ประโยชน์ของการกินเจ


1,228 ผู้ชม


ประโยชน์ของการกินเจ

เทศกาล กินเจ เริ่มกันตั้งแต่วันขึ้นหนึ่งค่ำ ไปจบเอาที่ขึ้นเก้าค่ำในเดือนเก้า ตามปฏิทินจีนของทุกปี ซึ่งตรงกับเดือนตุลาคม เป็นเพราะเดือนเก้าอย่างนี้แหละครับ ทำให้เขาเรียกว่า “เก้าโหว่ยเจ” หมายถึง เทศกาล กินเจเดือนเก้า

การ กินเจ เริ่มต้นในเมืองจีน แต่จะเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่นั้น คงประมาณช่วงเวลาได้ค่อนข้างยาก เพราะประเทศจีน มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับได้หลายพันปี ตำนานการกำเนิดการกินเจมีอยู่หลายตำนานไม่รู้จะเชื่อตำนานไหนดี เอาเป็นว่าเกิดมานานมากไม่มีกำหนดเวลาแน่นอนก็แล้วกัน

อาหารเจการ กินเจ หมายถึง การไม่กินเนื้อสัตว์รวมทั้งพืชอีกบางชนิดนั้น คนจีนเขาปฏิบัติกันมานานมากแล้ว แต่ เทศกาล กินเจ ที่เริ่มต้นกันในเดือนเก้านั้น น่าจะเกิดเมื่อประมาณ 380 ปีนี่เอง ตรงกับยุคกลางของอยุธยานั่นแหละครับ ตำนานที่พอเชื่อถือได้ กล่าวว่าคนจีนเริ่มยึดถือการ กินเจ เป็นประเพณี และกลายเป็นเทศกาล ก็เพื่อรำลึกถึงนักรบหงี่หั่วท้วงที่พลีชีพปกป้องแผ่นดินจีนในครั้งนั้น

ช่วงปี พ.ศ. 2163-2183 กองทัพแมนจูเคลื่อนพล มาจากดินแดนแมนจูเรีย เข้ารุกรานประเทศจีน กองทัพจีนประสบความพ่ายแพ้ ก็มีนักรบชาวบ้านหงี่หั่วท้วงนี่แหละ ที่ต่อสู้ต้านทานกองทัพแมนจูอย่างห้าวหาญ และระหว่างการทำศึก นักรบหงี่หั่วท้วงได้ประกอบพิธีกรรมปลุกอาหารเจเสกตัวเอง เพื่อให้ทนปืนไฟโดยการนุ่งขาวห่มขาว ไม่กินเนื้อสัตว์และผักที่กลิ่นฉุน ท่องบริกรรมคาถาตามความเชื่อของคนจีน 
แม้จะปลุกเสกกันคร่ำเคร่งอย่างไรก็สู้อำนาจปืนฝรั่ง ของแมนจูไม่ได้ นักรบชาวบ้านกลุ่มนี้เสียชีวิตในการรบมากมาย ในที่สุดก็พ่ายแพ้ต่อแมนจู จีนตกเป็นเมืองขึ้นของแมนจู ครั้งนั้นชายชาวจีนถูกบังคับให้โกนหัวด้านหน้าและไว้เปียยาว อย่างชาวแมนจู ทำให้คนจีนคับแค้นกันมาก เหตุนี้เอง ที่ทำให้ชาวจีนรำลึกถึงกลุ่มนับรบหงี่หั่วท้วง ถือว่านักรบเหล่านี้มีบุญคุณเพราะพลีชีพเพื่อปกป้องชาติ 
ขึ้น 1-9 ค่ำเดือน 9 ของทุกปี คนจีนจึงยึดถือ การ กินเจ เป็นประเพณีมานับแต่นั้น เป็นการรำลึกถึงความเป็นชาติจีน ที่ถูกแมนจูในราชวงศ์ชิงปกครองอย่างยาวนาน จะเรียกว่า เทศกาล กินเจ เปรียบประดุจการถือธรรมเนียมบุญคุณต้องทดแทน ซึ่งเป็นความหมายที่ดี ก็น่าจะได้

