"สารพันปัญหาเจ้าตัวยุ่ง"
สารพันปัญหาอะไรที่ท่านกำลังต้องการคำตอบอยู่ในขณะนี้ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูก คุณพ่อคุณแม่จะมีปัญหาปวดหัวให้ขบคิดในการเลี้ยงดูไปคนละแบบ ลองมาดูกันค่ะว่า อะไรที่ท่านกำลังต้องการคำตอบอยู่ในขณะนี้
เด็กในวัยก่อนเข้าเรียน เป็นอีกช่วงวัยหนึ่ง ที่คุณพ่อคุณแม่จะมีปัญหาปวดหัวให้ขบคิดในการเลี้ยงดูไปคนละแบบ จากขวบปีแรก ลองมาดูกันค่ะว่า อาจมีสารพันปัญหาอะไรที่ท่านกำลังต้องการคำตอบอยู่ในขณะนี้
สอนเหตุผลเด็กเล็ก
พ่อแม่หลาย ๆ คนอาจยังสงสัยว่า เด็กในวัยนี้เราสอนเรื่องเหตุผลเขาได้หรือยัง คำตอบก็พอสอนได้แล้วค่ะ แต่ควรยกเหตุผลสั้น ๆ ง่าย ๆ ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเอาจริงเอาจังเข้าไว้ค่ะ เช่น พี่คนโตกำลังกระโดดโซฟาอย่างเมามัน คุณแม่ก็อาจจะพูดว่า "ห้ามกระโดดค่ะ เดี๋ยวตกลงมาเจ็บ"แต่ห้ามเปรียบเทียบกับลูกคนอื่นหรือพี่น้องด้วยกันเอง เช่น "ห้ามกระโดดค่ะ" หนูเห็นไหมน้องยังนั่งนิ่ง ๆ ได้เลย ไม่เก่งแล้ว สู้น้องก็ไม่ได้" อย่างหลังนี้จะแย่ไปกับใหญ่ค่ะ เพราะเด็กในวัยนี้ เขาไม่รู้หรอกว่า น้องเก่งยังไง และตัวเองแย่ยังไง เขาก็แค่เล่นสนุกไปตามวัยของเขา ซึ่งเมื่อถูกขัดใจแล้ว และด้วยน้ำเสียงที่คุณแม่ชื่นชมน้องด้วยแล้ว จะยิ่งทำให้เขาไม่เชื่อฟังและเผลอ ๆ อาจแอบแกล้งน้องโดยไม่รู้ตัวค่ะ
ปู่ย่าตายายเลี้ยงหลาน
ถือเป็นปัญหาค้างปี ยากจะแก้ไขจริง ๆ ค่ะ ดูว่าง่ายก็ง่าย ดูว่ายากก็ยากเหลือเกิน กับการเลี้ยงดูเด็กไปคนละทิศคนละทาง ปู่ย่าตายายก็มีความเชื่อโบร่ำโบราณอย่างหนึ่ง ส่วนคุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่ก็มีอีกความเชื่อตามหลักการอีกแบบหนึ่ง ฟังจากหลายๆ ครอบครัวก็มีทางออกที่ดีนั่นก็คือ ต้องมีการพูดคุยตกลงกันก่อนว่า จะเลี้ยงลูกหรือหลานไปทางทิศทางไหน โดยคุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามอัพเดทข้อมูลใหม่ ๆ ที่มีเหตุมีผล มาพูดคุยทำความเข้าใจกันเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าเป็นอย่างนี้ ๆ นะ แต่ถ้ามีความเชื่ออะไรที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อเด็ก ในเรื่องวิธีการเลี้ยงดู บางทีก็ปล่อยผ่านไปบ้าก็ได้ค่ะ เพื่อความสมานฉันท์กันภายในบ้าน
อยากให้ลูกเลิกขวดนม
ตามทฤษฎีแล้ว เด็กหนึ่งขวบเป็นต้นไปสามารถหัดดื่มนมจากแก้วได้แล้วค่ะ แต่ในทางปฏิบัติ พ่อแม่หลาย ๆ คนก็ยังให้ลูกดูดนมจากขวดต่อไป เพราะเด็กติดแล้ว เลิกยากมาก ๆ ค่ะ เด็กบางคนกินนมขวดจนเลยประถมสองประถมสามไปเลยก็ยังมี ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เด็กหลาย ๆ คนก็เติบโตแข็งแรงสมบูรณ์ดี ถ้าให้เดาความคิดแบบเด็กๆ คงแบบว่า ดื่มจากขวดแล้วอร่อยจากแก้วเป็นไหน ๆ เพราะไม่ต้องรีบร้อนดื่ม ค่อย ๆ จิบ ๆ ดูการ์ตูนไป โห มีความสุขจะตาย
แต่ทีนี้ คุณหมอหลาย ๆ ท่าน ก็เตือนว่าขวดนมอาจเป็นสาเหตุหลักทำให้เกิดฟันผุในเด็กได้ค่ะ ยกตัวอย่างทุกบ้าน ก่อนนอนก็จะให้ลูกดูดนมจากขวดจนผล็อยหลับไปนั่นแหละ คงไม่มีพ่อแม่คนไหนใจร้าย กล้าปลุกลูกเลิฟที่กำลังฝันดีหรอกให้ลุกขึ้นมาแปรงฟันหรอกค่ะ แต่ถ้าปล่อยไปนาน ๆ เข้า ก็มีส่วนทำให้ฟันผุได้เหมือนกัน ส่วนอีกสาเหตุนึงของการไม่หย่าศึกกับขวดนม ก็คือ ความบ่อยในการดูดนม รวมถึงระยะเวลาในการดูดนม แต่ละครั้งที่นาน ๆ ก็ทำให้ฟันผุได้เหมือนกัน ซึ่งฟันผุในเด็กเล็กโดยส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มจากฟันหน้าด้านบนก่อนค่ะ และค่อยตามมาที่ฟันหน้าด้านล่าง ก่อนจะไปฟันซี่อื่น ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ
