใน เครื่องสำอาง


857 ผู้ชม


วิตามิน ใน เครื่องสำอาง

วิตามิน อะไรบ้างที่นิยมใช้ใน เครื่องสำอาง

การเลือกซื้อ เครื่องสำอาง ควรอ่านสลากที่ติดอยู่ที่กล่อง หรือ ขวดของ เครื่องสำอาง ค่ะ ซึ่งนอกจากจะบอกรายละเอียดชื่อ และ สรรพคุณของ เครื่องสำอาง แล้ว ยังบอกถึงส่วนประกอบต่างๆ ของ เครื่องสำอาง นั้นๆ รวมทั้งวันที่ผลิต ผู้ผลิต และ ผู้จัดจำหน่าย เครื่องสำอาง

ส่วนประกอบของ เครื่องสำอาง มีความสำคัญมากค่ะที่จะบอกให้เรารู้ว่า เครื่องสำอาง นั้นๆ มีสรรพคุณดีจริงอย่างคำโฆษณาหรือเปล่า

เรามาทำความรู้จัก วิตามิน ต่างๆ ที่นิยมใช้ในเครื่องสำอาง กันค่ะ

วิตามินอี

วิตามินอี  ที่ใช้ในการผสม เครื่องสำอาง คือ tocopheryl acetate จะเป็นน้ำข้นเหนียวๆ เหลืองเข้มออกสีอ่อนๆ และออกฤทธิ์ได้ดี เมื่ออุณหภูมิของผลิตภัณฑ์ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส และควรมีpH ประมาณ 3.5-8

คุณสมบัติของวิตามินชนิดนี้

วิตามินอี เป็น วิตามิน คุ้มกันความชรา และยังสามารถทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น โดยการผสม วิตามินอี 1-25% จะสามารถทำให้น้ำใต้ผิวหนังไม่ระเหยออกไป จึงมองดูผิวเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่นซึ่งถ้าสามารถเตรียมให้ได้ฤทธิ์ดังกล่าวแล้ว ก็คงจะทำให้หน้าผากไม่ย่น ตีนกาไม่เกิด ผิวที่แขนและอกเรียบเนียน จึงมี วิตามินอี ขายตามท้องตลาดมากมา ราว ๆ 10 กว่าปีแล้ว

นอกจากนี้ วิตามินอี กระตุ้นให้บาดแผลหายเร็ว ดังนั้นเมื่อมีรอยถลอกหรือมีบาดแผล และเริ่มหายแล้ว การทาวิตามินอี จะช่วยให้แผลตื้น และ ไยคอลลาเจน สร้างสะสมออกมาป้องกันแผลเป็นอีกด้วย ฤทธิ์ที่สำคัญอีกอย่างของวิตามินชนิดนี้ คือ ลดอาการแดง ลดอาการบวมจากการอักเสบ ลดการหลั่งสารฮีสตามีน ซึ่งสารนี้ทำให้เกิดอาการคันภายหลังถูกยุงกัด หรือการระคายผิว ดังนั้นผู้ที่ทา ครีมผสมวิตามิน ชนิดนี้ ควรจะคันน้อยลง หรือไม่คันเมื่อถูกยุงกัด

การ ทาวิตามินอี ลงบนผิว จะถูกดูดซึมผ่านชั้นขี้ไคล หนังกำพร้า หนังแท้ ต่อมขนและต่อมไขมัน ลงไปสะสมอยู่ในส่วนต่างๆ นี้ ประมาณ 4-6 ชั่วโมง แล้วสลายตัวไป

ผลิตภัณฑ์ทาผิว เมื่อผสม วิตามินอี แล้ว จะทำให้ผิวหนังชุมชื้น อ่อนนุ่ม แก่ช้า ถ้าผสมลงในยากันแดด จะทำให้ยากันแดด มีคุณสมบัติป้องกันแดดได้มากขึ้นกว่าเดิม

ผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่ผสม วิตามินอี น่าจะมีผลในการป้องกัน การทำลายของเส้นผมจากแสงแดด ช่วยป้องกันชั้นเคอราติน (ชั้นนอกสุดของเส้นผม) ทำให้ผมมีความแข็งแรงทนทานต่อการ ไดร์ผม กระชากผม รวมถึงการดัดผม ยืดผม บ่อย ๆ ด้วย       

 ดี แพนทีนอล (D-panthenol)

พบมากในผลิตภัณฑ์สระผมหรือบำรุงผม   วิตามิน  ชนิดนี้มีอยู่ในผิวพรรณ ในรูปของ D-panthenol และ panthothenic acid ละลายได้ดีในน้ำ จึงอยู่ในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผมได้ดี มีหน้าที่ในการทำเกิดความชุ่มชื่น เพราะอุ้มน้ำไว้ ทำให้แผลหายเร็วเพราะกระตุ้นการติดของผิวหนังและเส้นผม เมื่อถูกทำลายด้วยสารเคมีต่าง ๆ

เมื่อผสมลงในผลิตภัณฑ์บำรุงผม จะออกฤทธิ์ป้องกันความแห้งกรอบ ของเส้นผม ซ่อมแซมผิวรอบนอกของเส้นผมที่ถูกกัดกร่อนโดยน้ำยาดัด น้ำยายืด และความร้อนจากการอบ ไดร์ผม ช่วยเสริมสร้างเส้นผมให้มีเงางาม และยังป้องกันการเกิดรังแคด้วย

