ผิวแตกลาย หน้าท้องลาย ผิวหย่อน ท้องแตกลาย แก้ได้


1,280 ผู้ชม


ผิวแตกลาย หน้าท้องลาย

ผิวหย่อน ท้องแตกลาย แก้ได้

ผิวแตกลาย ( striae gravidarum) ท้องลาย
พบได้บ่อยประมาณครึ่งหนึ่งของ หญิงตั้งครรภ์ มีลักษณะเป็นเส้นบางๆ ฉีกขาดเป็นเส้นยาว ขนาดแตกต่างกัน มีสีน้ำตาล แดง หรือ ม่วง เกิดบริเวณ หน้าท้อง โดยเริ่มจาก ท้องน้อย บริเวณ สะโพก หรือ ต้นขา บางคนจะพบบริเวณ เต้านม ด้วย ส่วนใหญ่ในคนไทยมักพบบริเวณ หน้าท้อง เท่านั้น พบครึ่งหนึ่งของหญิงตั้งครรภ์ เชื่อว่าเป็นผลของ สเตียรอยด์ จาก ต่อมหมวกไต ที่เพิ่มขึ้นระหว่าง ตั้งครรภ์ ร่วมด้วยการยืดและขยายของ ผิวหนัง หน้าท้อง เพื่อการเจริญเติบโตของเด็ก และมีการเปลี่ยนแปลงของระดับ ฮอร์โมน บางรายอาจมีอาการคันร่วมด้วย ภายหลังคลอดจะไม่หายไปเลยเสียทีเดียว แต่สีจะจางลงเป็นเส้นสีเงินคล้ายรอย แผลเป็น ทำให้ดูเป็น หน้าท้องลาย

ภาวะ ท้องลาย ตามความเป็นจริงแล้วไม่สามารถรักษาได้ หรือ ห้ามไม่ให้ ท้องลาย เกิดขึ้นเลย ขึ้นอยู่กับ ผิว ของแต่ละคน การทาครีมเป็นประจำ จะทำให้ รอย ค่อยๆ จางหายไป เมื่อเวลาผ่านไป หรืออาจจะช่วยไม่ให้เกิด ท้องลาย มากขึ้น เพื่อช่วยให้ผิว ยืดหยุ่นดีขึ้น อาจใช้น้ำมันมะกอกครีม หรือ โลชั่นบำรุงผิว ที่มีส่วนผสมของ มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ หรือ เบบี้โลชั่น ทุกครั้งหลังอาบน้ำ หรือ เมื่อรู้สึกคัน ถ้าเป็น หญิงตั้งครรภ์ หลังคลอดบุตรแล้วอาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่อาจป้องกันด้วยการทา โลชั่นบำรุงผิว เป็นประจำ ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน จะช่วยลด รอยแตกลาย ได้ แต่ต้องเลือก ครีม ที่ไม่แพ้ ดูดซึมได้ดี และไม่จำเป็นต้องเป็น ครีม เฉพาะที่บอกสรรพคุณว่าป้องกัน ท้องลาย หรือเป็น ครีม ราคาแพง ข้อสำคัญต้องทาให้ทั่วท้อง เช้าและเย็นหลังอาบน้ำทุกวัน  ควรระวังไม่ให้มีการเพิ่ม หรือ ลดลง ของน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็วเกินไป

นอกจากนี้แนะนำให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพการทั่วไปและ สุขภาพผิว ด้วย ทำให้เลือดไหลเวียนดี ผิวหนัง ได้รับสารอาหารทั่วถึง จึงดูเปล่งปลั่งสดใส สำหรับเรื่อง หน้าท้อง ส่วนใหญ่มักจะลดลงหลังจากเดือนที่ 3 ไปแล้ว วิธีบริหาร หน้าท้อง ที่ดีที่สุดก็คือการทำซิตอัพ ซิตดาวน์ ทำบ่อยๆ ทุกวัน หน้าท้อง ก็จะค่อยๆ ลดลง นอกจากนี้แนะนำให้ว่ายน้ำหรือเต้นแอโรบิกร่วมด้วย จะยิ่งช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการควบคุมอาหารจำพวกพวกแป้งและไขมัน

 สาเหตุของการเกิด รอยแตกลาย ?