กลุ้มใจลูกไม่สูง
ก็ถือเป็นความกังวลยอดฮิตติดชาร์ตมายาวนาน สำหรับความกังวลว่า ลูกจะไม่สูง ซึ่งตามปกติแล้ว เด็กผู้ชายอายุระหว่าง 1-2 ปี ควรสูงขึ้นอย่างน้อย 10 ซม. เด็กผู้หญิงควรสูงขึ้นอย่างน้อย 11 ซม. และในวัย 3 ปี ควรสูงขึ้นอย่างน้อย 6-8 ซม. ซึ่งถ้าไม่เท่าเกณฑ์ตามนี้ ก็ควรพาเจ้าตัวเล็กไปปรึกษาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญค่ะ เพื่อวินิจฉัยหาหนทางแก้ไขต่อไป
แต่ตามหลักการทั่ว ๆ ไป ถ้าอยากให้ลูกตัวสู งๆ ก็หนีไม่พ้น 3 เรื่องค่ะ กิน นอน และออกกำลังกาย อย่างแรก เรื่องกินก็เน้นเนื้อ นม ไข่เยอะ ๆ ตามสูตร สำหรับการนอน อาจจะยากสำหรับเด็กหลาย ๆ คน กว่าจะนอนแต่ละทียากเหลือเกิน แต่ก็จำเป็นค่ะ ถ้าอยากให้ลูกตัวสูง หุ่น นายแบบนางแบบในอนาคต ก็ปรับเวลานอนให้เร็วขึ้น ยิ่งเร็วเท่าไหร่ Growth Hormone ก็หลั่งออกได้ดีเท่านั้น โดยเฉพาะถ้ายิ่งหลับลึกในช่วง 5 ทุ่ม-ตี 5 ยิ่งโตไวค่ะ ส่วนอันสุดท้าย ออกกำลังกาย โดยปกติเด็กก็วิ่งเล่นตามประสาอยู่แล้ว ถ้าอยากให้หลับลึกหลับสบาย ช่วงยามบ่ายแก่ก็ปล่อยวิ่งเล่นออกกำลังกายเยอะ ๆ ค่ะ
Time Out จะได้ผลไหม
ก็เป็นกติกาลงโทษสไตล์ฝรั่ง พ่อแม่ไทยหลายคนอาจงง ๆ คือเข้าใจในระดับหนึ่ง แต่อาจไม่ลึกซึ้งสักเท่าไหร่ พูดง่าย ๆ ก็เป็นทฤษฎีดับอารมณ์ที่ร้อน ๆ ของลูกให้นิ่งลง ก่อนจะเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจ หรือที่เราเรียกเท่ ๆ ว่า "ขอเวลานอก" เอาไว้ใช้เมื่อลูกมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม แทนที่จะตำหนิหรือตี วิธีก็ง่ายแสนง่าย ถ้าลูกมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก็ให้ไปอยู่มุมใดของบ้านก็ได้ ถ้าเป็นเด็กเล็กหน่อย ก็ให้อุ้มไปที่มุมเลย โดยห้ามพูดคุยเด็ดขาด ส่วนเรื่องเวลา ก็เริ่มต้นตามอายุไปเลยก็ได้ค่ะ เช่น 2 ขวบ ก็ 2 นาที 3 ขวบ ก็ 3 นาที
ลูกทำไมพูดช้าจัง
โดยทั่วไปแล้ว เด็กที่อายุประมาณ 1 ปีขึ้นไป สามารถพูดคำที่มีความหมายได้ 1 คำขึ้นไป และเมื่อผ่านพ้นวันเกิดปีที่ 2 แล้วจะสามารถพูดเป็น 2 คำติดต่อกันได้ แต่อย่าเพิ่งตกใจค่ะ หากว่า ลูกเกินขวบแล้ว ยังไม่พูดเลย ถ้าพัฒนาการด้านอื่น ๆ เขายังวิ่งฉิวตามปกติ แต่ทั้งนี้ หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คงไม่สบายใจเท่าไหร่หรอกนะคะ เมื่อเห็นลูกคนอื่นเริ่มพูดจ้อย ๆ น่ารักเชียว ก็ให้ลองสังเกตง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
ถ้าลูกไม่สามารถพูดคำที่มีความหมาย 1 คำเมื่ออายุ 18 เดือนหรือไม่พูดคำ 2 คำต่อกันเมื่ออายุ 2 ขวบ หรือถ้าแย่ที่สุด คือไม่สามารถพูดให้คนอื่นเข้าใจได้เมื่ออายุ 3 ปี (ซึ่งหลายคนคงไม่รอถึงตรงนี้) ก็ควรรีบพาลูกไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจะดีกว่า เนื่องจากพัฒนาการทางภาษา ก็มีความสำคัญอยู่ไม่น้อย ต่อระดับเชาวน์ปัญญาของลูกต่อไปในอนาคตวันข้างหน้า
ที่มา https://www.widemagazine.com/content_detail.php?cont_id=1116