ถ้าผสม D-panthenol ลงในครีมบำรุงผิว จะทำให้ผิวมีความ ชุ่มชื่น ลดการอักเสบ และรอยแดง แม้ตากแดดนาน นอกจากนี้ยังกระตุ้นการสร้างเซลล์ของผิวหนัง ทำให้แผลหายเร็ว ฤทธิ์ต่างๆ คล้ายกับ วิตามินอี ยกเว้นไม่ป้องกันความชราเท่านั้น

ลิปสติก บางยี่ห้อจะใส่ D-panthenol ด้วย เพื่อต้องการให้ริมฝี ปากมีความชุ่มชื้น ไม่แห้งลอก และตกสะเก็ด ดังนั้นจึงควรเลือกลิปสติกที่ผสม วิตามิน ชนิดนี้มาใช้ในประจำวัน

น้ำยาที่ใช้ภายหลังโกนหนวด (after shave lotion) บางชนิดก็ นิยมผสม วิตามิน นี้ลงไปด้วย เพราะในการโกนหนวดมักมีบาดแผลถลอก เกิดได้โดยง่าย การทางผลิตภัณฑ์นี้จะทำให้แผลถลอกหายได้เร็ว และไม่ใคร่เกิดแผลเป็น

 น้ำยาทาเล็บ ก็นิยมผสม D-panthenol เช่นกัน โดยทำให้เล็บ เป็นเงางาม ตัดง่าย ไม่เปราะและฉีกขาดเมื่อกระแทก

ยาสีฟันบางชนิดก็ผสมแต่ควรใช้ D-panthenol ไม่เกิน 1% โดยน้ำหนัก              

วิตามินเอฟ

วิตามิน ตัวนี้สร้างได้ในร่างกายมนุษย์ มีคุณสมบัติในการป้องกันการระเหยของน้ำจากผิวและเส้นผม นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวและเส้นผมซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดีอีกด้วย

ดังนั้นผลิตภัณฑ์แชมพูหรือครีมนวดผมที่ผสม วิตามินเอฟ จะช่วยทำให้เส้นผมชุ่มชื้น ไม่แห้งกรอบและแตกปลาย ถ้าสัมผัสกับหนังศีรษะจะช่วยให้หนังศีรษะที่อักเสบจากน้ำยาดัด น้ำยาโกรกหรือน้ำยายืดผม หายอักเสบได้เร็ว และสุขภาพของหนังศีรษะ จะแข็งแรงขึ้น ไม่เกิดรังแคหรืออาการคันศีรษะได้ง่าย

ส่วนครีมทาผิว ที่ผสม วิตามินเอฟ ก็จะมีความชุ่มชื้น อวบอิ่ม ไม่เหี่ยวย่น ง่ายก่อนถึงวัยอันสมควร            

P-Biotin


P-Biotin นิยมใส่ในผลิตภัณฑ์ถนอมเส้นผมพอประมาณ เพราะจริงๆ แล้ว วิตามิน ชนิดนี้มีอยู่ในปริมาณพอใช้ในเซลล์ผิว และเส้นผมที่เพิ่งเกิดใหม่ ซึ่งคุณสมบัติคือ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ คล้ายผิวทารก และเส้นผมเป็นเงางาม บางบริษัทนิยมใส่ Biotin ในผลิตภัณฑ์ถนอมเล็บด้วย เพื่อให้เล็บเป็นเงางามและมองดูสะอาดตา

วิตามินเอ

วิตามินเอ มีผลต่อผิวพรรณมาก ทั้งชนิดรับประทานและชนิดทา แต่ชนิดทานั้นก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากเท่า วิตามินอี

นักเคมีนำ วิตามิน ชนิดนี้มาผสมในครีมทาผิว เพราะจะช่วยให้ผิวหนาและคงทนต่อการระคายเคือง จากแดด และสิ่งต่าง ๆ นอกจากยังทำให้การยืดหยุ่นของผิวดีขึ้น แผลเป็นมีโอกาสได้น้อยภายหลังการเกิดบาดแผล

 ไม่ว่าจะนำ วิตามิน ที่กล่าวมานี้  มาผสมในผลิตภัณฑ์ถนอมผิวและถนอมผม แล้วก็ตาม  แต่ผลตอบสนองของผิวและเส้นผมของแต่ละบุคคล แตกต่างกันมากค่ะ บางรายอาจได้ผลดี และบางรายอาจได้ผลน้อย  หรือไม่ได้ผลก็มีค่ะ ดังนั้นการเลือกใช้ เครื่องสำอาง เพื่อถนอมผิว  และผม   จึงควรสังเกต  เครื่องสำอาง ที่ได้มาตรฐาน   เพื่อผิวและผมของเรานะคะ  และที่สำคัญเพื่อความปลอดภัยในการใช้ด้วยค่ะ       
ที่มา   https://www.doctorcosmetics.com/read_content.php?id=2016&pagetype=product

อัพเดทล่าสุด