     ผิวแตกลาย เกิดจากการยืดขยายต่อเนื่องของ ผิวหนัง และเนื้อเยื่อในเวลาอันรวดเร็วไม่กี่เดือน ทำให้เกิดการทำลายโครงสร้าง คอลลาเจน พบได้บ่อยที่สุดในคนตั้งครรภ์ มักเป็นบริเวณท้อง หรือหน้าอก ยังพบได้ในคนที่อ้วนอย่างรวดเร็ว หรือในวัยรุ่นที่กำลังสูงอย่างรวดเร็ว โดยพบผิวแตกลายได้ที่ ต้นขาด้านนอก หลังด้านล่าง หรือสะโพก ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร คนที่กินยาสเตียรอยด์นาน ๆ มักมีรอยแตกลายใหญ่และเป็นหลายที่รวมถึงบนใบหน้าหรือการทาครีมที่มี สเตียรอยด์ ความเข้มข้นสูง นานเกินไปก็ทำให้เกิดรอยแตกลายได้ ถ้าสาเหตุดังกล่าวหายไป เช่น หลังคลอด, ลดน้ำหนักลงจากที่เคยอ้วนมาก่อน หรือ เมื่อพ้นช่วงวัยรุ่นแล้ว รอยแตกลายที่เป็นน้อย ๆ อาจค่อย ๆ จางลงได้

การรักษา รอยแตกลาย หรือ Stretch marks ที่ให้ผลดี ? 

ควรรักษาแต่เนิ่น ๆ ในระยะแรกที่เริ่มเป็น หากทิ้งไว้นาน รอยแตกลาย กลายเป็นสีขาวและบุ๋มลงมามากจนคล้ายแผลเป็นจะรักษาได้ยากขึ้น โดยวิธีที่ได้ได้ผลดีที่สุดในปัจจุบัน ได้ผลประมาณ 60-90%

การป้องกันและรักษา รอยแตกลาย ?

     การรักษาด้วย ครีมบำรุง ต่าง ๆ ช่วยได้เพียงเล็กน้อยมาก ในระยะแรก รอยแตกลาย จะเป็นเส้นแบนหรือนูนเล็กน้อย สีแดงปนชมพูรักษาได้โดย
1. ทายาอนุพันธ์กรด วิตามินเอ เช่น Tretinoin 0.05-0.1%
2. กรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี ( Microdermabrasion ) หรือผลัดผิวด้วยกรดผลไม้ ( Chemical Peel) ก็ช่วยทำให้ผิวดูเรียบขึ้นโดยการกำจัดเซลล์ชั้นบน ๆ ออกไป ได้ผล 10-30%
3. เลเซอร์ทำลายรอยแดง เช่น Pulsed dye laser , แสงความเข้มข้นสูง ( FPL,IPL ) กระตุ้น Collagen และปรับสีรอยแตกให้ใกล้เคียงกับผิวปกติ ได้ผล 30-60%

 จะเกิดอะไรถ้าไม่รักษา รอยแตกลาย ?

     หากปล่อยไว้นานขึ้นโดยไม่ได้รักษา รอยแตกลาย จะมีสีซีดลงจนเป็นสีขาว ผิวบางและบุ๋มลงเหมือนแผลเป็น การรักษาในระยะนี้ ทำได้ยากขึ้นและต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยมากขึ้น เหมือนการรักษาแผลเป็นที่เป็นมานานนั่นเอง

1. แสงความเข้มข้นสูง ( FPL,IPL ) ได้ผลน้อยมาก
2. เลเซอร์ Nd : YAG ช่วยกระตุ้น Collagen ให้รอยแตกตื้นขึ้นได้บ้าง 10-30%
3.Carboxytherapy โดยการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าบริเวณที่ต้องการรักษาเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด และออกซิเจนบริเวณดังกล่าว ช่วยกระตุ้นการสร้าง คอลลาเจน เป็นวิธีที่เจ็บมากหากไม่ทาหรือฉีดยาชาก่อน ให้ผลการรักษา 30-60%
4.Fraxel laser เป็นวิธีการรักษาล่าสุด ด้วนเลเซอร์สร้างผิวใหม่ ( fractional resurfacing ) คล้ายการรักษา หลุมสิว เป็นการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดในเวลานี้ ได้ผล 60-90 % ขึ้นไปนับเป็นวิธีที่ให้ผลการรักษาที่ดีที่สุดในเวลานี้

อัพเดทล่าสุด