เชื้อโรคกับอุปกรณ์แต่งหน้า


1,110 ผู้ชม


เชื้อโรคกับอุปกรณ์แต่งหน้า

   เพื่อผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง สดใส ผู้หญิงหลายคนจึงดูแลรักษาใบหน้าตนเอง โดยให้ความสำคัญกับการทำความสะอาด หรือใช้ ครีมบำรุง ชนิดต่างๆ ตลอดจน เครื่องสำอาง ที่เสริมแต่งให้ตนเองดูดีขึ้น ทั้งที่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมีราคาสูง อีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่เป็นที่นิยมคือ อุปกรณ์แต่งหน้า เช่น แป้งพัฟ แปรงปัดแก้ม แปรงปัดเปลือกตา พู่กันทาริมฝีปาก ที่ปัดขนตา ขนคิ้ว ฯลฯ  ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วระยะหนึ่งที่อุปกรณ์สัมผัสผิว แต่หากปล่อยให้สกปรกไม่ดูแลรักษาทำความสะอาด ก็มีโอกาสทำให้เกิดปัญหาผิวพรรณได้เช่นกันโดยทั่วไปรอบๆ ตัวเรามีเชื้อโรคปะปนอยู่ทั้งในอากาศ กระทั่งบนผิวหนังของเราเอง เพียงแต่จำนวนหรือความรุนแรงไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดโรคหรือปัญหาแก่ผิวของเราได้  แต่โรคติดเชื้อทางผิวหนังสามารถติดต่อจากการสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสโดยตรงหรือการสัมผัสผ่านสิ่งของต่างๆ ซึ่งหมายรวมถึง อุปกรณ์แต่งหน้า และ เครื่องสำอาง ของผู้หญิง 

โรคติดเชื้อดังกล่าวที่พบได้ เช่น
    การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนั เช่น ตุ่มฝีหนอง (Boils) เริ่มติดเชื้อจากการที่มีแผลเล็กๆ ซึ่งมีหลายสาเหตุ เช่น การขีดข่วน ฯลฯ เชื้อแบคทีเรียจะสามารถผ่านสู่ผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณรูขุมขน (hair follicle) ได้ง่ายขึ้น หลังจากนั้นบริเวณผิวหนังเกิดตุ่มนูนแดง เจ็บ และมีหนอง บางครั้งอาจทำให้มีไข้ เชื้อที่เป็นสาเหตุส่วนใหญ่มักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิด staphylococcus aureus
     การติดเชื้อไวรัสเริม (herpes infections)
 โดยปกติจะติดจากการสัมผัสตุ่มน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสโดยตรง หรือติดจากเครื่องใช้ต่างๆ แม้กระทั่ง อุปกรณ์แต่งหน้า ในกรณีที่ใช้ แป้งพัฟ หรือ พู่กัน เขียนลิปสติกร่วมกับผู้เป็นเริม เชื้อไวรัสเริมสามารถแพร่มาสู่เราได้ แม้ไม่อาจสังเกตเห็นตุ่มน้ำหรือรอยโรคก็ตาม เชื้อไวรัสเริมมีหลายชนิด ได้แก่ Herpes simplex virus type 1, 2 และ varicella-zoster virus  แต่ไวรัสที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดตุ่มน้ำบริเวณริมฝีปากได้บ่อย คือ Herpes simplex virus type1 โดยอาการเริ่มหลังได้รับการติดเชื้อครั้งแรกอาจมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว พร้อมกับมีลักษณะเป็นตุ่มพองใสเล็กๆ  อยู่กันเป็นกลุ่ม 3-4 ตุ่ม และบริเวณแผลอาจมีอาการเจ็บปวด แสบหรือบวม และอาจพบต่อมน้ำเหลืองอักเสบร่วมด้วย  อย่างไรก็ตามการเกิดเริมครั้งแรก ร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อให้หมดไปได้ จึงยังคงมีเชื้อเหลืออยู่ที่ปมประสาท หากมีการกระตุ้นหรือสภาวะร่างกายอ่อนแอ เชื้อก็จะฟื้นตัวและเกิดอาการใหม่ได้ แม้การติดเชื้อครั้งหลังจะมีอาการรุนแรงลดลง แต่ก็ยังสามารถเป็นพาหะแพร่เชื้อติดต่อสู่ผู้อื่นได้ 