เจ หรือ ไจ แปลว่าไม่มีของคาว หรือหมายถึง ไม่มีเนื้อสัตว์รวมทั้งพืชบางชนิดที่เชื่อกันว่าเกิดมาจากสัตว์ เขาจะเขียนคำว่าไจเป็นอักษรสีแดงบนธงสีเหลือง สีแดง หมายถึง ความเป็นสิริมงคล ส่วนสีเหลือง หมายถึง คุณความดี หรือจะหมายถึงผู้ทรงศีลก็ได้ ธงเจจึงมีความหมายค่อนข้างดี ในช่วงเทศกาล กินเจ พวกเราจึงเห็นธงเจลักษณะนี้ติดกันเต็มพรืดไปหมด 


อาหารเจ

ช่วง เทศกาล กินเจ นั้น เขาห้ามการบริโภคเนื้อสัตว์ทั้งปวง รวมทั้งปลา นมและไข่ มีบ้างบางคนจะเน้นการงดหอยนางรมเป็นพิเศษ ซึ่งก็น่าจะละเว้นอยู่แล้ว เรื่องหอยนางรมนี้ผู้เขียนไม่ทราบตำนาน ว่าเป็นมาอย่างไร เห็นทีจะต้องถามเอาจากผู้อ่านบ้างแล้วละครับ

นอกจากจะห้ามเนื้อสัตว์ การ กินเจ ยังห้ามผักที่มีกลิ่นฉุนบางชนิด โดยถือว่าเป็นของคาว ได้แก่ หอม กระเทียม หลักเกียว (ผักคล้ายกระเทียมขนาดเล็ก) กุยช่าย (ผักไม้กวาด) ผักชี เครื่องเทศที่เผ็ดร้อน ใบยาสูบ โดยเชื่อว่าผักเหล่านี้ เป็นของคาวที่เพิ่มความกำหนัด บางคนเขาเชื่อว่า พืชผักกลุ่มนี้เกิดมาจากเลือดของสัตว์ ซึ่งก็เป็นอีกตำนานหนึ่ง จากหลายๆ ตำนานของจีน การเป็นประเทศเก่าแก่ ก็ต้องมีตำนานหลายตำนานอย่างนี้แหละ

ในบรรดาพืชผักต้องห้ามเหล่านี้ เขาถือกันว่า กระเทียมทำลายธาตุไฟทำให้เกิดปัญหากับหัวใจ หัวหอมทำลายธาตุน้ำก่อปัญหากับไต อาหารเจกุยช่ายทำลายธาตุไม้ สร้างปัญหาให้ตับ หลักเกียวทำลายธาตุดิน สร้างปัญหาให้กับม้าม และใบยาสูบทำลายธาตุโลหะ สร้างปัญหาให้กับปอด

ประโยชน์จากการ กินเจ มีค่อนข้างมาก อย่างเช่น ได้ทำบุญเมื่อไม่ไปเบียดเบียนสัตว์ การทำจิตใจบริสุทธิ์แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตามที นอกจากนี้ ยังได้ประโยชน์ตรง จากการลดอาหารพวกเนื้อสัตว์ ไขมันสัตว์ ได้สารต้านออกซิเดชั่น สารพฤกษเคมีจากพืชผัก ช่วยลดปัญหาโรคหัวใจ เบาหวาน เก๊าท์ และอีกสารพัดโรค การ กินเจ ยาวนานกันเพียง 9-10 วัน ไม่สร้างปัญหาในเรื่องขาดสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งหรอกครับ มีบางคนด้วยซ้ำเมื่อพ้น เทศกาล กินเจ มาแล้วกลับกินมากขึ้น เพราะอดมาหลายวัน และตนเองยังไม่ชินกับการอด 
ใครที่เห็นประโยชน์จากการ กินเจ แล้ว อยากจะต่อด้วยอาหารมังสวิรัติก็ไม่มีอะไรจะต้องห้าม ทั้งยังจะขอสนับสนุนอีกด้วย แต่ต้องกินอาหารให้หลากหลาย เสริมถั่ว เสริมงา เสริมพืชผักที่ให้แคลเซียม อย่างโกฏน้ำเต้า มะเดื่อ ข้าวโอ๊ต ผักใบเขียวเข้ม 
กินเจ กินมังสวิรัติให้ถูกวิธีทางโภชนาการ ย่อมไม่มีวันขาดสารอาหารหรอกครับ เรื่องนี้ไม่มีอะไรจะต้องห่วง 


ที่มา   https://www.doctorcosmetics.com/read_content.php?id=1791&pagetype=product

อัพเดทล่าสุด