โรคตากระตุก ตากระตุก หรือ ใบหน้ากระตุก อันตรายหรือไม่


1,870 ผู้ชม


โรคตากระตุก

ตากระตุก หรือ ใบหน้ากระตุก อันตรายหรือไม่

โรคตากระตุก

        อาการตากระตุก หรือ ใบหน้ากระตุก อันตรายหรือไม่ สาเหตุเกิดจากอะไร และ มีวิธีรักษาอย่างบ้าง อ่านรายละเอียดได้เลยค่ะ โรคตากระตุก Blepharospasm )
เป็นโรคที่เกิดจากกล้ามเนื้อ orbicularis muscle รอบดวงตา เกิดอาการหดเกร็งและ กระตุก ส่วนโรค ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก hemifacial spasm ) เกิดจากการหดเกร็ง และ กระตุก ของกล้ามเนื้อใบหน้าซีกใดซีกหนึ่ง พบได้ในวัยผู้ใหญ่ อายุเฉลี่ย 45-50 ปี พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
อาการเริ่มต้นมักกระตุกที่ หนังตา มาก่อน หลังจากนั้นก็กระจายไปครึ่ง ใบหน้า ก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้ป่วยอย่างมากและบ่อยครั้ง กล้ามเนื้อรอบตาจะเกร็งจนตาปิดไปรบกวนการมองเห็น ทำให้รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้
สาเหตุ
เชื่อว่าเกิดจากเส้นเลือดที่เลี้ยงก้านสมองเกิดคดเคี้ยวและไปกดเบียดเส้นประสาทสมองเส้นที่ 7 ทำให้เกิดการนำกระแสประสาทที่ผิดปกติขึ้นมา
การรักษา
ในยุคก่อนได้มีการรักษาทางยาและ การผ่าตัด ในอดีต ยาที่ใช้มีหลายชนิด เช่น carbamazepine ,gabapentin ,clonazepam ,baclofen ได้ผลบ้างเล็กน้อย ไม่ดีเท่าที่ควร และมีผลข้างเคียง เช่น ง่วง และ แพ้ยา
ส่วนการผ่าตัด เรียกว่า microvascular decompression โดยต้องเปิดเข้าไปในกระโหลกศีรษะและทำให้เส้นเลือดที่เบียดเส้นประสาทอยู่แยกห่างจากกัน แต่ก็มักกลับมาเป็นซ้ำได้อีก และยังมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้เนื่องจากเส้นเลือดและเส้นประสาทมีขนาดเล็กมาก เป็นการผ่าตัดที่อันตรายและมีความเสี่ยงสูง  ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดก็สูงมาก ปัจจุบันจึงไม่เป็นที่นิยม  

โรคตากระตุก

นอกจากนั้น ถ้าใบหน้ากระตุกครึ่งซีกเกิดจากสาเหตุที่ชัดเจน เช่นเนื้องอก ก็รักษาตามสาเหตุแต่ก็พบได้น้อยมาก
         
ในปัจจุบันการฉีดยา Botulinum toxin หรือ Botox เพื่อรักษาอาการใบหน้ากระตุกครึ่งซีกเป็นที่ยอมรับว่าได้ผลดี แต่ราคาสูงและต้องทำการฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือน
หลักการของการใช้ยา Botulinum toxin คือ ยาจะไปยับยั้งการนำกระแสประสาทที่สั่งการไปที่กล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้น้อยลง ทำให้การกระตุกลดลง จะเริ่มเห็นผลการรักษา 1-2 สัปดาห์หลังจากฉีด และยาจะออกฤทธิ์อยู่นาน 3-6 เดือน
ผลข้างเคียงที่พบได้ เป็นผลข้างเคียงระยะสั้นและไม่ได้พบบ่อยได้แก่ หนังตาตก ปิดตาไม่สนิท ตาแห้ง แต่ก็จะหายไปเมื่อยาหมดฤทธิ์
หลังการฉีดยาผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผู้ป่วยที่มีหนังตาปิดสามารถลืมตา มองเห็นได้อีกครั้ง และสามารถเข้าสังคมและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
โดยสรุปการฉีดยา Botox สามารถใช้รักษาโรคกล้ามเนื้อรอบตาและใบหน้ากระตุกได้ดีโดยผู้ป่วยไม่ต้องเสี่ยงต่อการผ่าตัดสมองและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมากในการผ่าตัดสมอง และไม่ต้องรับประทานยาซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้ง่วงมาก นอกจากนี้การฉีดยา Botox ยังไม่พบผลข้างเคียงที่มีอันตรายใดๆ
 
ใครที่ต้องทรมานกับ โรคตากระตุก หรือ ใบหน้ากระตุก ไม่น่ากลัวเลยนะคะ กับวิธีการรักษาในปัจจุบัน ที่ไม่ต้องเสี่ยงจากผลข้างเคียงในการการผ่าตัด เพียงแค่ฉีดด้วยเข็มฉีดยาเล็กๆ คุณก็ไม่ต้องรำคาญกับ ตากระตุก และ ใบหน้ากระตุก อีกต่อไปค่ะ 

อัพเดทล่าสุด