อาหาร เพื่อถนอม ดวงตา
"ดวงตา" เป็นอวัยวะหนึ่งที่มีความละเอียดอ่อน ซับซ้อน และยังเป็นอวัยวะที่ต้องปะทะกับแสงแดดทุกวัน แสงอุลตร้าไวโอเลตจากแสงแดดเป็นแหล่งของอนุมูลอิสระที่ทำลายตาของเรา เป็นสาเหตุของต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งนำไปสู่สาเหตุการตาบอดในผู้สูงอายุ พบได้ในวัย 65 ปีขึ้นไป นอกจากแสงแดดแล้ว บุหรี่และอาหารที่ขาดสารต้านอนุมูลอิสระ (แอนติออกซิแดนท์) เป็นสิ่งส่งเสริมให้เกิดต้อกระจกและประสาทตาเสื่อม ปัจจัยดังกล่าวสามารถป้องกันได้โดยการใช้แว่นยูวีหรือสวมหมวก ไม่สูบบุหรี่หรือเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่สูบบุหรี่ และบริโภคอาหารที่มี สารต้านแอนติออกซิแดนท์ สูงๆ
สารอาหารที่ช่วยรักษาสุขภาพของ ดวงตา และลดอนุมูลอิสระที่จะทำลายเลนส์ตา คือ สารแอนติออกซิแดนท์ (วิตามินซี อี เบตาแคโรทีน ลูทีน ซีแซนทิน สังกะสี และไบโอฟลาโวนอยด์) สารแอนติออกซิแดนท์ เช่น วิตามินอีและซี ช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในแสงแดดที่ทำลายจอตา จากการวิจัยของสถาบันแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (The National Eye Institute) พบว่า การเสริมวิตามินอีร่วมกับสังกะสีในผู้ที่อายุ 55 ปีขึ้นไป จะช่วยลดปัญหาตาบอดจากจอประสาทตาเสื่อมได้
- เบตาแคโรทีนเป็นสารอาหารที่ร่างกายเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ซึ่งช่วยในการมองเห็นในที่มืด และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพตา ช่วยบำรุงรักษา ดวงตา และป้องกันโรคตาหลายชนิด เช่น ต้อกระจก โรคตาบอดกลางคืน และยังช่วยให้ผิวเยื่อเมือกต่างๆ ในร่างกายชุ่มชื่นขึ้นอีกด้วย - ลูทีน (Luteine) และ ซีแซนทิน (Zeaxanthin)เป็นสารแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่งมีสีเหลือง พบมากในพืชผักที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม เช่น ผักกาด คะน้า ปวยเล้ง ลูทีนและซีแซนทิน เป็นสารธรรมชาติที่พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพและจอประสาทตา ทำหน้าที่ช่วยกรองหรือป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยการลดอนุมูลอิสระที่ทำลาย ดวงตา และกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตา ร่างกายจำเป็นต้องได้รับสารลูทีนจากอาหาร ส่วนสารซีแซนทิน นอกจากจะได้จากอาหารส่วนหนึ่งแล้ว ร่างกายสามารถเปลี่ยนสารลูทีนในตาเป็นสารซีแซนทินได้ ปริมาณลูทีน 6 มก./วัน ช่วยลดความเสี่ยงจอประสาทตาเสื่อมถึงร้อยละ 50 ดังนั้นผู้ที่บริโภคผักผลไม้หลายๆ สีเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อมเนื่องจากผลไม้จะเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระดังกล่าว
- ไบโอฟลาโวนอยด์พบได้ในบูลเบอร์รี่หรือบิลเบอร์รี่ องุ่นแดง ส้ม และเครนเบอร์รี่ ไบโอฟลาโวนอยด์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ คือ สารแอนโธไซยานิดิน ช่วยป้องกันเลนส์ตา และสร้างความแข็งแรงให้กับสารคอลลาเจน ซึ่งเป็นโครงสร้างของคอร์เนีย (Cornea) และเส้นเลือดฝอยในตา สารสกัดบิลเบอร์รี่ได้รับความนิยมสูงมากรองจากลูทีน นอกจากจะช่วยป้องกันเลนส์ตาแล้ว ยังช่วยให้มองเห็นในที่มืดหรือที่มีแสงสลัวๆ ได้ชัดเจนขึ้น - บิลเบอร์รี่เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากนักบินทหารอากาศของอังกฤษสังเกตเห็นว่า การบริโภคแยมบิลเบอร์รี่ก่อนที่จะออกบินในเวลากลางคืน ช่วยให้สายตาทำงานในที่มืดดีขึ้น บิลเบอร์รี่ เป็นผลไม้สมุนไพรที่มีความปลอดภัยและไม่พบพิษ โดยผลจากการวิจัยต่างๆ ไม่พบผลข้างเคียง ดังนั้น นักวิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการมีสุขภาพดีของมนุษย์ด้วยการบำรุงรักษาอย่างถูกวิธี
ปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อมที่จะทำลายเลนต์ตาและทำให้จอประสาทตาเสื่อมนั้น เป็นสิ่งที่สามารถปรับเปลี่ยนได้โดยการใช้แว่นกันแดดที่สกัดกั้นสารยูวี เลิกสูบบุหรี่ และบริโภคผักผลไม้ที่มีสารแอนติออกซิแดนท์ และสารแอนโธไซยานิดินสูง การบริโภคผักและผลไม้วันละ 9 ส่วน ช่วยลดความเสี่ยงต้อกระจกและจอประสาทเสื่อม ผักผลไม้หลายชนิดที่มีสารลูทีนและซีแซนทิน รวมถึงสารแอนโธไซยานิดินสูง เป็นแหล่งที่ดีของวิตามินซี อี และเบตาแคโรทีนเช่นกัน บิลเบอร์รี่หรือบลูเบอร์รี่สดวันละ 1/2-1 ถ้วยตวง ให้สารแอนโธไซยานิดินเท่ากับที่ร่างกายต้องการในการรักษาสุขภาพตา นอกจากนี้การบริโภคผักผลไม้หลากหลายเพิ่มขึ้น ยังช่วยในการรักษาสุขภาพด้านอื่นๆ ด้วย
ที่มา https://www.doctorcosmetics.com/read_content.php?id=1828&pagetype=product