     การเกิด สิว มีสาเหตุมาจาก อุปกรณ์แต่งหน้า ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด เนื่องจากสิวเป็นโรคของต่อมไขมันและรูขุมขน มีข้อมูลการศึกษาต่างๆ รายงานว่าสิวเกิดจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะความผิดปกติของการสร้างเซลล์ชั้นขี้ไคลของรูขุมขน ทำให้มีการหนาตัวขึ้นบริเวณรูขุมขนและการเพิ่มขึ้นของเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า propionibacteriun acne (P.acne)  หรือการเพิ่มการผลิตของสารไขมัน (sebum) ที่บริเวณผิวหนัง หรือปัจจัยจากฮอร์โมนแอนโดรเจน กรรมพันธุ์ ความเครียด การพักผ่อน ฯลฯ
สำหรับ ผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ จากอุปกรณ์แต่งหน้านั้นพบน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบจาก เครื่องสำอาง หรือ ครีมบำรุงผิว ที่ใช้ เนื่องจากผิวหนังบางคนแพ้สารประกอบประเภทน้ำหอม สี (Dye) หรือแม้กระทั่งสารกันบูด (preservatives) ที่ผสมในเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวต่างๆ ซึ่งการแพ้มักเป็นชนิดที่เรียกว่า Allergic contact dermatitis หมายถึงผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส อาการแพ้เกิดจากสภาวะการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน เช่น ใช้เครื่องสำอางชนิดเดียวกันแต่คนหนึ่งแพ้สารเคมีที่อยู่ในเครื่องสำอางชนิดนั้น ส่วนอีกคนไม่แพ้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องระวังเรื่องวันหมดอายุของผลิตภัณฑ์ด้วย ที่สำคัญต้องเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น มิฉะนั้น เครื่องสำอาง อาจเสื่อมสภาพก่อนวันหมดอายุจริง (รู้ๆ กันอยู่ว่าบ้านเราร้อนขนาดไหน) ส่วน เครื่องสำอาง ไหนที่หมดอายุแล้ว ก็ให้ทิ้งไปเสีย อย่าเสียดาย ยกตัวอย่างเช่น มาสคาร่ามีอายุการใช้งานแค่ 2-6 เดือน 
     ดังนั้นหากมีอาการผื่นแดงคันหลังการใช้ เครื่องสำอาง ครีมบำรุง หรือสารต่างๆ ให้หยุดใช้และปรึกษาแพทย์ทันที หากมีอาการคันอาจรับประทานยากลุ่มต้านฮีสตามีน (antihistamine) เพื่อระงับอาการคันได้ก่อนพบแพทย์ แต่ห้ามจับหรือเกา เพราะอาจทำให้การติดเชื้อมีระยะกว้างขึ้น
     อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์แต่งหน้า ที่สกปรกก็มีโอกาสทำให้ผิวหน้าเป็นสิวจากการอุดตันจากการสะสมของแบคทีเรีย ยกตัวอย่างเช่น แป้งพัฟและแปรงแต่งหน้าที่สัมผัสผิวหน้าโดยตรง ซึ่งบางคนตั้งแต่ซื้อมาใช้ทุกวันแต่ไม่เคยล้างหรือวางทิ้งไว้ปล่อยให้ฝุ่นเกาะ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาผิวพรรณให้ลองย้อนกลับดูว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก อุปกรณ์แต่งหน้า นั้นสะอาดพอหรือไม่ เก็บรักษาดีหรือยัง และเพื่อสุขภาพผิวพรรณใบหน้าที่สะอาด เรามีวิธีทำความสะอาด อุปกรณ์แต่งหน้าอย่างง่ายๆ และไม่เสียเวลามาฝากกัน

วิธีทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า
หากเป็น แป้งพัฟ หรือ ฟองน้ำ ทาตา ให้ล้างด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือสบู่ล้างหน้าปกติ และล้างให้สะอาด บีบให้แห้ง นำไปซับบนผ้าขนหนูนิ่มๆ และปล่อยไว้บนผ้าขนหนูให้ลมพัดจนแห้งสนิท สำหรับ พู่กันแต่งหน้า ให้จุ่มแปรงให้เปียก ล้างด้วยแชมพูสระผมปกติ ค่อยๆ ลูบขนแปรงเบาๆ ตามทิศทางของเส้นขน แต่อย่าให้น้ำไหลเข้าบริเวณด้ามจับ ตั้งแปรงแนวดิ่งให้หัวแปรงทิ่มลง และเปิดน้ำก๊อกให้น้ำไหลผ่าน ล้างจนสะอาด จากนั้นซับแปรงบนผ้าขนหนูเบาๆ จัดรูปทรงแปรงให้อยู่ในสภาพเดิม อาจปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งบนผ้าขนหนู หรือแขวนหัวแปรงทิ่มลง แต่ห้ามหงายแปรงแต่งหน้าให้แห้งในถ้วยหรือกล่องเด็ดขาด เพราะจะทำให้น้ำไหลเข้าที่จับ ทำให้ขนแปรงหลุด หรือหลวม และถ้าปล่อยให้แห้งโดยการทิ่มขนแปรงลงจะทำให้ขนแปรงบานออก เสียรูป และสำหรับคนที่ไม่มีเวลาล้างทำความสะอาดแปรง แต่ต้องการใช้แปรงสะอาดแบบเร่งด่วน อาจใช้น้ำยาทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถใช้เช็ดขนแปรงก่อนการใช้งานได้ทันที สะดวกไปอีกแบบ แต่ถ้าจะเน้นถึงความสะอาดของแปรงจริงๆ แนะนำให้ล้างจะดีที่สุด


การเลือก แปรงแต่งหน้า ให้เหมาะสม
แปรงแต่งหน้า มีหลายแบบขึ้นอยู่กับหน้าที่การใช้งานและมีขนแปรงหลากชนิดทั้งขนแปรงที่ทำมาจากขนสัตว์และการสังเคราะห์ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้งานเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันขนแปรงแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือขนแปรงแต่งหน้าที่ทำมาจากธรรมชาติ และผลิตจากการสังเคราะห์
     - ขนแปรงที่ทำจากธรรมชาติ ได้แก่ ขนแปรง ที่ทำมาจากขนสัตว์ต่างๆ เช่น ขนกระรอก ขนแพะ ขนม้า ฯลฯ คุณสมบัติมีเนื้อละเอียด เบา แน่น มีความยืดหยุ่นสูง แกนขนแปรงได้รูปทรงและคืนรูปง่าย เหมาะกับผลิตภัณฑ์แต่งหน้าที่เป็นเนื้อแป้ง โดยขนแปรงธรรมชาติมักมีราคาค่อนข้างสูง ช่างแต่งหน้ามืออาชีพส่วนใหญ่เลือกใช้ เพราะต้องการความละเอียด และเนี้ยบของผลงาน  
     - ขนแปรงสังเคราะห์
  ส่วนใหญ่จะทำมาจากไนลอน และเทคลอน คุณสมบัติมีเนื้อนุ่ม แต่คืนรูปได้ไม่ดีเท่าขนแปรงธรรมชาติ  มักเหมาะกับผลิตภัณฑ์แต่งหน้าที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เช่น ครีมรองพื้น มักนิยมผลิตเป็นแปรงปัดคิ้ว หรือแปรงเขียนขอบตา อย่างไรก็ตามขนแปรงสังเคราะห์ก็ปรับเปลี่ยนให้มีความคล้ายคลึงขนแปรงแบบธรรมชาติมากขึ้น หลายคนจึงหันมาเลือกใช้เพราะราคาถูกกว่า ใช้ได้ดีเช่นกัน แม้จะมีคุณภาพไม่เท่าขนแปรงธรรมชาติ 
     ขอฝากเรื่องการดูแลความสะอาดของ อุปกรณ์แต่งหน้า ให้อยู่ในสภาพดีและสะอาด ไม่ต้องเสียเวลาล้างทุกวัน เพียงทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้งหรืออย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้งก็พอ และหลังจากใช้งาน ควรเก็บอุปกรณ์ไว้ในกระเป๋าเครื่องสำอางให้มิดชิด และที่สำคัญอย่าใช้ อุปกรณ์แต่งหน้า ร่วมกับผู้อื่น เพราะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายๆ ...อยากสวยทั้งทีต้องหมั่นใส่ใจรักษาความสะอาดนะคะ

 
ที่มา    https://www.doctorcosmetics.com/read_content.php?id=1707&pagetype=product

อัพเดทล่าสุด