รักษา แผลเป็น หลุมสิว ริ้วรอย
ด้วย Derma Roller
.jpg)
เป็นการรักษาที่ได้รับการรับรองว่ามีประสิทธิภาพดีเยี่ยมในการรักษา รอย แผลเป็น สิว ลบเลือน ริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ กระชับ รูขุมขน และช่วยให้ ผิวหน้า เนียนใส ฟื้นฟู และ กระตุ้น คอลลาเจน ใต้ผิวหนัง
หลักการทำงาน มีกลไกหลัก 2 ส่วน
ส่วนแรก : ด้วยลักษณะเครื่องมือ ที่มีเข็มขนาดเล็ก จะทำให้เกิดรูขนากเล็กๆ จำนวนมากบนผิว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้าง เส้นใย คอลลาเจน และ อีลาสติน ได้ใน ผิวชั้นลึก โดยไม่ทำลาย ผิวหนัง ชั้นนอก
ส่วนที่สอง : รูขนาดเล็กจำนวนมากบนผิว ที่เกิดจากการกลิ้ง Derma roller จะช่วยให้สารบำรุงผิวที่สำคัญ ซึมลงสู่ใต้ ผิวหนัง ได้มากกว่าการทาถึง 40 เท่า ด้วยการประสานการทำงานของทั้งสองประสิทธิภาพ ทำให้การรักษาได้ผลอย่างรวดเร็ว
.jpg)
วิธีการรักษา ?
Derma roller เป็นเครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายลูกกลิ้ง และ มีเข็มขนาดเล็ก โดยเข็มมีความยาวเหมาะสมในการ กระตุ้นเซลล์ผิว ให้เกิดการ ฟื้นฟู โดยจะช่วยเสริมสร้าง เซลล์ผิว โดยไม่ก่อให้เกิดการลอกของผิวด้านบน และไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการ ฟื้นฟูผิว ด้วยการใส่สาร บำรุงผิว หรือตัวยาต่างๆ ลงไปช่วยได้ดีอย่างขึ้นอีกด้วยให้ ผิว แข็งแรง ขาวเนียนใส รอยหลุมสิว จะตื้นขึ้น ผิวหน้า จะ ตึง กระชับ และลด ริ้วรอย รวมทั้งรักษา สิว หรือแม้กระทั่งนำมาใช้ในการกระตุ้นการเกิดใหม่ของ ผม และยังช่วยลดปัญหาการหลุดล่วง ของ เส้นผม ได้อีกด้วย
.jpg)
.jpg)
ผลที่ได้จากการรักษา ?
Derma rolller เพื่อการฟื้นฟู ผิวหน้าเนียนใส รอยดำ จาก ฝ้า จางลงอย่างเห็นได้ชัด สีผิวสม่ำสมอ ริ้วรอย ลึก และริ้วรอย ตื้น ๆ ดีขึ้นมาก
Derma roller เพื่อการ รักษารอย หลุมสิว ตื้นขึ้น นอกจากนี้ ผิว ยัง เรียบเนียน รูขุนขน กระชับขึ้นอีกด้วย
Derma roller เพื่อการ รักษารอย หลุมสิว ตื้นขึ้น นอกจากนี้ ผิว ยัง เรียบเนียน รูขุนขน กระชับขึ้นอีกด้วย
.jpg)
.jpg)
Derma Roller เจ็บหรือไม่?
อาจจะรู้สึกระคายเคืองผิวได้ขณะทำการรักษา แพทย์จะใช้ยาชาก่อนการรักษาประมาณ 30 นาที ร่วมกับการใช้ยาชาหยดลงบนผิวขณะทำการรักษา ซึ่งจะช่วยลดความรู้สึกระคายเคืองผิวขณะทำการรักษาได้อย่างมาก และรู้สึกแสบเล็กน้อยหลังทำ
ข้อปฏิบัติหลังการรักษา ?
ผิวจะ แห้ง และ ระคายเคือง 1 – 2 วันหลังการรักษาอาจมีการลอกเป็นขุยของผิวได้บ้าง ควรใช้ครีมเพิ่มความชุ่มชื้นให้มากกว่าปกติในช่วงอาทิตย์แรก
จำนวนครั้งในการรักษา ?
ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของ คนไข้ ซึ่งแพทย์จะเป็น ผู้วินิจฉัย ปกติควรได้รับการรักษาอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ 2 สัปดาห์ โดยเฉลี่ยประมาณ 5-6 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที
.jpg)
.jpg)